Jump to content



Photo

สัมภาษณ์พิเศษ "สเวน มิสลินทัต" ผมไม่ได้รู้สึกอับอายกับดึงนักเตะเข้าทีมอาร์เซน่อล

- - - - -

  • Please log in to reply

#1
Admin

Posted 10 March 2021 - 08:49 PM

Admin

    Administrator

  • Administrators
  • 10,419 posts
  • LocationBangkok

GettyImages-1095876702-scaled-e161529952
 
ผมไม่ได้รู้สึกอับอายกับการซื้อนักเตะที่อาร์เซน่อล
โดย: Raphael Honigstein (The Athletic)
 
 
เป็นช่วงเวลาเกือบสองปี นับตั้งแต่ สเวน มิสลินทัต ก้าวลงจากตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายคัดสรรนักเตะที่อาร์เซน่อล หลังจากนั้นมิสลินทัตในวัย 48 ปี เขาไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาให้กับสโมสรสตุ๊ตการ์ท อดีตทีมดังที่ตกชั้นจากบุนเดสลีกา
 
เขาพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เขาไปกำหนดทิศทางให้กับทีมม้าขาว และในฤดูกาล วีเอฟเบ เป็นทีมพลังหนุ่มที่น่าตื่นเต้น กับสไตล์การเล่นสไตล์เน้นโต้กลับเร็ว ทำให้ผ่านไป 24 เกมส์ในบุนเดสลีกา ทีมม้าขาวอยู่ใกล้กับโซน 6 อันดับแรก มากกว่าโซนตกชั้น 
 
อดีตแมวมองตาเพชรของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้รับเครดิตมากมายกับการเซ็นสัญญานักเตะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ The Athletic เกี่ยวกับโครงสร้างที่ประสบความสำเร็จที่สตุ๊ตการ์ท การร่วมงานกับเจอร์เก้น คล็อปป์ และช่วงที่อาร์เซน่อล
 
หลายคนคิดว่าสตุ๊ตการ์ท มีโอกาสสูงที่จะร่วงตกชั้นไปอีกรอบ แต่ทุกคนก็ชื่นชมคุณ กับดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยม เช่น Silas Wamangituka (11 ประตูในลีก), Sasa Kalajdzic (12 ประตูในลีก) และ Nicolas Gonzalez (6 ประตูในลีก) คุณเคยคาดหวังว่าจะทำได้ดีแบบนี้อยู่แล้วหรือไม่?
 
ผมเชื่อว่าเรามีคุณภาพที่จะประสบความสำเร็จ และอยู่รอดการการหนีตกชั้น เห็นได้ชัดว่าเรามีคุณภาพยิ่งกว่าเดิม เมื่อ Pellegrino Matarazzo เข้ามาคุมทีมในเดือนธันวาคม 2019 ถ้าคุณมองไปที่อายุเฉลี่ยของนักเตะในทีม อยู่ที่ 23.7 ปี เราคือทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุที่น้อยที่สุดในลีก เราถล่มดอร์ทมุนด์ 5-1 ด้วยค่าเฉลี่ย 11 ตัวจริง 22.8 ปี มันค่อนข้างน่าทึ่งว่าเราได้เจ๋งแค่ไหน เราน่าจะเก็บคะแนนได้มากกว่านี้ แต่นั่นเป็นผลจากการที่เรามีนักเตะอายุน้อย และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาของเรา
 
ถ้าเราเก็บได้ได้มากกว่านี้อีก 4 หรือ 5 แต้ม เราสามารถมองไปที่การไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปได้เลย แต่บางทีมันอาจจะเป็นเป้าหมายที่สูงเกินไปสำหรับปีแรกที่กลับมาลีกสูงสุด เราต้องเติบโตอย่างยั่งยืน เส้นทางที่แท้จริงของเราคือการพัฒนาไปทีละขั้นกับรายได้ และโครงสร้างพื้นฐานของเรา ขณะที่ยังคงหิวกระหายในการพัฒนานักเตะและทีม แต่ก่อนอื่นเราจะต้องรวบรวมทางการเงินเพื่อฟื้นตัวจาก COVID-19 เหมือนกับทุกๆ สโมสร
 
ด้วยการขายนักเตะหรือ?
จากวิกฤต COVID-19 เราสูญเงินไปมากกว่า 30 ล้านยูโร แน่นอนหนึ่งมันคือหนึ่งในทางที่จะเพิ่มรายได้ เหมือนกับที่เราเคยทำในตอนตกชั้น เพื่อช่วยงบดุลของสโมสร จากการลดลงของค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และรายได้จากสปอนเซอร์
 
แต่มันชัดเจนมากๆ ผมมีความมุ่งมั่นที่จะชนะในทุกเกมส์ ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร และเป้าหมายของผมคือการเก็บนักเตะชุดนี้เอาไว้ด้วยกัน พวกเขาเพียงแค่เริ่มต้น ยังพัฒนาได้อีก ผมค่อนข้างมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของสโมสร สตุ๊ตการ์ทเป็ฯเมืองที่น่ามหัศจรรย์ที่สุด และเป็นหนึ่งในย่านที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรป เรามีโรงงานผลิตรถยนต์ของ Daimler ที่เป็นพาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยม พวกเขายังอยู่กับเราแม้ว่าเราจะลงไปเล่นในลีกาสอง
 
นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเขา Daimler มีความเชื่อว่าพวกเขาต้องไม่แพ้ในการแข่งขัน ต้องชนะเท่านั้น แบบเดียวกับทีมรถแข่งของเขาในการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 พูดถึงเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าทึ่งที่พวกเขายังยึดมั่นกับเรา มันเป็นหน้าที่ของเราในการโน้มน้าวพวกเขา ด้วยการทำงานที่ดี สโมสรแห่งนี้มีศักยภาพมากๆ นี่จะเป็นการปลุกยักษ์หลับตัวนี้ ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
 
คุณเริ่มต้นจากการวิเคราะห์เกมส์ และเป็นแมวมองที่ดอร์ทมุนด์ จากนั้นคุณมาเป็นหัวหน้าฝ่ายคัดสรรนักเตะที่อาร์เซน่อล ก่อนจะมาเป็นผู้อำนวยการกีฬาที่สตุ๊ตการ์ท บทบาทหน้าที่ของคุณเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงที่ผ่านมา?
 
มันเป็นการเดินทาง ก่อนที่ผมจะเริ่มทำงานเป็นพนักงานของดอร์ทมุนด์ ผมได้ติดต่อกับพวกเขามาก่อน เพราะงานที่ผมทำในตำแหน่งหัวหน้านักวิเคราะห์ของบริษัทที่ให้บริการกับสโมสรใหญ่ในบุนเดสลีกา และสมาคมฟุตบอลของเยอรมัน
 
บริษัทของเราได้นำเสนอมุมมองในภาพกว้างเกี่ยวกับเกมส์ และจัดหานักวิเคราะห์ด้วยวีดีโอ ซึ่งตอนนั้นผมได้ทำงานกับ มัทธีอัส ซามเมอร์ ในฤดูกาล 2002 ที่ดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์ นั่นคือจุดเชื่อมโยงแรก
 
ผมโชคดีมากที่เริ่มต้นใน 4 ปีแรกกับการเป็นพนักงานคนแรก และคนเดียวของแผนแมวมองใหม่ในปี 2006 ตอนนั้นสโมสรเพิ่งหลีกเลี่ยงจากการภาวะล้มละลายมาได้ ตอนนั้นยังไม่มีการปฏิวัติเรื่องข้อมูลเกิดขึ้น ดังนั้นบทบาทแรกของผมคือการสอดแนมด้านเทคนิค หลังจากนั้นผมได้เห็นหัวหน้าทีมแมวมองชั่วคราว และเต็มเวลาในอีกหนึ่งปีต่อมา ได้เป็นมือขวาให้กับ มิคาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการเทคนิคของสโมสร ไปจนถึงนักวิเคราะห์เกมส์ในเวลาเดียวกัน 
 
แล้วเมื่ออาร์เซน่อลติดต่อมา ซึ่งคอนนั้น โธมัส ทูเคิ่ล เป็นส่วนหนึ่งที่คุณตัดสินใจลาดอร์ทมุนด์ใช่หรือไม่?
 
ไม่จริงเลย ผมตัดสินใจออกจากดอร์ทมุนด์ราว 6 เดือนก่อนที่ทูเคิ่ลจะเข้ามา เมื่อผมตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะลาดอร์ทมุนด์"ปอาร์เซน่อล ผมเคยได้เห็นในช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ และอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งมากๆ เราเพิ่งเซ็นสัญญา เจดอน ซานโซ่ มาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรามีขุมกำลังที่น่าตื่นเต้น และกำลังทำผลงานได้ดีในยุคของ ปีเตอร์ บอสส์
 
ในเดือนตุลาคม 2017 และหลังจาก 11 ปีที่ทำงานให้กับดอร์ทมุนด์ ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่จะออกไปหาบรรยากาศใหม่ และพัฒนาตัวเอง ต้องขอบคุณอาร์เซน่อลที่มอบโอกาสให้
 
 
อะไรที่ทำให้อาร์เซน่อลน่าสนใจเป็นพิเศษ?
 
การได้รับการติดต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ นับเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับผม อาร์เซน่อลเป็นเสมือนพิมพ์เขียวของผมเมื่อผมเริ่มต้นที่ดอร์ทมุนด์ พวกเขาคือต้นแบบ ในปี 2006 กับการเล่นวันทัชฟุตบอลด้วยนักเตะดาวรุ่ง ที่ถูกค้นพบในฝรั่งเศส และที่ต่างๆ อาร์เซน่อลพัฒนาพวกเขา และขายพวกเขาด้วยค่าตัวมหาศาล
 
และนั่นยังเป็นแนวทางที่ผมยึดถือมาจนปัจจุบัน ดอร์ทมุนด์เองก็เคยชินกับการเป็นสโมสรที่ใช้เงินในการซื้อนักเตะ แต่ความท้าทายด้านการเงิน ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกต่อไป ความคิดที่ดีที่สุดมักจะมาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราต้องการ และนั่นมันก็เกิดขึ้น ขอบคุณการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมในการตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเป็นผู้จัดการทีม ดอร์ทมุนด์กลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง ผมโชคดีมากๆ ที่ได้เป็นส่วนร่วมกับโปรเจคที่น่ามหัศจรรย์ และกับทีมงานที่ยอดเยี่ยม
 
 
แล้วการทำงานที่อาร์เซน่อลล่ะ?
 
เวลาน้นยังไม่มีผู้อำนวยการฟุตบอล หรือผู้อำนวยการการเทคนิค อาร์แซน ดูแลทุกอย่าง ซึ่งเป็นแทางทางของผู้จัดการทีมในอังกฤษตามปกติ ตำแหน่งของผมคือหัวหน้าฝ่ายคัดสรรนักเตะ และทำงานร่วมกับเวนเกอร์ ในการวางแผนเรื่องของนักเตะในทีม
 
หลังจากอาร์แซนออกไป ผมได้มีบทบาทด้านเทคนิคที่สำคัญขขึ้นในฐานะสมาชิกในกลุ่มที่ประกอบด้วย อีวาน กลาซิดิช (CEO) ราอูล ซานเญฮี (หัวหน้าฝ่ายฟุตบอล) ฮัสส์ ฟาห์มี่ (ผู้อำนวยการด้านการปฏิบัติการด้านฟุตบอล), เจสัน โรเซนฟิลด์ (หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์) และอูไน เอเมรี (เฮดโค้ช)
 
ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน แต่ด้วยลักษณะความรับผิดชอบ ผมจึงได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ฮัสส์ และเจสัน เรากลายเป็นเพื่อนที่ดีนับจากนั้น พวกเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม และเป็น 2 คนที่มีความสามารถเยอะมาก
 
ฮัสส์ เป็นนักคิดที่มีหัวก้าวหน้ามากๆ และมีความสามารถที่เหลือเชื่อในการทำงานอย่างชาญฉลาดในหลายๆ ด้าน เจสันเองก็เช่นเดียวกัน เขาเป็นคนที่สามารถปรับตัวได้กับทุกอย่าง ความรู้เกี่ยวกับเกมส์ถือว่าชั้นหนึ่ง และเขามักจะหาวิธีที่ดีที่สุดได้เสมอ ผมสนุกในการได้ทำงานกับทั้งคู่ และคงตื่นเต้นถ้าได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง
 

แล้วทำไมคุณถึงออกจากอาร์เซน่อลในท้ายที่สุด?
 
ผมมาร่วมงานกับอาร์เซน่อลเพื่อทำงานกับอาร์แซน และพิสูจน์ตัวเองในลีกที่ดีที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีก แผนของผมคือการเรียนรู้จากหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล สนับสนุน และท้าทายเขาในการชนะในเกมส์ต่างๆ ให้ได้มากที่สุด และวันที่เขาจะหยุดเส้นทางการเป็นผู้จัดการทีม บางทีการได้มองเขาขึ้นไปทำงานในระดับบอร์ดบริหาร และรักษาคุณค่า และปรัชญาของอาร์เซน่อล อาร์แซนออกไปหลังจบฤดูกาล และไม่กี่เดือนต่อมา อีวาน กลาซิดิช ก็ไปเป็นซีอีโอที่มิลาน มาถึงจุดนี้อาร์เซน่อล ต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเรื่องผู้นำใหม่
 
ผมลงสมัครในตำแหน่งผู้อำนวยเทคนิคคนใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมา และราอูล ซานเญฮี และวิไน เวนกาเตสฮัม คนที่เข้ามาเป็นผู้นำร่วมกันที่อาร์เซน่อล แต่สุดท้ายพวกเขาตัดสินใจที่จะเลือกคนอื่นแทน
 
จากนั้นเราได้มีการตกลงกันด้วยความเคารพว่าผมจะจากไป ตอนแรกความคิดของผมจะใช้เวลาพักสัก 2-3 เดือน เพื่อเรียนรู้ภาษาอื่น พัฒนาเรื่องการเล่นเสิร์ฟที่แย่มากของตัวเอง (หัวเราะ) แต่ผมก็ได้รับโทรศัพท์จาก Wolfgang Dietrich ประธานสโมสรสตุ๊ตการ์ท และผมรู้สึกลุกเป็นไฟทันที กับโครงการของสตุ๊ตการ์ท
 
มาฟโรปานอสคือนักเตะคนแรกที่คุณเซ็นสัญญาที่อาร์เซน่อล และเขาก็มาเล่นกับสตุ๊ตการ์ทในตอนนี้:
 
เขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะเป็นกองหลังชั้นยอด เขาโชคร้ายที่มีปัญหาบาดเจ็บบ่อยครั้ง อาการอักเสบของกระดูกทำให้เขาหายไปหนึ่งปีครึ่ง มันสำคัญสำหรับเราในการทำให้เขาฟิตสมบูรณ์ ถ้าเขามีสภาพร่างกายที่มีเสถียรภาพ เขาจะเป็นกองหลังในระดับบุนเดสลีกาได้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาคือหนึ่งในเซนตอร์แบ็คที่เร็วที่สุดในลีก เทียบเท่ากับ ดาโย อูปาเมกาโน่ เขามีสุขมากที่เขาได้ออกสตาร์ทอย่างสม่ำเสมอในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราอยากที่จะยืมตัวเขาต่ออีกหนึ่งฤดูกาล ถ้าเป็นไปได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอาร์เซน่อล
 
 
NINTCHDBPICT000628530724.jpg?strip=all&q
 
มัตเตโอ เกนดูซี่ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่คุณเซ็นมาอาร์เซน่อล ตอนนี้เขาอยู่ในบุนเดสลีกาเช่นกัน เขาได้รับเสียงวิจารณ์จาก พอล ดาร์ได โค้ชของแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ว่าเล่นฟุตบอลแบบไม่รู้จักโต
 
ผมไม่เห็นด้วยกับพอล มัตเตโอเป็นคนที่ต้องการเล่นบอลในทุกจังหวะ แม้อยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน และเขามีวิสัยทัศน์ในการเล่นในทุกๆ มุม นั่นคือจุดแข็งของเขา เขาลงเล่นไป 48 เกมส์ให้กับอาร์เซน่อลในฤดูกาลแรก เขาเป็นกองกลางดาวรุ่ง ในตำแหน่งนั้นกว่านักเตะจะเข้าช่วงพีกก็ต้องอายุ 27-28 เขาไม่ได้ทำทุกอย่างถูกต้อง แต่เขาเล่นด้วยความเฉียบขาด และคุณภาพที่ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ไม่ธรรมดา
 
ดาร์ไดวิจารณ์เขาจากการเสียบอลในกรอบเขตโทษ ในเกมส์กับไลป์ซิก แต่เราต้องการผู้เล่นที่มีความกล้าในการเล่นบอล ที่สามารถเคลื่อนตัวผ่านความกดดันได้ การเสียบอลเป็นส่วนหนึ่งกับเรื่องนั้น ถ้ามันมันเกิดขึ้น คุณจะเรียกขอบอลในครั้งถัดไป และนั่นคือสิ่งที่มัตเตโอทำ และผมรักที่จะได้เห้นมัน คุณไม่สามารถเปลี่ยนเกมส์การเล่นของเขาได้ แต่ทำงานเกี่ยวกับรายละเอียดในการพัฒนาเขา ถ้าคุณสามารถทำได้ คุณจะสร้างมิดฟิลด์ระดับมอนสเตอร์ได้เลย
 
แต่มิเกล อาร์เตต้า ไม่ต้องการเขาในทีมในฤดูกาลนี้?
 
ผมเคารพมิเกลมาก ผมอยากที่จะคุยกับเขาในสักวัน ถึงเหตุผลที่เขาส่งมัตเตโอ และลูคัส ตอร์เรยร่า ออกไปเล่นแบบยืมตัว และบอกกับเขาถึงมุมมองของผมเกี่ยวกับคุณภาพของทั้งคู่ แต่มันคือการตัดสินใจของเขา ในมุมมองส่วนตัวของผม มัตเตโอ ยังสามารถเพิ่มคุณภาพบางอย่างให้กับกองกลางของอาร์เซน่อล เช่นเดียวกับลูคัส มูลค่าของเขาเพิ่มขึ้นมาก หลังจากฤดูกาลแรกของเขาที่อาร์เซน่อล
 
 
ทำไมการทำงานของอูไน เอเมรีถึงล้มเหลวที่อาร์เซน่อล?
สำหรับผมมันเป็นเรื่องยากที่จะสรุป ผมออกจากอาร์เซน่อลตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ผมคิดว่า คุณคงไม่สามารถพูดว่าเขาทำได้ไม่ดีในฤดูกาลแรก ผมทำงานกับเขาที่อาร์เซน่อล แต่ผมไม่สามารถให้ความเห็นกับฤดูกาลที่สองของเขาได้ หากไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับที่นั่น
 
 
มองไปที่การเซ็นสัญญานักเตะของคุณที่อาร์เซน่อล มันผิดพลาดหรือเปล่าที่ไปโฟกัสกับนักเตะที่เคยอยู่กับดอร์ทมุนด์ 
 
"เขารู้จักแค่นักเตะของดอร์ทมุนด์" นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ แต่นั่นไม่สามารถอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคุณ คุณมีอิสระที่จะแสดงความคิด ที่คุณคิดว่าคือสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งคุณอาจจะเข้าใจผิด แต่ผมสบายใจที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาอดีตนักเตะดอร์ทมุนด์
 
เริ่มจากโอบา เขาคือกัปตันทีมอาร์เซน่อล ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก สถิติของเขานับตั้งแต่ย้ายมาพรีเมียร์ลีก มันพิสูจน์ได้ด้วยตัวมันเอง เขายังคงยิงประตูเยอะที่สุดในทีม เขามีส่วนสำคัญในการพาอาร์เซน่อลคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วยคุณภาพและประตูของเขา
 
แล้วเฮนริค มคิทาร์ยาน ล่ะ? การสลับตัวกับอเล็กซิส ซานเซซ นักเตะที่จะไม่เหลือมูลค่าสำหรับสโมสรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มิคกี้เป็นข้อตกลงที่ดีสำหรับทีม และสำหรับเรื่องทางบัญชี ยิ่งไปกว่านั้นคุณได้นักเตะที่พูดได้ 7 ภาษา และเชื่อมต่อได้กับนักเตะทุกคนในทีม เขาเป็นมืออาชีพลำดับต้นๆ เขาเป้นตัวอย่างที่ดีกับการทำงานหนัก ผมมีความสุขกับเขา กับการกลับมาได้โดดเด่นอีกครั้งที่โรม่า
 
โซคราติส? เขาสามารถเพิ่มบางอย่างให้กับทีมได้ เช่นความดุดัน ความคิดที่จะเป็นผู้ชนะ พร้อมเป็นชนะแม้จะเล่นไม่สวยงาม อย่างลืมว่าเขาถือเป็นผู้แนะนำที่สมบูรณ์แบบสำหรับดินอส (มาฟโรปานอส)
 
สำหรับมุมมองของผม โซคราติส และโลร็องต์ กอสเซียลนี่ เติมเต็มซึ่งกันและกันได้ดี เรายังมีร็อบ โฮลดิ้ง, ดินอส มาฟโรปานอส, คาลัมม์ แชมเบอร์ ที่พร้อมขึ้นมาทดแทน และท้าชิงตำแหน่ง และเรายังได้ วิลเลี่ยม ซาลิบา ด้วยค่าตัวที่สมเหตุสมผล
 
ปีเตอร์ เช็ก และสเตฟาน ลิทซ์สไตเนอร์ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นตัวอย่างของความเป็นผู้นำให้กับนักเตะดาวรุ่งจากอะคาเดมี่อย่าง เอมิล สมิธ โรว์, บูคาโญ ชาคา, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์, โจ วิลล็อค และริสส์ เนลสัน ทั้งหมดได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับสภาพแวดล้อมระดับมืออาชีพในเวลานั้น
 
สเตฟาน เขาเป็นต้นแบบของผู้ชนะ นั่นเป็นเหตุผลที่เราดึงเขามา เขาลงเล่นไป 23 เกมส์ในทุกรายการ เขามาในฐานะแบ็คอัพ และมาแบบไม่มีค่าตัว เขาเคยถือเป็นฟูลแบ็คที่ดีที่สุด ในตอนนั้นเรามี เซอัด โคลาซินัช, เอคตอร์ เบเยริน และเอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ที่พวกเขาแข็งแกร่งในการเล่นเกมส์รุก เราต้องการใครสักคนที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องเกมส์รับ ที่สามารถช่วยพัฒนาคนอื่นในจังหวะเกมส์รับ และคนต้องเจ็บตัวถ้าหากมีใครทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ซึ่งเขาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
 
เพื่อความชัดเจน ผมไม่รู้สึกอับอายกับการเซ็นสัญญาเหล่านั้น และในทางกลับกันผมพร้อมที่จะปกป้องพวกเขาเหล่านั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นนักเตะของผม แต่เพราะพวกเขาคือนักเตะอาร์เซน่อล และเป็นคนที่มีความสามารถ ทีมที่ไม่แพ้ใคร 22 นัดในทุกรายการ ได้เข้าชิงยูโรป้าลีก และจบในอันดับ 5 ของตารางคะแนนจากการมี 70 แต้ม คุณสามารถบอกได้ว่ามันยังไม่ดีพอ แต่หลายทีมก็อยากที่จะจบในอันดับ 5 ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าเราอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และผมสนุกกับการได้มีโอกาสพัฒนาที่อาร์เซนอ่ล อย่างไรผมไม่ได้มองย้อนกลับไป ผมได้เรียนรู้มากมาย และรักช่วงเวลาที่โสสร ที่พรีเมียร์ลีก และในลอนดอน



#2
Gunners1989 (เต้ย)

Posted 10 March 2021 - 10:13 PM

Gunners1989 (เต้ย)

    Advanced Member

  • Moderators
  • 3,867 posts
อยากให้มิเกลกับสเวนได้คุยกันจริง ๆ แฮะ

#3
alone13

Posted 10 March 2021 - 10:20 PM

alone13

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,172 posts

ลิทซ์สไตเนอร์ ส่วนนึงของการเล่นพลาดทำชวด TOP4



#4
magnum112

Posted 11 March 2021 - 12:59 AM

magnum112

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 5,894 posts
ดูแกมีแพสชั่นกับทีมพอสมควรเลยนะ

เสียดายถ้าได้มาเป็นผอ.เทคนิคยาวๆอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี

#5
ต๊ะ

Posted 11 March 2021 - 02:23 AM

ต๊ะ

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 3,394 posts
เหลือเชื่อ ตอนนั้น 70 แต้ม ยังคิดว่าแย่เลย พอมาดูตอนนี้ หึหึ จบฤดูกาล จะถึง 60 ไหม

#6
Ianwright

Posted 11 March 2021 - 08:23 AM

Ianwright

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 227 posts
ทีมบริหารที่สุดยอดเท่าที่เคยมีมาคือ เวนเกอร์ กับ เดวิด ดีน
แม้ปลายยุคเวนเกอร์จะมีปัญหาแต่ภาพรวมหาใครเทียบยาก

ทีมบริหารหลังยุคเวนเกอร์ ล้มเหลวอย่างมากในการซื้อผู้เล่น รวมถึงการนำอูไนเข้ามา จนมาตกต่ำในแบบปัจจุบันในยุคอาร์เตต้า

#7
ปืนเก่า55

Posted 11 March 2021 - 10:07 AM

ปืนเก่า55

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 4,288 posts

เข้าตำราคนซื้อไม่ได้ใช้คนใช้ไม่ได้ซื้อ?...แล้วไม่มีการปรึกษากันก่อนที่จะซื้อและใช้หรอครับท่าน...โคตรไม่เข้าใจ!



#8
bcc153room

Posted 11 March 2021 - 10:59 AM

bcc153room

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 102 posts
ถ้าปีนั้นนักเตะไม่เล่นไล่โค้ชเอเมรีคงได้พาทีมไปแชมป์เปียนลีกกับแชมป์ยูโรป้า ทีมบ้าอะไร เหลือเกมส์ในมือ 5 นัดต้องการ แค่1 คะแนนทำไม่ได้ ตอนนี้แค่ที่ 5 ผมยังไม่คิดว่าจะทำได้เลย

#9
Admin

Posted 11 March 2021 - 03:22 PM

Admin

    Administrator

  • Administrators
  • 10,419 posts
  • LocationBangkok

ถ้าปีนั้นนักเตะไม่เล่นไล่โค้ชเอเมรีคงได้พาทีมไปแชมป์เปียนลีกกับแชมป์ยูโรป้า ทีมบ้าอะไร เหลือเกมส์ในมือ 5 นัดต้องการ แค่1 คะแนนทำไม่ได้ ตอนนี้แค่ที่ 5 ผมยังไม่คิดว่าจะทำได้เลย



ไม่ได้ไล่โค้ชนะปีแรก เอเมรีพลาดไปโรเตชั่น พี่มุสพลาดนัดพาเลซ แล้วพาเสียสูญหลุดท็อปโฟร์ ส่วนนัดชิงยูโรป้าก็แพ้แบบสู้ไม่ค่อยได้ มาปีสองนี่แหละ ที่เอเมรี คุมนักเตะไม่ได้ เสีย dressing room




0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users