อาร์เซน่อล เชื่อว่าพวกเขาหาตัวแทนของ กรานิต ชาคา ได้แล้ว และนักเตะคนดังกล่าวใช้เวลาส่วนใหญ่กับการค้าแข้งที่เชลชีในฐานะผู้เล่นหมายเลข 9
ไค ฮาแวร์ตซ์ กำลังจะย้ายจากตะวันออกของลอนดอน มาที่ลอนดอนเหนือ ด้วยข้อตกลงมูลค่า 65 ล้านปอนด์ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาเบื้องต้นที่เชลชี จ่ายเพื่อซื้อเขามาจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เมื่อสามปีที่แล้ว ข้อตกลงเหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย ท็อด โบห์ลี เจ้าของร่วมของเชลชี แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการให้ ฮาแวร์ตซ์ ต่อสัญญาฉบับใหม่ โดยได้เงินเดือนที่ต่ำกว่าเดิม แต่เพิ่มเรื่องโบนัสที่มากขึ้น หรือไม่ก็พิจารณาขายเขาให้ทันก่อนวันที่ 30 มิถุนายน เพื่อให้ค่าตัวของฮาแวร์ตซ์ สามารถรวมอยู่ในบัญชีของเชลชี ประจำฤดูกาล 2022/23 เพื่อชดเชยจากการทุ่มเงินไปมากกว่า 600 ล้านในปีแรกของกลุ่มเจ้าของใหม่
เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค สองยอดทีมแห่งยุโรปต่างแสดงความสนใจในตัวฮาแวร์ตซ์ แต่ทั้งคู่ไม่พร้อมที่จะทุ่มเงินตามมูลค่าที่เชลชีตั้งเอาไว้ ท้ายที่สุดเป็นอาร์เซน่อลที่ยอมจ่าย โดยเชื่อมั่นว่า ฮาแวร์ตซ์ จะลงตัวกับระบบการเล่นของมิเกล อาร์เตต้า
กุนซือหนุ่มชาวสเปน ได้รับการชื่นชอบอย่างมากในแง่ของสไตล์การเล่น และการฝึกสอนผู้เล่นแบบรายบุคคล และมีความเชื่อว่า ฮาแวร์ตซ์ จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่กับระบบการเล่นที่เน้นการครอบครองบอลของอาร์เซน่อล และพวกเขาก็มีโครสร้างทีมที่แข็งแรง รวมถึงความกระตือรือร้นที่จะขึ้นไปท้าทายแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนซิตี้อีกครั้งให้ได้
ด้วยวิสัยทัศน์ของอาร์เตต้า ฮาแวร์ตซ์ จะถูกวางให้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 8 ฝั่งซ้าย ที่มีอิสระในการเชื่อมเกมส์ และเข้าโจมตีในพื้นที่สุดท้าย ด้วยการสอดทะลุจากแดนกลางขึ้นมา ขณะที่มี โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้ ที่จะขยับจากแบ็คซ้าย มาเล่นตรงกลางด้านหลังเขาแทน
นั่นไม่ใช่บทบาทที่แปลกใหม่สำหรับฮาแวร์ตซ์ เพียงแค่ตอนที่อยู่กับเชลชี หลังจาก โธมัส ทูเคิ่ล หมดความเชื่อมั่นในตัว ติโม แวร์เนอร์ และโรเมลู ลูกากู ในปี 2022 ฮาแวร์ตซ์ก็กลายเป็นผู้เล่นในตำแหน่งหมายเลข 9 มาโดยตลอด
การที่ตอ้งเจอกับเซนเตอร์แบ็คที่มีรูปร่างสูงใหญ่ และต้องใช้พลังกำลังในการปะทะทุกๆ สัปดาห์ และส่วนใหญ่จะเป็นการรับบอลโดยหันหลังให้กับประตู มากกว่าที่จะเป็นการวิ่งสอดจากแนวลึกขึ้นมา แบบในสมัยที่เขาสร้างขื่อขึ้นมาที่เลเวอร์คูเซ่น
ภาพกราฟิก ด้านล่างจะเน้นย้ำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการเล่นของเขา นับตั้งแต่ที่ย้ายจากเยอรมันมาในเดือนกันยายน 2020 รูปแรกจะเป็นรายละเอียดตำแหน่งการเล่นของเขา ตลอด 4 ปีที่อยู่กับเลเวอร์คูเซ่น
และนี่คือข้อมูลของเขากับการเล่นในพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา มันแสดงให้เห็นว่าที่เชลชี เขาถูกขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้ามากถึง 63% และได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก 23% ส่วนที่เลเวอร์คูเซ่น เขาใช้เวลาตรงพื้นที่ตรงกลาง กับริมเส้นฝั่งขวา ค่อนข้างเยอะ มีแค่ 17% ที่เขาขยับขึ้นไปยืนในตำแหน่งกองหน้า
ในเวลาเดียวกัน ความอันตรายและความเด็ดขาดของเขาก็ลดลงไปในฤดูกาลล่าสุด ไม่มีผู้เล่นคนใดในพรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูได้ต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับจำนวนประตูคาดหมาย (xG) ในฤดูกาล 2022/23 ฮาแวร์ตซ์ ยิงได้ 6 ประตู ขณะที่ค่า xG ของเขาอยู่ที่ 10.8 ติดลบ 4.8 แต่ในช่วง 2 ฤดูกาลสุดท้ายกับเลเวอร์คูเซ่น เขามีสถิติทำประตูได้มากกว่าค่า xG
ในโอกาสที่หาได้ยากที่เราจะได้เห็น ฮาแวร์ตซ์ ในสีเสื้อของเชลชี ที่เราได้เห็นเขาขยับมาทำเกมส์รุกตรงกลาง ซึ่งคือหนึ่งในเกมส์ที่เขามีผลงานดีที่สุดในฤดูกาล คือเกมส์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกสองกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อเขาเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ในระบบ 3-4-3 โดยยืนอยู่ด้านหลังของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
นั่นคือตำแหน่งและบทบาท ที่เขาสร้างชื่อกับเลเวอร์คูเซ่น ในช่วงท้ายฤดูกาล 2018/19 ภายใต้การคุมทีมของปีเตอร์ บอสซ์ ฮาแวร์ตซ์ ยิงไป 7 ประตูจาก 7 เกมส์สุดท้ายของฤดูกาล ช่วยทีมให้ทีมจบในอันดับท็อปโฟร์ และปีนั้น เขาจบในตำแหน่งดาวซัลโวของทีม (17 ประตู) ในจำนวนนั้นมีเพียงแค่ 2 ประตูที่เป็นการยิงในกรอบ 6 หลา
ระหว่างคุมทีมในช่วงเวลา 19 เดือนของ โธมัส ทูเคิ่ล เขานิยามฮาแวร์ตซ์เอาไว้ว่า เป็นผู้เล่นที่มีเอกลักษณ์ และมีความไฮบริด ระหว่างผู้เล่นหมายเลข 9 และ 10 เขาเป็นคนที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี เขามีจังหวะเวลาในการเข้าถึงเขตโทษที่ยอดเยี่ยม จบสกอร์เฉียบคม มีความนิ่งในกรอบเขตโทษ และรอบๆ กรอบเขตโทษ นั่นคือสิ่งที่ทูเคิ่ลเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021
มีเพียงแค่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (349 ครั้ง) เพียงคนเดียวเท่านั้นที่วิ่งแบบไม่มีบอล (off-ball run) เข้าไปสู่กรอบเขตโทษของคู่แข่งมากกว่าฮาแวร์ตซ์ (334 ครั้ง) ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลก่อน และระยะทางในการวิ่งน้อยกว่าเพียงแค่ ซอน เฮืองมิน กองหน้าของสเปอร์ (1,093 ต่อ 1,070 หลา) แต่เขาก็เป็นผู้เล่นที่ถูกจับล้ำมากเป็นอันดับ 2 ของลีก (28 ครั้ง) เป็นรองแค่ เจมี่ วาร์ดี้ ของเลสเตอร์
การเคลื่อนที่เหล่านี้ เป็นการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับแก่ทีม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการหาพื้นที่ให้กับตัวเอง หรือการสร้างพื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมทีม ตัวอย่างการวิ่งแบบไม่มีบอลที่ดีที่สุดเมื่อก่อน คือประตูของเขาในเกมส์ชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนมีนาคม เมื่อฮาแวร์ตซ์ วิ่งไปรับลูกชิพของ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ์ ก่อนที่จะยกบอลข้ามหัว แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูของเลสเตอร์ ซิตี้
อีกจังหวะที่มีความใกล้เคียงกัน กับประตูชัยในเกมส์ที่เชลชีชนะนิวคาสเซิ่ล เมื่อจอร์จินโญ่ วางบอลยาวเข้ากรอบเขตโทษ ฮาแวร์ตซ์ วิ่งไปในตำแหน่งที่เป็นจุดอับสายตาของ แดน เบิร์น ก่อนที่จะสะกิดบอลหนีมือ มาร์ติน ดูบราฟก้า เข้าไปตุงตาข่าย
จุดที่น่าสังเกต การวิ่งที่ดีที่สุดของ ฮาแวร์ตซ์ คือการวิ่งขึ้นมาจากแนวลึก ซึ่งนั้นจะช่วยเพิ่มมิติการเล่นในแนว Vertical ให้กับอาร์เซน่อลได้
ขณะที่ระบบการเล่นของอาร์เซน่อลในฤดูกาลที่แล้วคือ 4-3-3 แต่ในรูปแบบการขึ้นเกมส์รุกของพวกเขาจะเป็นลักษณะ 3-2-5 โดยมีผู้เล่นแบ็คซ้ายอย่าง ชินเชนโก้ ขยับขึ้นมาเป็นกองกลาง และปล่อยให้ผู้เล่นหมายเลข 8 สองคน มีอิสระในการทำเกมส์บริเวณ Half space ทั้งซ้ายและชวา
บทบาทของฮาแวร์ตซ์ ในระบบ 4-3-3 ของอาร์เซน่อล
โดยพื้นฐานแล้ว ด้วยบทบาทนี้จะช่วยฮาแวร์ตซ์ ทำเกมส์จากแนวลึก และในพื้นที่ Half space พอเขาโดนจับไปเล่นเป็นหมายเลข 9 ทำให้ความสร้างสรรค์ของฮาแวร์ตซ์ถูกมองข้ามไป ถ้าดูสถิติ ฮาแวร์ตซ์ เป็นผู้เล่นที่สร้างโอกาสทำประตูจากโอเพ่นเพลย์ได้มากที่สุดในทีมเชลชีเมื่อฤดูกาลก่อน (54 ครั้ง)
เราสามารถจิตนาการได้ถึงการจบสกอร์ด้วยการวิ่งจากแนวลึกเข้ามาทำประตู เหมือนเช่น 2 ประตูของ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ยิงใส่เชลชีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม และด้วยการที่ฮาแวร์ตซ์ เก่งมากกับการเคลื่อนที่แบบไม่มีบอล นั่นยิ่งจะทำให้เกมส์รุกของอาร์เซน่อลสามารถคุกคามคู่แข่งได้มากกว่าเดิม
เมื่อฤดูกาลก่อน อาร์เตต้า ปรับวิธีการเล่นของ กรานิต ชาคา ให้ขยับขึ้นไปยืนสูงกว่าเดิม แม้ว่าการเล่นเกมส์รุกจะไม่ใช่จุดเด่นของชาคา แต่เขายิงไปได้ถึง 9 ประตู 7 แอสซิท เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของชาคา นับตั้งแต่อยู่กับอาร์เซน่อลมา 7 ฤดูกาล
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโอกาสทำประตูที่ดีที่สุดของ ฮาแวร์ตซ์ ในการเล่นกับเชลชี มาจากการขึ้นเกมส์ทางปีกขวา ไม่ว่าจะเป็นการคลอส การสวนกลับ หรือการจ่ายบอลจากแนวลึกเข้ากรอบเขตโทษ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการว่า โอเดการ์ด กับบูคาโญ ซาก้า ที่จะช่วยกันถวายพาน โอกาสการทำประตูให้กับฮาแวร์ตซ์
คำถามที่สำคัญในการเล่นบทบาทหมายเลข 8 ฝั่งซ้ายของฮาแวร์ตซ์ นั่นคือเขาจะทดแทนเรื่องการเล่นเกมส์รับแบบที่กรานิต ชาคา ทำได้หรือไม่ นั่นเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดในตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ตามทูเคิ่ล เคยชื่นชอบเรื่องการ เพลสซิ่งที่ดุดัน ของฮาแวร์ตซ์ นอกจากนี้ การที่ฮาแวร์ตซ์ สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ทำให้เขาสามารถถูกใช้งานในตำแหน่ง False 9 หรือริมเส้นฝั่งขวาได้อีกด้วย
นั่นจะทำให้มิเกล อาร์เตต้า มีขุมกำลังที่สามารถหยิบใช้ได้มากขึ้นกับฤดูกาลหน้า ที่พวกเขาจะได้กลับไปเล่นบทเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ครั้งแรกในรอบ 7 ปี และพวกเขาจะขึ้นไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งหรือไม่ แต่กับตลาดซัมเมอร์ เราได้เห็นความทะเยอะทะยานของสโมสรอาร์เซน่อล ที่พร้อมลงทุนก้อนโต สำหรับการพัฒนาทีมของพวกเขา ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
หลังจากได้ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาแล้ว แฟนบอลของอาร์เซน่อลก็คงกำลังรอ เดแคลน ไรซ์ กองกลางตัวใหม่ และหาการย้ายทีมเกิดขึ้น ไรซ์ จะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอาร์เซน่อลทันที
ส่วนตัว ฮาแวร์ตซ์ เขาจะกอบกู้ชื่อเสียงและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาได้หรือไม่? บทต่อไปของเขาในถิ่นเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม จะเป็นคำตอบเอง.....