Jump to content



Photo

ตัดเกรดนักเตะอาร์เซน่อล, มิเกล อาร์เตต้าและเอดู ในฤดูกาล 2020/21

- - - - -

  • Please log in to reply

#1
Admin

Posted 26 May 2021 - 03:28 PM

Admin

    Administrator

  • Administrators
  • 10,421 posts
  • LocationBangkok

GettyImages-1232988345-1140x760.jpg
 
พรีเมียร์ลีก: อันดับ 8 (61 คะแนน)
ยูโรป้าลีก: รอบรองชนะเลิศ (แพ้บียาร์เรอัล 1-2)
เอฟเอ คัพ: รอบ 4 (แพ้เซาแธมป์ตัน 0-1)
คาราบาว คัพ: รอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4)

คอมมิวนิตี้ ชิลด์: แชมป์ (ชนะจุดโทษลิเวอร์พูล 5-4)
 
 
ผู้รักษาประตู
แบรนด์ เลโน่: 6.5
เริ่มฤดูกาล แบบสุ่มเสี่ยงจะสูญเสียมือ 1 หลังจาก มาร์ติเนซ โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในช่วงที่เลโน่ได้รับบาดเจ็บจนพักยาว แต่ท้ายที่สุด มาร์ติเนซ เลือกที่จะไม่รอวัดมือหนึ่งกับเลโน่ แล้วย้ายไปการันตีมือหนึ่งกับแอสตัน วิลล่าแทน 
 
ทำให้เลโน่ เหมาลงเล่นทั้งเกมส์ลีก ยูโรป้าลีก และเอฟเอ คัพ รวม 47 เกมส์ตลอดทั้งฤดูกาล ในพรีเมียร์ลีกทีมเสียประตูน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับ 4 ปีหลังสุด พวกเขาเสียไป 39 ประตู เลโน่ ก็ยังทำผลงานได้ไม่ได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แม้ว่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นอยู่บ้าง อย่างในเกมส์ที่แพ้เอฟเวอร์ตัน 0-1 ที่เขารับบอลไม่ดีกลายเป็นเข้าประตูตัวเอง หรือเกมส์แพ้วูลฟ์ ที่กะจังหวะออกมาตัดบอลนอกเขตโทษพลาด จนต้องใช้มือเล่น และถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม 
 
จุดที่เลโน่ ด้อยกว่า มาร์ติเนซ แบบชัดเจนคือการออกบอลด้วยเท้า เราเห็นถึงความไม่มั่นใจในการออกบอล มีการดึงจังหวะช้าตลอด บางครั้งก็ตัดสินใจเลือกจังหวะเล่นไม่ดี จ่ายยัดจนเพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ดังนั้นเลยเป็นเครื่องหมายคำถาม ถ้าอาร์เตต้า ต้องการเล่นสไตล์ Build up จากแนวรับ เขาต้องการผู้รักษาประตูที่เล่นบอลด้วยเท้าที่เก่งกว่าเลโน่หรือไม่? 

ลูนาร์ อเล็กซ์ รูนาร์สสัน: 5.0 
ผู้รักษาประตูทีมชาติไอซ์แลนด์ ที่ย้ายมาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ จากดิญง ด้วยค่าตัว 1 ล้านยูโร เบื้องต้นวางแผนไว้ว่าเซ็นเข้ามาเป็นมือสาม แต่ทีมล้มเหลวในการเจรจาคว้าตัว ดาวิด ราย่า มือกาวจากเบรนท์ฟอร์ดเพื่อมาแทนมาร์ติเนซ ทำให้ รูนาร์สสัน ถูกขยับมาเป็นมือสอง แต่ฟอร์มถือว่าย่ำแย่เลย เรียกว่าคู่แข่งยิงเป็นตุง ที่ฝันร้ายที่สุดคงเป็นเกมส์ที่แพ้ ซิตี้ 1-4 ในคาราบาว คัพรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่รับลูกฟรีคิก มาร์เรซ ที่ยิงตรงตัว แต่ดันรับแฉลบเข้าประตูตัวเอง
 
แมตต์ ไรอัน: 6.0
อาร์เซน่อล ยืมตัว แมตต์ ไรอัน ผู้รักษาประตูทีมชาติออสเตรเลีย มาจากไบรท์ตันช่วงตลาดรอบสอง และได้สลับลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไป 3 เกมส์ ซึ่งไรอัน ก็ทำได้ดีหมด นัดแรกกับวิลล่า ไรอันช่วงเซฟไม่ต่ำกว่า 6-7 ครั้ง, เกมส์กับฟูแล่ม มีส่วนกับประตูตีเสมอของทีมในช่วงทดเจ็บ และเก็บคลีนซีตในเกมส์บุกชนะนิวคาสเซิ่ล แม้ว่าจะมีโอกาสลงเล่นแค่ 3 นัด แต่ไรอัน ก็แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถลงมาแล้วไม่ได้เห็นความแตกต่างระหว่างมือ 1 และมือ 2 มากนัก ก็ต้องลุ้นว่าเขาจะได้มาอยู่กับทีมแบบถาวรหรือไม่ 
 
 
กองหลัง
ดาวิด ลุยซ์: 7.0 
ลุยซ์ พัฒนาขึ้นเยอะมากจากฤดูกาลแรกของอาร์เซน่อล จากที่ทำเสียจุดโทษไป 5 ครั้งในซีซั่นแรก ซีซั่นนี้เขาทำเสียจุดโทษไปลูกเดียว คือในเกมส์ที่พลิกแพ้วูลฟ์ แล้วเจ้าตัวโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จังหวะเฟอะฟะก็ลดลงไปเยอะ จากที่ดูเหมือนว่าจะมีบทบาทเป็นเพียงแค่แบ็คอัพ แต่เล่นไปเล่นมา ถ้าลุยซ์ฟิตสมบูรณ์ อาร์เตต้าจะเลือกลุยซ์มาเป็นอันดับแรกเสมอในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค 
 
ซึ่งลุยซ์ก็สำคัญมากๆ กับการ Build up เกมส์จากแดนหลัง ด้วยทักษะการออกบอลไม่ว่าจะบอลสั้นหรือยาว ซึ่งหาไม่ได้จากเซนเตอร์คนอื่น อีกหนึ่งข้อดีของลุยซ์คือเขาสามารถจับคู่กับใครก็ได้ในแนวรับ ไม่ว่าจะเป็นกาเบรียล, มารี หรือโฮลดิ้ง ท้ายที่สุด ลุยซ์ไม่ได้ไปต่อกับทีม จบฤดูกาลก็ต้องแยกย้ายกันไป แต่ดีลที่อาร์เซน่อลไปซื้อลุยซ์มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ มันไม่ได้แย่อย่างที่เราคิดกันไว้ในตอนแรก 
 
ร็อบ โฮลดิ้ง: 7.0 
โฮลดิ้ง เป็นเซนเตอร์แบ็คที่ลงเล่นเยอะที่สุดในฤดูกาลนี้ 33 นัด ภาพรวมโฮลดิ้งก็ทำผลงานได้ในระดับที่ดี การป้องกันลูกกลางอากาศถือเป็นจุดแข็ง แม้ว่าบางครั้งการยืนตำแหน่ง หรืออ่านจังหวะจะผิดพลาด แล้วปล่อยให้คู่แข่งที่ตัวเล็กขึ้นมาโหม่งทำประตูได้ อย่างในนัดที่แพ้ซิตี้ 0-1 ที่โดนสเตอร์ลิ่งโหม่ง หรือเกมส์ที่แพ้ลิเวอร์พูล 0-3 ก็เจอโจต้า แทรกมาโหม่ง เป็นต้น
 
ปัญหาของโฮลดิ้งคือเขายังไม่ได้เก๋าพอที่จะเป็นผู้นำในแผงแบ็คโฟร์ และการออกบอลที่ยังทำได้ไม่ดี ยิ่งลูกวางยาว ไม่ต่างจากการเคลียร์บอลทิ้ง

ปาโบล มารี: 7.0 
เจ็บมาตั้งแต่ปลายฤดูกาลก่อน ตอนแรกคาดว่าเดือนกันยายนจะกลับมาได้ แต่ท้ายที่สุดก็ดีเลย์ไปเกือบสองเดือนกว่าที่ มารี จะพร้อมลงเล่น จากการที่เรายังเห็นมารีเล่นมาไม่กี่นัด มันก็ยังก่ำกึ่งว่าดีหรือไม่ แต่ซีซั่นนี้พิสูจน์ว่า มารี ก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงิน 5 ล้านปอนด์ที่จ่ายไปให้กับฟลามิงโก้ เป็นหนึ่งในเซนเตอร์ที่เล่นได้แน่นอน การออกบอลน่าจะดีรองจากลุยซ์ และพอมีความเก๋าที่จะคอนโทรลแผงแบ็คโฟร์

กาเบรียล มากัลเญส: 6.5 
ย้ายมาจากลีลส์เมื่อปีก่อน ในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่จนเกือบต้องดิ้นร้นหนีกการตกชั้น แต่กาเบรียล โดดเด่นขึ้นมาเลย และไม่ต้องแปลกใจที่เขาจะได้นักเตะยอดเยี่ยมของทีม 3 เดือนแรกของซีซั่นนี้ แต่จุดเปลี่ยนของกาเบรียล มาเกิดขึ้นโดยเริ่มจากที่เขาโดนใบแดงในเกมส์เสมอเซาแธมป์ตัน 1-1 ในช่วงกลางเดือนธันวาคม และยังมาติดโควิดไปอีก 
 
พอหายกลับมาช่วงเดือนมกราคม เห็นได้ชัดว่ากาเบรียลดูเหมือนขาดความมั่นใจไป และอีกปัญหาที่ชัดเจนคือการสื่อสารของกาเบรียลมีปัญหา สังเกตุได้จากการจับคู่กับโฮลดิ้ง จากสถิติ % ชนะของทีมน้อยมาก แตกต่างจากถ้าได้มาจับคู่กับ ลุยซ์ แข้งรุ่นพี่ร่วมชาติ ที่สามารถประคองกาเบรียลให้สามารถเล่นได้ ดังนั้น กาเบรียล ต้องข้ามกำแพงภาษามาให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะล้มเหลวเหมือนแข้งจากลาตินหลายคน ที่เคยมาอยู่อาร์เซน่อล  

คีแรน เทียร์นี่ย์: 7.5 
เทียร์นี่ย์ พัฒนาขึ้นต่อเนื่องจากปลายซีซั่นที่แล้ว จนกลายเป็นผู้เล่นคีย์แมนที่ทีมขาดไม่ได้ ทั้งฝีเท้า คาแรกเตอร์ความเป็นนักสู้แบบคนสก็อตติช เกมส์รับก็ทำได้ยอดเยี่ยม การเติมเกมส์รุกก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ถือว่าเขาเป็น 1 ในแบ็คซ้ายลำดับต้นๆ ของลีกตอนนี้ก็ไม่ผิดนัก แต่ปัญหาของเทียร์นี่ย์ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีก่อน ก็คือปัญหาบาดเจ็บ ที่เขายังเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานอยู่เรื่อยๆ ทำให้ในลีกเขาลงเล่นไปได้แค่ 26 เกมส์เท่านั้น 

เอคตอร์ เบเยริน: 5.5 
คงเป็นเรื่องยากมากที่เราจะได้เห็นเบเยรินกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของเขา ทั้งจากอาการบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ตอนนี้เบเยรินกลายเป็นนักเตะธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นไม่ว่าจะเกมส์รุก หรือเกมส์รับ และช่วงท้ายๆ เขาสูญเสียตำแหน่งแบ็คขวาตัวจริงไปแบบถาวร และคงเป็นซีซั่นสุดท้ายของเขากับอาร์เซน่อล 
 
เซดริก ซัวเรซ: 6.0  
ฟูลแบ็คชาวโปรตุเกส ที่มาอยู่กับทีมตั้งแต่กลางซีซั่นก่อน ก็ยังมีฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ บางนัดก็ดี บางนัดก็แย่ ทำให้ตำแหน่งแบ็คขวามีการสลับตัวผู้เล่นบ่อยมากที่สุด เซดริกมีถูกใช้งานในตำแหน่งแบ็คซ้ายจำเป็นด้วย แต่ผลงานก็ไม่ได้ดีนัก สำหรับแข้งรายนี้ดีพอสำหรับการเป็นอะไหล่ แต่ไม่ได้ดีขนาดที่จะขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมได้ 

คาลัมม์ แชมเบอร์: 6.5
บาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องพักยาวร่วม 9 เดือน และถูกมองว่าจะไม่ได้มีอนาคตอะไรกับทีมแล้ว แต่กลายเป็นช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของฤดูกาล แชมเบอร์เบียดทั้งเบเยริน และเซดริก ขึ้นมายึดตำแหน่งแบ็คขวาตัวจริงของทีมได้ อาจไม่ใช่กองหลังที่มีความเร็ว แต่สิ่งที่น่าชื่นชมของแชมเบอร์คือความมุ่งมั่น และสมาธิเวลาอยู่ในสนาม เกมส์รับ-เกมส์รุกค่อนข้างสมดุล 

กองกลาง
กรานิต ชาก้า: 7.0
ชาก้า ก็ยังเป็นเสมือนระเบิดเวลาของทีมอยู่เช่นเดิม ทั้งจังหวะฟิลด์ขาดทำให้ตัวเองเจอใบแดงนัดเบิร์นลี่ย์ จนทีมแพ้คาบ้าน และนัดเยือนเบิร์นลี่ย์ ก็ไปยกบอลไปโดน คริส วู๊ด เข้าประตูตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น เป็นปีที่ชาก้าเล่นได้ดี และทำผลงานได้สม่ำเสมอที่สุดนับตั้งแต่อยู่กับทีมมา 5 ปี กลายเป็นกองกลางที่ทำผลงานได้ดีที่สุด และมีส่วนสำคัญมากๆ กับการเล่น Build up จากแดนหลัง พอขาดชาก้าไปเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน และพอแดนกลางเป็นการจับคู่ระหว่าง ปาร์เตย์ กับชาก้า มันดูดีทีเดียว อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ทั้งสองคนก็เหมือนสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ดี 
 
โธมัส ปาร์เตย์: 6.0
ย้ายมาในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทุกคนคาดหวังไว้กับปาร์เตย์ไว้สูงมาก แต่ปาร์เตย์กลับเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงาน เล่น 2 นัดพัก 1 เดือน เป็นแบบนี้เกือบครึ่งฤดูกาล แต่พอลงสนามได้แบบต่อเนื่อง แต่ปาร์เตย์ก็ยังไม่สามารถทำผลงานได้ในระดับที่เรียกว่าแบกแดนกลางของทีมได้ บางจังหวะเขาก็ทำได้ดี แต่บางจังหวะเขาก็พลาดเสียบอลในแดนตัวเองง่ายๆ 

เกมส์ที่ดีที่สุดของปาร์เตย์กับอาร์เซน่อล ก็คงเป็นนัดที่บุกชนะแมนยู ที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ที่เขาเล่นได้อย่างโดดเด่น และกำราบแดนกลางแมนยูได้อยู่หมัด ซึ่งหวังว่าปีที่สอง ปาร์เตย์จะเล่นได้แบบนั้นให้เราเห็นบ่อยๆ 

โมหาเหม็ด เอลเนนี่: 6.0
เป็นอะไหล่ที่ได้ลงเล่นเยอะพอสมควรในซีซั่นนี้ เนื่องจากโธมัส ปาร์เตย์ มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง จากนักเตะที่ดูจะไม่มีอนาคตกับทีมแล้ว แต่ถูกอาร์เตต้าดึงกลับมาใช้งานในปีนี้ ข้อดีของเอลเนนี่คือเป็นสำรองอดทน ไม่มีบ่น กับลูกขยันในสนาม แต่ข้อด้อยของเอลเนนี่คือเป็นนักเตะที่เล่นเพลย์เซฟเกินไป จังหวะไหนไม่มั่นใจ ก็ไม่มีจ่ายบอลขึ้นหน้าเลย เราเลยได้เห็นเอลเนนี่จ่ายคืนหลัง กับออกข้างเป็นส่วนใหญ่

ดานี่ เฆบายอส: 6.0
ถูกยืมตัวจากเรอัล มาดริด เป็นปีที่สอง จากปลายซีซั่นที่แล้ว ที่เฆบายอสกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้น แต่มาปีนี้ เฆบายอสก็ดูไม่ได้พัฒนาไปจากเดิม ฟอร์มการเล่นก็ขาดความคงเส้นคงวา และมีส่วนกับการทำให้ทีมเสียประตูหลายครั้ง โดยเฉพาะในรายการยูโรป้าลีก จบฤดูกาลทีมก็คงปล่อย เฆบายอส คืนให้เรอัล มาดริด
 
วิลเลี่ยน: 4.0
ถูกคาดหวังเอาไว้สูงมาก จากผลงานตลอดระยะเวลาหลายปีที่วิลเลียนอยู่กับเชลชี ซึ่งเกมส์นัดเปิดซีซั่นที่ชนะฟูแล่ม 3-0 วิลเลี่ยนก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำไป 2 แอสซิท แต่หลังจากนั้นยิ่งเล่นวิลเลี่ยนยิ่งแย่ไปเรื่อยๆ แม้ว่าภาพรวมเขาจะทำไป 1 ประตูกับ 7 แอสซิท แต่ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าผิดหวังที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้เลยก็ว่าได้
 
เอมิล สมิธ โรว์: 7.5
ESR น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่เซฟทั้งอาร์เซน่อล และเซฟทั้งอาร์เตต้า เขาถูกเลือกให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมส์เปิดบ้านชนะเชลชี 3-1 และกลายเป็นตอบโจทย์ผู้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ ที่ทีมมีปัญหามาตลอดเกือบครึ่งซีซั่น ผลงาน 4 ประตูกับ 7 แอสซิท ถือว่าน่าพอใจมากสำหรับการขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่ซีซั่นแรก แต่สิ่งที่อยากเห็น สมิธ โรว์ พัฒนาขึ้นคือเรื่องสภาพร่างกาย แรงปะ่ทะ และความฟิต จะเห็นว่าร่างกายเขายังไม่สามารถเล่นเกมส์หนักได้ในทุกๆ 3 วัน 
 
บูคาโญ ชาคา: 8.0
สามารถเรียกว่าเดอะแบกของทีมในฤดูกาลนี้ก็ไม่ได้ผิดมากนัก เจ้าหนูบูคาโญ ชาคา ที่ฉายแววมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ปีนี้เขาจะกลายเป็นคีย์แมนของทีมแบบเต็มตัว แม้ว่าจะถูกอาร์เตต้าใช้งานในหลายบทบาท แต่สุดท้ายตำแหน่งที่ชาคาได้เล่นบ่อยสุดก็คือริมเส้นฝั่งขวา อย่างไรก็ตามการที่เขาเป็นนักเตะ Outfield ที่ลงสนามเยอะที่สุดในทีมซีซั่นนี้ แล้วโปรแกรมการแข่งขันที่ถี่ยิบ ก็จะเห็นว่าช่วงท้ายๆ ซีซั่น ชาคา เริ่มแสดงความอ่อนล้าออกมาอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับเด็กอายุ 19 ปี ก็ถือเป็นปีที่ยอดเยี่ยมมากๆ แล้ว 

มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5
เป็นนักเตะจากเรอัล มาดริด อีกคนที่อาร์เซน่อลยืมมาเติมในช่วงตลาดรอบสอง โอเดการ์ดอาจต้องใช้เวลาปรับตัวกับลีก กับเพื่อนร่วมทีมสักระยะ แต่พอเริ่มปรับตัวได้ ก็ทำผลงานได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่น่าเสียดายนิดๆ ตอนนี้โอเดการ์ดกำลังทำผลงานได้ดี ก็ดันไปเจ็บข้อเท้าจากทีมชาติ จนหายไปจากทีม 2-3 สัปดาห์ พอกับมา ก็เหมือนต้องเริ่มใหม่ แต่รวมๆ ก็ถือเป็นการเสริมที่ดีในตลาดรอบสองของทีม
 
 
กองหน้า
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง: 5.0
เป็นเดอะแบกของอาร์เซน่อลมาตลอด 2 ฤดูกาลหลังสุด และเพิ่งยิงพาทีมเป็นแชมป์เอฟเอ คัพเมื่อปีก่อน ก่อนที่จะมาต่อลงต่อสัญญาฉบับใหม่ก่อนเปิดฤดูกาลไม่กี่วัน แต่ทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่ทุกคนคิดไว้ ซึซั่นนี้โอบาเมยองยิงได้แค่ 15 ประตู เรียกว่าลดลงจากมาตรฐานของเขาเกือบครึง 
 
แต่สิ่งที่น่าผิดหวังยิ่งกว่าฟอร์มการยิงประตู ก็คือเรื่องทัศนคติของโอบาเมยอง รวมถึงความเป็นผู้นำในฐานะกัปตันทีม เราเห็นโอบาตอนนี้มันเหมือนเป็นเงาสะท้อนสิ่งที่เราเห็นจากโอซิลหลังต่อสัญญาฉบับใหม่ ความมุ่งมั่น ความกระตือรือร้นมันหายไปหมด และทุกครั้งที่ทีมเจอสถานการณ์ลำบาก เราจะเห็นโอบาเมยอง เดินคอตก แทนที่จะกระตุ้นลูกทีมให้กลับมา 
 
อเลซองเดร์ ลากาแซตต์: 7.5
เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมในฤดูกาลนี้ กับผลงาน 17 ประตู จากทุกรายการที่ลงเล่น ถ้าวัดผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ลากาแซตต์ ทำได้ดีกว่คนอื่นๆ เขาสามารถพักบอลได้ เพลสซิ่งแดนบนได้ และการประสานงานกับพวกชาคา, สมิธ โรว์ ได้อย่างลงตัว เสียดายตอนที่กำลังยิงประตูต่อเนื่อง ลากาแซตต์ดันมาเจ็บในเกมส์เสมอฟูแล่ม 1-1 จนหมดสิทธิ์ช่วยทีมในรอบรองชนะเลิศยูโรป้าลีก และก็ไม่รู้ว่าจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีมหรือไม่ 

นิโกล่า เปเป้: 7.0
ถ้าวัดกันด้วยเรื่องของตัวเลขสถิติ การยิงประตูและแอสซิท ซีซั่นนี้เปเป้ยิงไป 16 ประตูกับ 5 แอสซิท เป็นตัวเลขที่น่าพอใจมาก แต่ในรายละเอียดการเล่นเปเป้ ก็ยังมีความไม่สม่ำเสมอ แต่เวลาที่บอลมาไม่ถึงพื้นที่สุดท้าย แล้วเปเป้ต้องพาบอลขึ้นไปเอง เขายังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในตัวของเปเป้ในทิศทางที่ดีคือ เรื่องของ Mindset ที่เราเห็นเขามีความทุ่มเทมากขึ้น ลงไปช่วย Cover เกมส์รับตลอด ดังนั้นหวังว่าเปเป้จะดีขึ้นไปอีกในซีซั่นถัดไป
 
กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.5
เจ็บหนักที่หัวเข่า ตั้งแต่ปลายฤดูกาลก่อน จนทำให้เขาต้องพักไปร่วมครึ่งปี กว่าจะกลับมาราวปลายเดือนธันวาคม กลับมาก็ยังเป็นมาร์ติเนลลี่ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเหมือนเดิม แต่ก็เสียวๆ ว่าจะเจ็บซ้ำอยู่หลายรอบ ด้วยสไตล์การเล่นแบบนี้ ช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อน ก็ได้โอกาสจากอาร์เตต้าให้ลงเล่นมากขึ้น ซึ่งเขาก็เป็นคนที่สร้างอิมแพ็คได้เสมอไม่ว่าจะลงตัวจริง หรือลงมาเป็นสำรอง 

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์: 6.0
เอ็ด 5 หลา ก็พอมีเกมส์ที่ลงมาเป็นซูปเปอร์ซับและทำให้ทีมพลิกกลับมามีคะแนน อย่างนัดยิงประตูชัยนัดชนะเวสต์แฮม 2-1 กับนัดที่ยิงตีเสมอฟูแล่ม 1-1 ช่วงทดเจ็บ แต่องค์ประกอบอื่นของเอ็ดดี้ ยังห่างจากระดับที่ทีมต้องการอีกเยอะ เขาไม่สามารถพักบอล ไม่สามารถเล่นเชื่อมกับผู้เล่นแนวรุกคนอื่นๆ ได้ ดูจากสถิติก็ดูจะไม่เลวกับ 5 ประตู จาก 13 เกมส์ที่ลงตัวจริง แต่มาตรฐานของเอ็ดดี้ยังไม่ดีพอที่จะเล่นให้อาร์เซน่อล 
 
โฟลาริน บาโลกัน: 6.0
ได้ขยับขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และทำไป 2 ประตูในเกมส์ยูโรป้าลีก ซีซั่นหน้าบาโลกันน่าจะมีโอกาสกับชุดใหญ่มากขึ้น หลังจากตัดสินใจต่อสัญญากับทีมออกไป ฤดูกาลหน้าคงจะขึ้นมามีบทบาทกับทีมชุดใหญ่ของทีมมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าเอ็นเคเทียร์ย้ายออกไปจากทีม
 


ผู้จัดการทีม
มิเกล อาร์เตต้า: 6.0
ค่อนข้างถูกคาดหวังไว้สูง หลังจากได้ 2 แชมป์ในเวลาแค่ 8 เดือนแรกที่เขามาคุมทีม แต่อาร์เตต้า ต้องเจอกับปัญหาตั้งแต่เปิดฤดูกาล จากการที่เขาพยายามที่จะปรับแท็กติกจาก 3-4-3 มาเล่น 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 ผนวกกับทีมพลาดได้ตัว ฮุสเซ็ม อูอาร์ มาเสริมทัพอย่างที่ตั้งใจเมื่อช่วงซัมเมอร์ ทำให้ทีมขาดกองกลางสร้างสรรค์เกมส์ จนร่วงไปอยู่อันดับ 15 โดยชนะได้แค่ 4 เกมส์ และแพ้ไป 8 เกมส์ ตั้งแต่ 14 นัดแรกของฤดูกาล
 
ทำเอาเก้าอี้ของเขาเริ่มสั่นคลอน เจียดอยู่เจียดไป แต่จุดเปลี่ยนคงเป็นการลองดึง เอมิล สมิธ โรว์ มาเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 กลายเป็นปลดล็อกปัญหาให้กับทีม ทีมกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง
 
ขณะที่ยูโรป้าลีก ถ้วยความหวังสูงสุดที่จะเป็นเส้นทางกลับสู่ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ครั้งแรกในรอบ 5 ปี แต่ท้ายที่สุดทีมก็จอดป้ายแค่รองรองชนะเลิศ ด้วยการโดนบียาร์เรอัล ที่มีนายเก่า อูไน เอเมรี คุมทีม ก็ต้องยอมรับว่าการวางแท็กติกในเกมส์เลกแรก ที่ไปเยือนบียาร์เรอัล ของอาร์เตต้าถือว่าผิดพลาดกับการเลือกใช้ False 9 เนื่องจาก ลากาแซตต์บาดเจ็บ ส่วนโอบาเมยองก็มีความฟิตแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาร์เตต้าไม่มั่นใจที่จะใช้ มาร์ติเนลลี่ หรือเอ็นเคเทียร์ ในการยืนหน้าเป้า ซึ่งผลคือทีมแพ้ 1-2 อย่างน้อยก็มีอะเวย์โกล
 
เลกที่สองกลับมาเล่นที่เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ทีมก็เจอปัญหาเมื่อกรานิต ชาก้า บาดเจ็บช่วงวอร์ม ต้องปรับแผนและเข็น เทียร์นี่ย์ ที่เพิ่งหายเจ็บลงเล่นแทน แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม เกมส์ของทีมไม่ได้ดุดันมากพอที่จะเจาะแนวรับของบียาร์เรอัลได้ มีแค่โอกาสใกล้เคียง 2 ครั้งที่โอบาเมยองยิงไปชนเสา
 
กับฤดูกาลแรกแบบเต็มๆ ของอาร์เตต้า ถือว่ายังสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ ไม่แม้กระทั่งได้โควต้าไปเล่นยูโรป้าลีก แต่มันก็ไม่ได้เรียกว่าเลวร้ายจนรับไม่ได้ การยืนตำแหน่งและโครงสร้างในเกมส์รับ อาร์เตต้า พัฒนาทีมได้ดีขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา การป้องกันลูกตั้งเตะ การป้องกันจังหวะโดนสวนกลับ ที่เป็นปัญหาทำให้ทีมเสียประตูตลอด ก็ถูกแก้ไขจนดีขึ้น ทำให้ทีมเสียไปแค่ 39 ประตู ดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีก และดีกว่า 4 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ 
 
แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่อาร์เตต้าต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นในฤดูกาล โดยเฉพาะเรื่อง Flow ในเกมส์รุก ที่ยังขาดความไหลลื่น สปีดเกมส์ที่ช้า และการเข้าทำที่ขาดความหลากหลาย จากสถิติการยิงประตูที่ทีมยังยิงได้น้อยเกินไป 55 ประตู ซึ่งมาตรฐานของอาร์เซน่อลควรที่จะยิงได้ 60-70 ประตูเป็นอย่างน้อย ดังนั้นอาร์เตต้าต้องหาสมดุลที่เกมส์รับยังดี และทีมก็ยังเล่นเกมส์รุกที่สนุกตามแบบฉบับของอาร์เซน่อล 

ฤดูกาลหน้า เขามีโอกาสที่จะได้เสริมทัพเป็นซัมเมอร์ที่สอง และได้มีเวลาปรีซีซั่นแบบเต็มที่ ดังนั้นเขาจำเป็นจะต้องพาทีมออกสตาร์ทให้ดี และการที่ทีมไม่ได้เล่นถ้วยยุโรป ทำให้โปรแกรมการแข่งขันลดลง มีสมาธิกับเกมส์ลีกได้อย่างเต็มที่ เงื่อนไขที่อาร์เตต้าจะสอบผ่านในฤดูกาลคือการจบในอันดับ Top 4 และกลับไปเล่นแชมเปี้ยนลีกให้ได้เท่านั้น แต่ถ้าออกสตาร์ท ลุ่มๆ ดอนๆ บางทีก็อาจจะอยู่ไม่ครบเทอมแบบเดียวกับ อูไน เอเมรี 
 
 
ผู้อำนวยการเทคนิคของสโมสร
เอดู กาสปาร์: 6.5
ได้ขยับขึ้นมาคุมทิศทางของสโมสรแทน ราอูล ซานเญฮี ที่ถูกเด้งออกไปในช่วงกลางตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งก็ถือว่าซัมเมอร์ปีก่อน เอดู ยังไม่ได้คุมเต็มตัวนัก เพราะหลายๆ ดีลก็เป็น ซานเญฮี ที่เป็นเริ่มต้นเจรจาให้ และด้วยสถานการณ์ Covid ระบาด ก็ทำให้เป็นเรื่องยากในการโละนักเตะส่วนเกินออกไปให้ทันเวลา ส่วนการเสริมทัพที่ตั้งใจว่า จะเสริมทั้ง ฮุสเซ็ม อูอาร์ และโธมัส ปาร์เตย์ ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงแค่ไปฉีกสัญญา ปาร์เตย์ ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ ถ้ามองกับซัมเมอร์ที่แล้ว ก็ถือว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่เท่าที่ควร
 
แต่ตลาดรอบสองเดือนมกราคม ถือว่า เอดู ทำหน้าที่ของเขาได้ดี กับการเคลียร์บรรยากาศ Toxic ออกจากสโมสรด้วยการปล่อย เมซุต โอซิล ออกจากทีมได้สำเร็จ หลังจากเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างโอซิลกับสโมสรเกิดขึ้นมานานร่วมปี รวมถึงการโละ Deadwood ส่วนเกินออกจากทีมไป แม้ว่าจะไม่ได้เงินอะไรจากดีลเล่านั้น แต่เรียกว่าเจ็บแต่จบ สองดีลยืมตัวในเดือนมกราคม ทั้ง โอเดการ์ด และแมตต์ ไรอัน ก็ถือว่าช่วยทีมได้ดีระดับหนึ่ง ส่งผลให้ผลงานช่วงครึ่งซีซั่นหลังของทีม ดูดีต่างจากครึ่งฤดูกาลแรก และบรรยากาศภายในทีมดูจะดีขึ้นอีกครั้ง 

 
บททดสอบสำคัญ และอาจจะชี้ชะตาเขาในบทบาทผู้อำนวยการเทคนิคก็คือ ตลาดซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ ทั้งการเสริมทัพ ที่ต้องช่วยยกระดับทีมให้ขยับเข้าไปใกล้เคียงกับบรรดาทีม Top 6 ให้ได้ และการขายนักเตะที่ต้องทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา

 

 

 

UFABET  UFABET



#2
tongpui2521

Posted 26 May 2021 - 04:02 PM

tongpui2521

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 633 posts
ชาก้า ไม่น่าถึง 7 ผมว่า 6 ก็หรู แล้ว

#3
Season Change (ปลัดมุข)

Posted 26 May 2021 - 05:42 PM

Season Change (ปลัดมุข)

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 7,895 posts

ชาก้า ไม่น่าถึง 7 ผมว่า 6 ก็หรู แล้ว

เป็นคนนึงที่แฟนบอลร้องอี๋ แต่ปีนี้ต้องยอมรับว่ากลับเป็นตัวกลางที่ฟอร์มดีสุด สังเกตุได้ว่านัดไหนไม่ได้ลงทีมเป๋ตลอด ยังแอบสงสัยว่าถ้าได้บิสซูม่ามาใครจะเป็นสำรอง

#4
chromosome-Gunner

Posted 26 May 2021 - 05:50 PM

chromosome-Gunner

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 390 posts
ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยทุกคะแนนตัดเกรดนะ แต่เลโน่ผมให้ 7 เพราะเซฟลูกสำคัญเยอะมากถึงความผิดจะเห็นชัดเจน แต่การเสียประตูอันดับ 3 ในลีก เลโน่มีส่วนเยอะอยู่พอสมควร

#5
bcc153room

Posted 26 May 2021 - 11:38 PM

bcc153room

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 102 posts
พูดจริงๆว่าเห็นด้วยกับ ice burg รับไม่ได้กับ ปืนในยุคปัจจุบัน DNA ความกระหายแชมป์มันหายไป เกมส์รุกที่ไหลลื่น การเข้าทำที่สวยงาม มันหายไปหมดแล้วจริงๆ ด้านการบริหารปืนน่าไปจ้างเวงเกอร์มาช่วยบริหารแทนวิไน แกพูดได้หลายภาษาอยู่กับปืนมานาน จบเศรษฐศาสตร์ สร้างกำไร สร้างนักเตะ สร้างสนาม แกว่างงานอยู่รีบไปเลย

#6
merson

Posted 27 May 2021 - 12:17 AM

merson

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 423 posts
  • LocationBangsean Chonburi TH

พูดจริงๆว่าเห็นด้วยกับ ice burg รับไม่ได้กับ ปืนในยุคปัจจุบัน DNA ความกระหายแชมป์มันหายไป เกมส์รุกที่ไหลลื่น การเข้าทำที่สวยงาม มันหายไปหมดแล้วจริงๆ ด้านการบริหารปืนน่าไปจ้างเวงเกอร์มาช่วยบริหารแทนวิไน แกพูดได้หลายภาษาอยู่กับปืนมานาน จบเศรษฐศาสตร์ สร้างกำไร สร้างนักเตะ สร้างสนาม แกว่างงานอยู่รีบไปเลย

ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับเบิร์กแคมป์นะครับ สิ่งที่ทีมชุดนี้ต่างจากยุคนั้นคือความใจสู้ สมัยก่อนนักเตะเล่นเพื่อแฟนบอล สมัยนี้อย่างกับเล่นเพื่อสุขภาพ

#7
bcc153room

Posted 27 May 2021 - 05:04 AM

bcc153room

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 102 posts
จบแล้วเห็นอูนวยชนะยูโรป้าลีค แล้วหันมาดูอาเตตวย รู้เลยว่านักเตะเล่นไล่อูนวย นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าเอาใจนักเตะมากเกินไป ค่าเหนื่อยก็สูงยังงอแงง ทีมสำคัญที่สุดเก็บคนเล่นเพื่อทีม ปล่อยนักเตะที่เล่นเพื่อตัวเอง รอรับตังก์จากทีมใหญ่ เล่นไปวันๆ

#8
golfars

Posted 27 May 2021 - 06:10 AM

golfars

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 3,059 posts
ตวยให้ตั้ง 6 ผลงานโคตรกากเป็นประวัติศาสตร์สโมสรในรอบ 30 ปีขนาดนี้ ปีก่อนถ้าตัดเกรดอูนวย คงต้องได้ 7.5 แล้วล่ะ

#9
newfotovision

Posted 27 May 2021 - 07:35 AM

newfotovision

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 289 posts
การที่ซาก้าได้ 7 ก็บอกได้แล้วว่ามาตรฐานทีมปืนตอนนี้ต่ำขนาดไหน

#10
JillJoker

Posted 27 May 2021 - 11:13 AM

JillJoker

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 163 posts

ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับที่ แอด. วิเคราะห์และให้คะแนนไว้ครับ

ทำให้มองภาพออกว่านักเตะคนไหนควรจะได้ไปต่อ และคนไหนที่ควรจะหาทางปล่อยจากทีม รวมถึงตำแหน่งไหนที่ควรเสริมในตลาดรอบนี้

 



#11
alone13

Posted 27 May 2021 - 11:59 AM

alone13

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,172 posts

เห็นด้วยกับแอด

 

ปล.อยากเห็นโลกคู่ขนานซีซั่นนี้ที่ทีมไม่เสียประโยชน์จาก VAR กับนักเตะ Error กันเอง

 

ยูโรป้าคงตกรอบเหมือนเดิมเพราะรูปเกมไม่ดีจริง แต่เชื่อว่าในลีคอันดับจะดีกว่านี้เยอะ



#12
jakkritakeng

Posted 27 May 2021 - 05:12 PM

jakkritakeng

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 616 posts
ใครต่ำกว่า 6 ถือว่าไม่ผ่าน ซ้ำชั้น

#13
lolipower

Posted 27 May 2021 - 10:33 PM

lolipower

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 203 posts
ตวยเอาไป 5 พอ

#14
supakorneit09

Posted 28 May 2021 - 08:21 AM

supakorneit09

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,221 posts

ตวยเอาไป 5 พอ

ให้เยอะไป น่าจะ 4 ไม่มาก ไม่น้อย




0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users