[คอลัมน์ตุงตาข่าย ] เบื้องหลังโกงความตายจิ้งจอก “ศรัทธาชนะทุกสิ่ง”
Started by
masterreed(ริศ)
, Feb 16 2016 01:31 PM, 36 replies to this topic
#1
Posted 16 February 2016 - 01:31 PM
[คอลัมน์ตุงตาข่าย ] “ศรัทธาชนะทุกสิ่ง”
โดย : - มาสเตอร์ ริท -
“ ผมไม่เคยสิ้นศรัทธา กระทั่ง 5 นาทีสุดท้ายผมยังเชื่อว่า บางสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ นี่เป็นบททดสอบหัวจิตหัวใจทว่าท้ายที่สุดก็เป็นอีกครั้งที่พลังแห่งรักเอาชนะทุกสิ่งได้เสมอ ”
ชายแก่ร่างบางหย่อนวาทะเด็ดไว้พร้อมยิ้มแย้มแจ่มใสฉับพลันที่จบเกม ท่ามกลางรอยย่นบนใบหน้าผมสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากคู่รักตามสวนสาธารณะแล้ว ถ้าโลกทั้งใบของใครซักคนจะ “หวานอมชมพู” เชื่อว่า ถึงตรงนี้คงไม่มีใครเกินสาวก “กูนเนอร์ส”
วินาทีที่ ‘แดนนี่ เวลเบ็ค’ บรรจงส่งบอลตุงตาข่ายความเงียบกริบแปรเปลี่ยนเป็นเสียงอึกทึกสุดกึกก้อง ไม่เพียงแต่ที่ เอมิเรตย์ สเตเดี้ยม หากแต่รวมถึงเสียงสายตามบ้านที่ปลุกความระห่ำในตัวสาวก “ปืนโต” ทั้งหลายให้ลุกโชน ณ โมเมนต์นั้นแม้จะเป็นแค่การลดช่องว่างจาก 5 เป็น 2 แต่ใครเล่าจะสน..
“กระทั่งผมเองยังไม่ทราบเลยว่าควรทำตัวอย่างไร” ฮีโร่แห่งค่ำคืนแห่งความรักอย่าง เวลเบ็ค กล่าว เป็นเวลากว่า 10 เดือนที่ดาวยิง “มหาเทพ” ต้องห่างเหินสังเวียน แต่ถึงตรงนี้เชื่อได้เลยครับว่า ความขมขื่นทั้งหลายน่าจะมลายหายไป ความทรงจำสุดพิเศษในวินาทีซัดประตูโทนสุดสำคัญจะกลายเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่มีวันลืมเลือน
ต่อให้ก่อนเกมสถิติจะฟ้องทนโธ่อยู่แล้วถึงบอลแพ้ทางที่เลสเตอร์มีต่ออาร์เซน่อล (แข่ง 18 ชนะ 0 เสมอ 6 แพ้ 12 ) แต่ด้วยฟอร์มที่เปรียบดั่ง “เจ้าป่า” และกำลังร้อนแรงย่อมทำให้ “ไอปืนใหญ่” ต่างหนาวๆร้อนๆ ช่วงต้นเกมกลายเป็นเลสเตอร์ที่กระหน่ำไม่ยั้ง จังหวะที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ บรรจงปั่นจากหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายทำเอาหัวจิตหัวใจแฟนเจ้าถิ่นหล่นไปอยู่บริเวณตาตุ่ม
ตลอด 90 นาทีที่ระห่ำกันบนสังเวียน ลูกทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ไม่ได้เกรงกลัว “เดอะ กันเนอร์ส” เลย ก็เป็นอีกครั้งที่ “จิ้งจอกสยาม” แสดงให้โลกได้เห็นว่า ถึงตรงนี้มหากาพย์ของพวกเขามิใช่เรื่องฟลุก ทีเด็ดบอลโต้กลับทางริมเส้นยังพร้อมเล่นงานศัตรูจนน่วมอยู่เสมอ
คนที่น่าเกรงขามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมิใช่ ริยาด มาห์เรซ อย่างเคย หากแต่เป็น มาร์ค อัลไบร์ทตัน ที่พรวดพราดขึ้นมาแทน ในวันที่ทั้ง วาร์ดี้ และ มาห์เรซ ไม่เข้าฝัก ทัพ “เดอะ ฟ็อกซ์” ก็ยังมี อัลไบร์ทตัน และ ก็องเต้ เป็นลูกดอกอาบยาพิษ ..
ในแง่ของฟุตบอล ศึกครานี้อาจเทียบไม่ได้กับความเข้มข้นของ “แดงเดือด” กระทั่งลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ ..
ทว่าในแง่ของความรู้สึก นี่คือ “เกมระดับ 5 ดาว”
มันเป็นเกมที่แสดงให้เห็นถึงพาสชั่นในโลกลูกหนังขาดหายไปนาน ต่อให้ใบแดงของ แดนนี่ ซิมป์สัน จะทำลายอรรถรสของเกมไปเล็กน้อยแต่เชื่อเถิดว่า ค่ำอาทิตย์ที่ผ่านมาใครหน้าไหนที่รับชมเกมได้ดูต่างรู้สึกสนุกสนานสำราญใจ
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า แม้การที่เลสเตอร์เหลือแข้งเพียงแค่ 10 คน จะทำให้งานของอาร์เซน่อลง่ายขึ้นเป็นกอง แต่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับบททดสอบ “วัดใจ” แข้ง “เดอะ กันเนอร์ส” อย่างหนึ่ง ..
ที่ผ่านมามีอยู่หลายครั้งที่ลูกทีมของเวนเกอร์มิอาจรักษาความได้เปรียบในมือพร้อมทำแต้มหลุดลอยมลายหายไป วินาทีที่โดน โจ อัลเลน ตะบันไล่เจ๊า 3-3 ในช่วงท้ายเกมเมื่อกลางเดือน มค. ยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของแฟนๆ
กับเกมนี้ที่ตัวผู้เล่นมากกว่าพร้อมเวลาค่อนครึ่งชั่วโมงที่เหลืออยู่ ก็เกือบจะเป็นอีกครั้งที่ดาวเตะปืนใหญ่หวิดทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง โอกาสยิงซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า ที่เฉี่ยวเสาไป-มา ทำให้สาวกต่างต้องเบือนหน้านี้ กระทั่งประตูของ “วัลค็อตต์” ที่พลิกโมเมนต์กลับมาปลุกความเชื่อในใจผู้ชมอีกครั้ง
ประตูโทนของ แดนนี่ เวลเบ็ค ในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายแสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อคุณมีความเชื่อทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้ เป็นอีกครั้งที่คำว่า “ศรัทธาชนะทุกสิ่ง” ไม่จำเป็นต้องใช้กับความรักเสมอไป..
ในฐานะ “เดอะ กันเนอร์ส” ตัวยง ผมยังจำได้ดีถึงรสชาติสุดหอมหวานในครั้งนั้น วินาทีที่ ปาทริค วิเอร่า บรรจงชูถ้วยเถลิงบัลลังก์มันช่างเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข น่าเหลือเชื่อครับว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย
12 ปีผ่านไป .. กาลเวลาล่วงเลยให้ฝันของผมลอยเตลิดไปอีกครั้ง กับอีก 12 เกมที่เหลืออยู่พร้อมช่องว่าง 2 คะแนนที่ตามหลัง ตัดแมนฯซิตี้ ออกไป ใน 3 ทีมที่เหลือ ผมเชื่อว่า ไม่ว่าใครจะคว้าถ้วยไปนอนกอด ..
นี่จะเป็นซีซั่นที่ ‘สุดคลาสสิก’ ครั้งหนึ่งของพรีเมียร์ลีกอย่างไม่ต้องสงสัย
ลองจินตนาการภาพดูว่า ถ้าเลสเตอร์ได้เป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์, ถ้าสเปอร์สกลับมาผงาดอีกครั้งในรอบ 50ปี กระทั่งทีมปืนโตหากสามารถลืมตาอ้าปากได้ในรอบ 12 ปี อะไรจะเกิดขึ้น !?
พูดแล้วก็ยิ่งชวนให้เพ้อฝัน .. ทว่าก่อนที่ความคิดจะเตลิด บางทีเมื่อสื้นเสียงนกหวีดในเกมสุดท้ายของฤดูกาลจินตนาการของแฟนบอลทั้งสามโดยเฉพาะกับอาร์เซน่อลอาจต้องจบลงด้วย “ความจริงที่โหดร้าย” มือเปล่าแบบที่เคยก็ได้
แต่ถึงตรงนี้ใครเล่าจะใส่ใจ !? บนความเชื่อที่เป็นไปไม่ได้ทว่ากับเกมล่าสุดเมื่อคืนวันอาทิตย์ ทั้ง “ปืนโต-จิ้งจอก” ได้แสดงให้เหล่าสาวกได้เห็นแล้วว่า ศรัทธา “เอาชนะทุกสิ่ง” ..
ขนาดเวนเกอร์ยังไม่ย่อท้ออีกทั้งยังเชื่อมั่นในพลังแห่งรัก และ ศรัทธา
แล้วกับเราที่เป็นแฟนบอลทั้งหลาย กับอีก 12 เกมที่เหลืออยู่..
คุณเชื่อใน “จิตวิญญาณ” ของทีมแล้วหรือยัง!?
- มาสเตอร์ ริท -
#6
Posted 16 February 2016 - 02:36 PM
ผมยังคิดว่าโอซิลคงไม่ย้ายออกไปจากอาเซนอล เพราะตอนที่แกมาก็คงทำใจมาพอสมควรอยู่แล้วว่าทีมเราไม่มีสตาร์ แต่ก็มายกระดับทีมเราให้น่ากลัวกว่าเดิม การมีโอซิล ซานเซส และเชค ก็สามารถสร้างความแตกต่างของเกมส์จากเดิมมากเชียกันต่อไปครับ ก็หวังว่าปีนี้เราจะได้แชมป์ที่รอคอยสักที
3 user(s) are reading this topic
0 members, 3 guests, 0 anonymous users