Jump to content



Photo

บทความพิเศษ: 4 จาก 6 เกมส์!! เจาะลึกลูกสูตรทำประตูของอาร์เซน่อลที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


  • Please log in to reply

#1
Admin

Posted 15 September 2020 - 02:27 PM

Admin

    Administrator

  • Administrators
  • 10,419 posts
  • LocationBangkok

Report_0.jpg?itok=1n4eKptd
 
ประตูของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่ยิงใส่ฟูแล่ม ในเกมส์วันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นครั้งที่ 4 จาก 6 เกมส์ที่อาร์เซน่อล ได้ประตูในรูปแบบการเข้าทำที่คล้ายคลึงกัน 
 
บทความโดย: แซม ดีน (เดลี่ เทเรกราฟ)
 
การเข้ามาของ มิเกล อาร์เตต้า ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน เริ่มพลิดอกออกผลในรูปแบบการฝึกซ้อมที่เขานำมาใช้กับอาร์เซน่อล การพัฒนาของนักเตะรายบุคคล, แนวรับที่แข็งแกร่งมากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใด คือรูปแบบการเข้าทำ ที่ทำประตูได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
 
ไม่สามารถมีข้อสงสัยได้เลยในการสร้างทีมของกุนซือหนุ่มเลือดกระทิงรายนี้  ข้อความและสิ่งที่เขาต้องการดูเหมือนจะฝั่งลึกเข้าไปในตัวนักเตะของอาร์เซน่อลทุกคน
 
4 ครั้งใน 6 เกมส์หลังสุด ลูกทีมของ อาร์เตต้า ทำประตูได้จากสไตล์การเข้าทำ และการเคลื่อนที่ที่เหมือนกัน เริ่มจากการจ่ายบอลสั้นในแดนของตัวเอง ก่อนที่จะสวิตซ์บอลขึ้นหน้าฝั่งขวา อย่างกระทันหัน ผู้เล่นริมเส้นคลอสบอลข้ามฝากไปทางซ้าย และโอบาเมยอง เป็นคนส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย 
 
มันเกิดขึ้นอีกครั้งกับคู่แข่งของอาร์เซน่อล ที่โดนลงโทษจากความพยายามขึ้นไปเพลสสูงใส่อาร์เซน่อล 3 จาก 4 ประตูเป็นโอบาเมยองที่เป็นคนสังหาร อีกประตูมาจากคีแรน เทียร์นี่ย์ 
 
 
มันเริ่มขึ้นตอนไหน? 
เหยื่อรายแรกของอาร์เซน่อลก็คือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมส์เอฟเอ คัพรอบรองชนะเลิศ ลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า พยายามขึ้นไปกดดันอาร์เซน่อลในกรอบ 6 หลา อาร์เซน่อลแสดงให้เห็นถึงความกล้า และนิ่งในการค่อยๆ แกะเพลสซิ่ง มีการจ่ายบอล 17 ครั้ง ก่อนที่นิโกล่า เปเป้ จะโยนบอลให้โอบาเมยอง ชาร์จเบอลเข้าประตูให้อาร์เซน่อลขึ้นนำ 1-0 ในเกมส์นั้น 


 
วัตฟอร์ดเป็นเหยื่อทีมถัดมาที่ตกหลุมพรางของอาร์เซน่อล จังหวะนั้นบอลอยู่บริเวณแถวมุมธงฝั่งขวา วัตฟอร์ดกำลังพยายามกดดันอาร์เซน่อล อีกครั้งที่อาร์เซน่อลหาทางออกเจอ และบอลก็มาอยู่ที่เปเป้ เข้าคลอสบอลในลักษณะเดียวกับนัดที่เจอกับซิตี้ แต่ครั้งนี้โอบาเมยองไม่มีจังหวะยิง และไหลกลับมาให้ เทียร์นี่ย์ เติมขึ้นมายิงเข้าไปให้ทีมนำห่าง 2-0 
 
มันต่อเนื่องมาในเกมส์คอมมิวนิติ้ ชิลด์เมื่อก่อนเดือนก่อน ผู้เล่นของอาร์เซน่อล ค่อยๆ แกะเพลสซิ่งจากบรรดาตัวรุกของลิเวอร์พูล ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่เพลสซิ่งดีที่สุดในยุโรปเวลานี้ เบเยรินวางบอลขึ้นหน้าไปให้กับ บูคาโญ ชาคา ก่อนที่เจ้าหนูชาคาจะวางบอลข้ามไปให้กับโอบาเมยอง ที่ลากตัดเข้ามาปั่นโค้งๆ หนีมืออลิซงเข้าไปอย่างสวยงาม 
 
ล่าสุดในเกมส์นัดเปิดฤดูกาลที่ทีมปืนใหญ่ เปิดหัวสวยหรูด้วยการบุกมาชนะน้องใหม่ 3-0 ประตูที่สาม เหมือนฉายภาพรีเพลย์ประตูในเกมส์กับลิเวอร์พูล บอลขึ้นมาจากการเล่นของเบเยริน มาที่โมหาเหม็ด เอลเนนี่ ก่อนที่บอลจะหลุดมาเข้าทาง วิลเลี่ยน และสตาร์แซมบ้า ก็ไม่รอช้าวางบอลข้ามไปให้กับโอบาเมยอง ก็ยิงประตูที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาได้อีกครั้ง
 
เปรียบเทียบรูปภาพในจังหวะที่โอบาเมยอง ทำประตูในเกมส์กับฟูแล่ม และลิเวอร์พูล มันแสดงให้เห็นการตำแหน่งวิ่งทะลุแนวรับของ เทียร์นี่ย์ และเมตแลนด์-ไนล์ส เหมือนกันไม่มีผิด ทั้งสองคนทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวล่อที่ทำให้แนวรับของฟูแล่มต้องพะวง และเปิดพื้นที่ว่างให้โอบาเมยองหาช่องว่างในการยิงประตู 

EhyMwxnXsAcxOdW.jpg

EhyMwy8WAAAY8HH.jpg
 
อาร์เซน่อลทำแบบนี้ได้อย่างไร?
ทั้งสี่ประตูมาจากการทำงานอย่างหนักของมิเกล อาร์เตต้า ในการวางรูปร่าง และตำแหน่ง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือฟลุ๊ค ที่ทำให้เกิดขึ้น เพราะนักเตะของอาร์เซน่อล ทำแบบนี้ในการฝึกซ้อมทุกวัน 
 
มักจะมีความเข้าใจผิดเสมอเกี่ยวกับฟุตบอลของ กวาร์ดิโอล่า ที่ว่ากันว่านักเตะจะได้เล่นแบบอิสระอย่างที่พวกเขาต้องการในแดนของคู่แข่ง ใช่ที่พวกเขามีอิสระในความคิสร้างสรรค์ แต่พวกเขาทุกวางตำแหน่งอย่างเข้มงวดเมื่อพวกเขามีบอล นักเตะทุกคนรู้ว่าพวกเขาจะต้องไปอยู่ตรงจุดไหน ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นบอลจะอยู่ตรงจุดไหนของสนาม ซิตี้ก็มีลักษณะการทำประตูที่คล้ายกันแบบนี้เช่นเดียวกัน
 
 
1600073148802.jpg
 
การที่ได้ทำงานเคียงข้างกับกวาร์ดิโอล่าที่ซิตี้  อาร์เตต้าได้เห็นโดยตรงถึงข้อความที่จะถูกถ่ายทอดไปยังกลุ่มของนักเตะได้อย่างไร มันเป็นวิธีการเล่นเกมส์รุกที่มีแบบแผน วิธีการที่เป็นระบบในการเคลื่อบอลจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านของสนาม 
 
เหนือสิ่งอื่นใดระบบต้องการความเชื่อมั่นจากนักเตะของอาร์เซน่อลทุกคน และพวกเขาต้องเชื่อมั่นในตัวของเพื่อนร่วมทีมว่าจะไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และยิ่งพวกเขาซ้อมมากเท่าไร มันจะดีขึ้นไปอีก
 
แมตซ์ มาร์ซี่ ผู้รักษาประตูมือสามของอาร์เซน่อลให้สัมภาษณ์กับเทเรกราฟเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า: "ทุกคนถูกดึงเข้ามาอยู่ในระบบ และคุณสามารถมองเห็นวิธีการที่จะทำประตูได้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทำให้เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นตั้งแต่ในสนามซ้อม ทุกคนรู้ว่าจะเกิดขึ้น 9 ใน 10 และนั่นทำให้เกิดความมั่นใจในทีม "
 
ขณะที่คีแรน เทียร์นี่ย์ ได้พูดถึงระบบของทีมว่า: "ระบบที่เราเล่น มันไม่ใช่ระบบทั่วไปของเซนเตอร์แบ็ค แบ็คโฟร์สามารถเคลื่อนที่ได้ นักเตะจะมีการเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่ง มันมึความยืดหยุ่นที่สูงมาก มันเป็นเรื่องดีที่ได้เรียบรู้กับมุมมองฟุตบอลใหม่ๆ แบบนี้"
 
บทบาทของผู้รักษาประตู: 
ผู้รักษาประตูก็มีบทบาทสำคัญกับทั้ง 4 ประตูในรูปแบบการเข้าทำนี้ นั่นมาจากการโค้ชของ อาร์เตต้า แต่ก็เป็นการทำงานร่วมกับโค้ชผู้รักษาประตูคนใหม่อย่าง อิกกี้ คาญา ปาบอน ที่ดึงมาจากเบรนท์ฟอร์ดในเดือนธันวาคม ซึ่งเขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่เข้มงวด และผลักดันผู้รักษาประตูของอาร์เซน่อลให้มีความดุดันมากขึ้นในการยืนตำแหน่งของพวกเขา
 
เอมิลิอาโน่ มาร์ติเนซ เติบโตขึ้นจากระบบนี้ ในช่วงที่แบรนด์ เลโน่ ได้รับบาดเจ็บไป เขาได้แสดงให้เห็นถึงกล้าหาญ และทักษะการจ่ายบอลในกรอบเขตโทษของตัวเอง 
 
มาร์ซี่พูดถึงเรื่องนี้ว่า: "คุณสามารถเห็นเวลาที่บอลกลับมาที่เอมิ ในรอบรองเอฟเอ คัพ เขารู้ว่าจะมีกองกลางมาอยู่ตรงนี้ และเซนเตอร์แบ็คจะขยับไปทางฝั่งขวา ต้องใช้ความเชื่อมั่นอย่างมากกับผู้เล่นที่อยู่รอบๆ ตัว"
 
"ในฐานะของผู้รักษาประตู ผมรู้ว่าตำแหน่งกองกลางและแบ็คซ้ายต้องอยู่ตรงไหน เพราะผู้จัดการทีมได้นำเสนอในรูปแบบที่เราต้องเรียนรู้ เกือบจะเหมือนกับว่าคุณกลายเป็นโค้ชเอง และต้องอธิบายให้กับคนอื่นเข้าใจ นั่นเป็นวิธีการใหม่ซึ่งผมไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อพวกเขาเข้ามาครั้งแรก มันเหมือนพัดพาทุกคนไปในทิศทางที่เราทุกคนเข้าใจระบบ"

อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
ชัดเจนว่า คู่แข่งต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบ มันเป็นเรื่องเสี่ยงมากที่จะขึ้นไปเพลสสูงใส่อาร์เซน่อล เพราะชัดเจนว่าพวกเขามีศักยภาพที่จะจ่ายบอลทะลุเพลสซิ่งออกมาได้ เป็นไปได้ที่คู่แข่งจะมาในรูปแบบที่ระมัดระวังมากขึ้น ถอยลงไปเล่นเกมส์รับต่ำ ซึ่งก็ยังเป็นเคลื่อนหมายคำถามของ มิเกล อาร์เตต้า ต่อจากฤดูกาลก่อน เมื่อเปเป้ และโอบาเมยอง ไม่มีพื้นที่ในการโจมตีมากนัก
 
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาร์เซน่อลมีปัญหาเวลาที่คู่แข่งมาเน้นรัดกุม ขณะที่เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ที่เป็นตัวสร้างสรรค์โอกาสหลักก็ไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาใช้งาน พวกเขาหวังว่าการมาของ วิลเลี่ยน จะช่วยตรงจุดนี้ได้ ดาวเตะบราซิเลี่ยนมีจุดเด่นในเรื่องของเทคนิคการเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ
 
ในอนาคตพวกเขาต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สำหรับตอนนี้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาพัฒนามากขึ้นแค่ไหนภายใต้การทำทีมของ อาร์เตต้า แม้จะเข้าทำทีมในระยะเวลาที่ไม่นาน แต่นักเตะทุกคนก็พร้อมเชื่อมั่นในวิธีการของโค้ชหนุ่มรายนี้



#2
alone13

Posted 15 September 2020 - 03:54 PM

alone13

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,172 posts

ดูนักเตะเชื่อใจต้ามาก แผนนี้สำคัญที่คนจังหวะสุดท้าย โดยเฉพาะโอบา ถ้าไม่มีคงลำบาก

 

ส่วนแผนนี้เชื่อว่าไม่นาน ทีมอื่นต้องรู้และรับมือได้แน่นอน



#3
EXoRCisT

Posted 15 September 2020 - 04:56 PM

EXoRCisT

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 4,213 posts

ทุกแผนมันมีจุดอ่อนเสมอ ดังนั้นแผนการเล่นมันต้องพัฒนาหรือเปลี่ยนไปเรื่อย ไม่งั้นเราก็จะย่ำอยู่กับที่



#4
supakorneit09

Posted 15 September 2020 - 05:55 PM

supakorneit09

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,221 posts

ผมชอบการแกะเพรสซิ่งของ ยุกต์นี้มาก ถ้าคู่แข่งดันสูง เพื่อมาเพรสซิ่ง เรา แล้วเราแกะเพรสซิ่งได้ โต้กลับเร็ว กองหน้าเราถ้ามีโอบาไว้ใจได้อยู่แล้ว กองกลางวางบอลแม่น ๆ จบสกอร์ได้เลย แล้วยุกต์นี้เล่นบอลนิ่ง ไม่ค่อยลนลาน แสดงว่าซ้อม มาดี อาร์เตต้า ไม่ธรรมดา ร่าง เป็บ+เวนเกอร์+คล๊อป



#5
niicl

Posted 15 September 2020 - 05:56 PM

niicl

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 489 posts

ตั้งแต่พี่ต้าเข้ามาทีมเราแก้เพลซซิ่งได้ดีขึ้นจริงๆ

 

ซึ่งที่บอกว่าดีคือไม่ใช่แค่การเอาตัวรอดจากการโดนบีบในฝั่งตัวเองได้

 

แต่พี่ต้าแกมองว่าการบีบสูงของอีกฝั่งมักจะทำให้เกิดช่องโหว่ แล้วกลายเป็นดาบสองคม

 

นี่น่าจะเป็นไม้ตายของแกที่ทำให้ทีมเราหลังๆเวลาเจอทีมใหญ่ก็เก็บได้เกือบหมด

 

แล้วพอมองย้อนไปสมัยอูนัย คือแม่งคนละคลาสเลยจริงๆ



#6
hfluke {ฟลุ๊คคุ}

Posted 15 September 2020 - 09:36 PM

hfluke {ฟลุ๊คคุ}

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 4,721 posts
ต้องบอกว่าด้วยนักเตะที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรเป็นทุนเดิม แต่เน้นแค่การจ่ายบอลที่เเม่นยำ อาจจ่ายไม่เร็ว แต่พอเล่นแก้เพรซได้บ่อยแบบนี้ มันทำให้นักเตะดูมีคุณค่าขึ้นมาทันที นักเตะก็มีความหวัง ความมั่นใจ แต่ถึงยังไงก็ยังต้องการปาร์เตย์อยู่นะ อิอิ ทีมเราไม่มีตัวชนเลย ไม่มีตัวตัดเกมส์เลย บังเอลกับไนล์แค่ชะลอเกม ไม่ถึงกับตัดเกม ส่วนชาก้าไม่ต้องพูดถึง เอาจริงตอนนี้ประโยชน์น่าจะน้อยกว่าบังเอลด้วยซ้ำ ทั้งเกมคือทำหน้าที่พักบอลเป็นจุดกลาง ชนไม่ได้ ตัดเกมแทบไม่เห็น บอลไปข้างหน้าแทบไม่มีเลย เพราะฉะนั้นไร้ประโยชน์ ถ้าทำแบบนี้ เอาบังเอลยืนกับเฆบาญอสดีดว่า

#7
ธามาดา

Posted 15 September 2020 - 10:07 PM

ธามาดา

    Newbie

  • Members
  • Pip
  • 3 posts
แต่ถ้าเจอทีมเล็กๆ รับลึกจะเจาะเข้ายาก ผมว่าลากา ไม่ค่อยเหมาะ กับหน้าเดี่ยว ในพรีเมีย ชอบสไตล์ วาดี้ คือต้องพลิกได้มีความเร็ว วิ่งตัดไล ซึ่งลากา จะช้าพอกระชากไม่ได้ นี้หลังแน่นละ ถ้าให้เลือกได้ ขอวาดี้ ดีกว่า มาแบ่งเบาภาระโอบาบ้าง อย่างวาดี้ น่าจะได้ซัก 2 ปี พอดี มาติเนรี่ ต่อได้เลย

#8
ปืนเก่า55

Posted 16 September 2020 - 10:02 AM

ปืนเก่า55

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 4,288 posts

"วิธีการที่จะทำประตูได้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทำให้เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นตั้งแต่ในสนามซ้อม"ระบบนี้คือระบบคู่หูผู้รู้ใจระหว่างคน2คน..Aได้Bจะวิ่งหาช่องรอรับบอล..Cได้Dจะหาช่องวิ่งรอรับบอล...ระบบนี้ใช้มาแต่ตั้งมีการเล่นฟุตบอล(โค้ชทุกคนย่อมรู้)...แต่บอลสมัยใหม่เล่นแบบTotal Football(ระบบของอัศวินสีส้มนำมาใช้)จึงไม่ตายตัวว่าใครเล่นกับใครแต่อยู่ที่จังหวะและไหวพริบและความสามารถของนักบอลเอง..เหมาะกับระบบ3-4-3ครับ

 

 






0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users