อาจจะมีเหตุผลดีอีกหลายข้อที่ทำให้แฟนบอลฉุนเฉียวอาร์แซน เวงเกอร์ ในฤดูกาลนี้ แต่การปล่อยโพดอลสกี้ออกไปจากทีมไม่ใช่หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้นแน่นอน ใช่ มันอาจจะฟังดูแปลกที่จะคิดว่าอาร์เซนอลกำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจบอันดับท็อปโฟร์แต่กลับปล่อยตัวจบสกอร์ระดับท็อปออกไป แต่ กับกรณีโพดอลสกี้ มันมีมุมมองกว้างๆที่แฟนบอลอาร์เซนอลควรจะได้รู้กัน
และมุมมองดังกล่าวที่บอกสามารถไล่เรียงได้ทั้งฟอร์มการเล่นส่วนตัวและอาชีพการค้าแข้งซึ่งหากเปิดเผยออกมา แทบจะตีความได้ว่าเขาแทบจะไม่เคยได้รับความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในการลงเล่นให้กับทีมระดับท็อปเมื่อทีมอยากได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ
มันไม่ใช่เพียงแค่อาร์เซนอลที่เขากลายเป็นส่วนเกินแต่ทั้งกับทีมชาติเยอรมันและก่อนหน้านั้น บาเยิร์นมิวนิค ปัญหาของโพดอลสกี้ไม่ใช่แค่เรื่องการขาดโอกาสหรือคุณภาพ แต่เขาล้มเหลวที่จะปรับตัวเข้ากับระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ซึ่งทีมส่วนใหญ่ในโลกนำมาใช้กัน หรือถ้าจะพูดมากกว่านั้นคือเขาล้มเหลวในการวิ่งหาพื้นที่ในเกมรุก
เว้นเสียแต่ว่าเวงเกอร์จะสร้างทีมล้อมรอบโพดอลสกี้ กองหน้าซึ่งยิง 47 ประตูจากการลงเล่น 121 นัดในนามทีมชาติ และเปลี่ยนระบบการเล่นเพื่อเขา ดังนั้นในความจริงมี 2 ทางเลือกสำหรับเวงเกอร์ ทางเลือกแรกคือใช้โพดอลสกี้ยืนหน้า ซึ่งเราก็เห็นกันอย่างชัดเจนว่า นักเตะวัย 29 ปีขาดการวิ่งหาพื้นที่สำหรับตำแหน่งกองหน้า โดยอเล็กซิส ซานเชสหรือคุณภาพในการหันหลังให้ประตูของโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ดูจะมีประโยชน์กับทีมมากกว่าเขา
อีกทางเลือกหนึ่งคือ โยกไปยืนริมเส้นฝั่งซ้ายอย่างที่เขาเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน แต่โพดอลสกี้ทำลายโอกาสของตัวเองในตำแหน่งนั้นจากการที่ไม่ค่อยช่วยเกมรับเท่าไหร่ ใช่ เขามีเท้าซ้ายที่สามารถยิงประตูหนักราวกับสายฟ้า แต่อย่างที่นักสังเกตการณ์หลายๆคนเห็นคือโพดอลสกี้แทบจะวิ่งมาช่วยเกมรับไม่ไหว
สำหรับผู้เขียน เกมกับสเปอร์สเมื่อปีที่แล้วที่อาร์เซนอลเอาชนะได้ ต้องขอบคุณประตูของโรซิกกี้จริงๆ ที่นั่งของผู้สื่อข่าวที่ไวท์ฮาร์ทเลนใกล้กับสนามมาก ระหว่างครึ่งแรก โพดอลสกี้เดินทอดน่องแถวๆริมเส้นฝั่งซ้ายห่างจากผมไม่กี่เมตร สิ่่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือโพดอลสกี้ดูเหมือนจะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว มีหลายๆจังหวะอยู่ที่เขาหยุดวิ่งเพื่อจะพักหายใจ
หลังจากนั้นเกมที่แพ้เชลซี 6-0 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เมื่อทีมโดนนำ 3-0 หลังจากผ่านไป 24 นาที โพดอลสกี้ถูกเปลี่ยนลงมา 2จาก3ประตูหลังจากนั้นเริ่มต้นจากฝั่งซ้ายทั้งคู่ เกมถ่ายทอดสด ไม่มีใครเห็นว่าโพดอลสกี้และคีแรน กิ๊ปส์อยู่ในจอ
คุณอาจจะบอกว่าเขาไม่ได้รับโอกาสมากพอภายใตัการทำทีมของเวงเกอร์ คุณคงจะแปลกใจถ้าผู้จัดการทีมเป็นมูริณโญ่ส่งเขาลงเล่นอีกหลังจากเห็นเขาทำแบบนั้น เกมที่อาร์เซนอลโดนอันเดอร์เลชท์ตีเสมอ 3-3 ยังคงตรึงตราในใจ โพดอลสกี้ถูกเปลี่ยนตัวลงไปเพื่อช่วยรักษาสกอร์ 3-2 ที่นำอยู่ แต่เมื่อลูกครอสจากฝั่งตรงข้ามเข้ามาเพื่อโอกาสตีเสมอ คุณเห็นได้เลยว่านักเตะสำรองที่เปลี่ยนลงไปแทบไม่วิ่งลงมาช่วยเกมรับหรือกดดันเกมบุกของฝั่งตรงข้ามเลย
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องเกริ่นมาเบื่องต้น และมันน่าจะเป็นไปได้ง่ายที่จะหาตัวอย่างนักเตะแนวรุกสักคนที่ล้มเหลวในการช่วยเกมรับ แต่ในเคสโพดอลสกี้ การปล่อยเขาออกไปเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากกว่าหากมองจากสถิติเมื่อฤดุกาลที่แล้ว
เขาเป็น 1ในเพียง14คนของนักเตะอาร์เซนอลที่ได้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกมากกว่า 20 นัด แต่ในแง่การสปริ้นท์(การวิ่งออกตัวในระยะสั้น ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากในวงการฟุตบอลพูดถึง) เราจะเห็นถึงการเปรียบเทียบกับนักเตะแนวรุกคนอื่นของอาร์เซนอล
อ้างอิงจาก EA Sports โพดอลสกี้สปริ้นท์โดยเฉลี่ย 30.7 ครั้งต่อเกม มีนักเตะอาร์เซนอลเพียง 2 คนที่สปริ้นท์น้อยกว่าคือมิเกล อาร์เตต้าและแพร์ แมร์เตซักเกอร์ แต่พวกเขาทั้งคู่เล่นในตำแหน่งที่ไม่จำเป็นต้องสปริ้นท์มากแต่อย่างใด (โฮลดิ้งมิดฟิลด์และกองหลังตัวกลางตามลำดับ) ในลักษณะเชิงเปรียบเทียบมีความแตกต่างระหว่างโพดอลสกี้กับนักเตะแนวรุกคนอื่นคือ ชิรูด์(62.3), อารอน แรมซี่ย์ (55.5), เมซุต เออซิล (51) และซานติ การ์ซอล่า (41.4) ซึ่งค่าเฉลี่ยดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเกมรุกอย่างมาก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบกับนักเตะคนอื่นๆในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้วในตำแหน่งแนวรุกเหมือนกันกับโพดอลสกี้ ทั้งเชน ลอง (55.1), หลุยส์ ซัวเรส (60.5), เวย์น รูนี่ย์ (53.1) และแดนนี่ เวลเบ็ค (43.8)
กลุ่มผู้สนับสนุนโพดอลสกี้อาจจะอยากเน้นย้ำถึงความอันตรายในจังหวะจบสกอร์ของเขาและมันอาจจะดูน่าเย้ยหยันจนเกินไปที่จะดิสเครดิตคุณภาพของเขาเพราะว่าเครื่องหมายคำถามในเรื่องความทุ่มเทในเกมการเล่น ใครสักคนที่เคยลงเล่นกับเขาคงจะประทับใจกับการจบสกอร์และความรุนแรงการพังประตูของเขาแน่นอน