โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางทีมชาติกาน่า ถูกคาดหมายว่าจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่อาร์เซน่อลตามหามานาน แต่ฟอร์มการเล่นของปาร์เตย์ในเวลานี้กำลังกลายเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับทัพปืนใหญ่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขา?
คำถามดังกล่าวถูกหยิบยกมาพูดคุยกันมากขึ้น หลังจากฟอร์มการเล่นของปาร์เตย์ในช่วง 3-4 เกมส์ที่ผ่านมา กับปาร์เตย์ที่ทุกคนคาดหวังกันไว้ว่าเขาจะเข้ามาแก้ไขปัญหากองกลางของอาร์เซน่อลที่มีมาอย่างยาวนาน หลังจากจากแอตเลติโก มาดริด มาอยู่กับอาร์เซน่อลในช่วงซัมเมอร์ปี 2020
แต่หนึ่งปีผ่านไป แฟนบอลของอาร์เซน่อลก็ยังรอคอยให้เกิดขึ้นตามคำทำนาย เกมส์ที่เขาเล่นในฟอร์มที่ดีที่สุดคือการพาอาร์เซน่อลบุกไปชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังจากย้ายมาร่วมทีม
แต่ก็เป็นเพียงไม่กี่เกมส์ที่เขาเล่นด้วยฟอร์มแบบนั้น และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปาร์เตย์เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และเริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ อาร์เตต้าพูดถึงปาร์เตย์ว่า: "เราต้องการมากกว่านี้จากเขา เขาเป็นนักเตะที่เป็นหนึ่งในผู้นำของทีม เขาเป็นพี่ใหญ่ในแดนกลาง"
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาไม่สามารถดึงฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาได้ ก็คือ อาการบาดเจ็บที่รบกวนเขามาตลอด 14 เดือนที่อยู่กับอาร์เซน่อล เขาได้บาดเจ็บครั้งแรกหลังจากลงไปเพียงแค่ 5 เกมส์ และยังมีปัญหาบาดเจ็บค่อนข้ดขวางอีกหลายครั้ง
เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา คาดหวังว่าเขาจะได้มีปรีซีซั่นแบบเต็มๆ ครั้งแรกกับทีม และเราก็ได้เห็นสัญญาณในเชิงบวกจากเขาในเกมส์อุ่นเครื่อง แต่เขาก็มาได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าในเกมส์อุ่นเครื่องกับเชลชี สองสัปดาห์ก่อนเปิดฤดูกาล ทำให้เขาพลาดลงเล่นในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล 2021/22
หลังจากหายเจ็บ เขาเริ่มกลับมาหาจังหวะการเล่นของตัวเองได้อีกครั้ง เขาได้ลงเล่น 6 เกมส์ติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก และยิงประตูแรกของเขากับทีมได้ในเกมส์ชนะแอสตัน วิลล่า แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บขาหนีบในการฝึกซ้อม จนพลาดลงเล่นในเกมส์กับวัตฟอร์ด ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเบรกสัปดาห์ทีมชาติ
เขากลับมาลงตัวจริงได้ทันเวลาในเกมส์กับลิเวอร์พูล แต่ก็ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของเขามันดูไม่เต็มร้อย ต่อเนื่องมาอีกสามเกมส์ทั้งนิวคาสเซิ่ล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเอฟเวอร์ตัน เขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองมาตลอด
กองกลางวัย 28 ปี ก็ยอมรับว่าเขายังไม่ใกล้เคียงกับฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองในการมาเล่นกับอาร์เซน่อล เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสกายสปอร์ตว่า: "ผมให้คะแนนตัวเอง 4 เต็ม 10 มีช่วงเวลาในเกมส์ที่ผมสามารถเล่นงานคู่แข่งได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายช่วงเวลาที่ผมทำไม่ได้ เพราะผมยังปรับตัวไม่ได้กับพรีเมียร์ลีก บางทีผมก็ปล่อยให้ตัวเองสูญเสียสมาธิไป และนั่นทำให้ทุกอย่างแย่ลง"
พิจารณาจากแง่มุมของสถิติในฤดูกาล 2021/22 แสดงให้เห็นมาตรฐานในสนามของเขาลดลงทุกด้าน ใน 11 เกมส์ที่เขาลงเล่นไปในฤดูกาลนี้ เขาสร้างโอกาสได้ 0.5 ครั้งต่อ 90 นาที ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 0.7 ครั้ง การจ่ายบอลเข้ากรอบเขตโทษต่อเกมส์อยู่ที่ 0.91 ครั้งต่อเกมส์ ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้มากกว่าเท่าตัว 1.82 ครั้งต่อเกมส์
การจับได้สัมผัสบอลต่อ 90 นาที (ลดลงจาก 82.08 ครั้งเหลือ 68.03 ครั้ง) การเข้าสกัดบอลก็ลดลง (จาก 2.58 เหลือ 1.81) การตัดบอล (ลดลงจาก 1.35 เหลือ 1.01) ความแม่นยำในการจ่ายบอล (จาก 87.2% เหลือ 84.8%) การแย่งบอลสำเร็จ (จาก 57.4% เหลือ 46.9%)
สมัยที่เขาอยู่กับทีมตราหมี เขาเคยได้รับฉายาว่า "ไอ้ปลาหมึก" จากความสามารถในการแย่งบอลจากคู่แข่ง เหมือนเขามีอยู่ 8 ขา แต่ในฤดูกาลนี้เขาถูกคู่แข่งเลี้ยงบอลผ่านเขาไปได้ 17 ครั้งจาก 11 เกมส์ ขณะที่ แซมบี้ โลกองก้า กองกลางดาวรุ่งอีกคนของอาร์เซน่อลถูกคู่แข่งเลี้ยงผ่านได้แค่ครั้งเดียว จาก 12 เกมส์ นอกจากนี้กองกลางทีมชาติเบลเยี่ยมวัย 22 ปี ยังมีสถิติเข้าสกัด และตัดบอลที่มากกว่าปาร์เตย์อีกด้วย
ดังนั้น ทำไมนักเตะที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสตาร์และผู้นำของทีม กำลังต้องเจอกับปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นหนักแบบนี้?
อาร์เตต้าให้เหตุผลไว้ว่า: "ความจริงคือเราจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเพราะเรื่องปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถทำให้เขามีพาร์ทเนอร์ที่เข้าขาและรู้ใจได้ รวมถึงเราพลาดใช้งานเขาในระยะเวลาที่ยาวนานนับตั้งแต่เขาเข้ามาร่วมทีม ซึ่งอาการบาดเจ็บมันมีส่วนกับการปรับตัวของเขาด้วย"
ประเด็นสำคัญคือความรู้สึกของตัวเองเขาเองที่กำลังกลัวที่ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บอีกครั้ง และมันส่งผลกระทบโดยตรงกับความมั่นใจ ในเกมส์ที่แพ้เอฟเวอร์ตันเราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามีปัญหาเรื่องความมั่นใจ มันส่งสัญญาณชัดเจน ทั้งความกังวลเวลาที่เขาได้ครอบครองบอล เขาดูตื่นตระหนักเวลาที่บอลอยู่กับตัเวอง หรือเมื่อเวลาที่เขารับบอล เขาพยายามที่จะจับบอลมากจังหวะขึ้น ปล่อยให้ผู้เล่นของเอฟเวอร์ตันได้บีบเขาหาเขา และบีบให้เกิดความผิดพลาด
The Athletic วิเคราะห์เพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ ปาร์เตย์ ไปได้ไม่สวยกับอาร์เซน่อล แม้ว่าสถิติในสมัยที่เขาเล่นกับแอตเลติโก มาดริด เขาครบเครื่องทุกอย่างตามที่อาร์เซน่อลต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแย่งบอลจากคู่แข่งเปลี่ยนเป็นการโต้กลับเร็วให้กับทีม ความสามารถในการเลี้ยงบอลไปข้างหน้า เรตติ้งทุกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาคือกองกลางระดับต้นๆ ของยุโรป
บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็มีหลายเคสที่แสดงให้เราเห็นมาแล้ว เมื่อเราพิจารณาว่า ปาร์เตย์ ไม่ใช่ผู้เล่นของแอตเลติโกคนเดียว ที่ถูกแกะสลักออกมาจากระบบการเล่นของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เราได้เห็น ซาอูล นิเกซ เล่นไม่ได้เลยที่เชลชี, อองตวน กรีซมันน์ ก็ล้มเหลวที่บาร์เซโลน่า พวกเขาดูห่างไกลจากสิ่งที่พวกเขาเคยทำได้อย่างยอดเยี่ยมสมัยที่ยังเล่นให้กับทีมตราหมี
แอตเลติโก มีลักษณะที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูงมาก และมีรูปแบบวิธีการเล่นที่มีความเฉพาะเจาะจง โดยทุกส่วนจะมีหน้าที่เฉพาะของมัน อย่างที่ปาร์เตย์บอกว่าเขามีปัญหาเรื่องการปรับตัวกับพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกที่มีความเข้มข้นสูง แต่ในเรื่องด้านกายภาพของ ซิเมโอเน่ ขึ้นชื่อมาก ไม่มีการลงไปในสนามแล้วเหมือนกำลังเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ฟิตเนสการฝึกซ้อมที่เข้มข้น ผู้เล่นของทีมตราหมีต้องวิ่งมากกว่าปกติ เพราะแผนการเล่นมันอ้างอิงตามทฤษฏีการเล่นแบบไม่มีบอล ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ ซิเมโอเน่ ในการทำงานแบบไม่มีบอล พวกเขาต้องการความกระหายในการไล่แย่งบอล ซึ่งค่อนข้างหาได้ยากกับทีมระดับหัวแถวของยุโรป ที่จะไม่ได้เน้นการครอบครองบอล พวกเขาเน้นความดุดัน และเล่นโต้กลับเร็วเป็นหลัก
ดังนั้นมันอาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนที่รุนแรง และเป็นความท้าทายสำหรับตัวของปาร์เตย์ เหมือนกับการย้ายจากจักรวาลของแอตเลติโก มาอยู่กับจักรวาลอื่น เราได้เห็นหลายครั้งที่อดีตผู้เล่นของแอตเลติโก กลับมาเล่นกับแอตเลติโกอีกครั้ง หลังย้ายออกไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
กับที่อาร์เซน่อล เขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในฟันเฟื่องในกลไกเหมือนกับที่แอตเลติโก เขาถูกมองว่าเป็นแกนหลักในแดนกลางที่จะเป็นคนรวบรวมบอลจากแนวรับ ซึ่งนั่นจะกลายเป็นเรื่องยากทันทีเมื่อเขาถูกคู่แข่งเพลสซิ่งเข้ามาเร็ว และเขาไม่มีคนที่ไว้ใจ หรือเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของเขาได้
ปาร์เตย์ ไม่ใช่แข้งระดับซีเนียร์ที่อาร์เซน่อล ที่กำลังตามหาฟอร์มเก่งของตัวเอง แต่มันมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ กับความยากลำบากในการปรับตัวของเขา เมื่อเขาเป็นผู้เล่นที่มากไปด้วยประสบการณ์ และตอนนี้เขาเล่นในอังกฤษมาแล้ว 14 เดือน