เมื่อเดือนก่อน เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมากล่าวชื่นชมแท็กติกของ มิเกล อาร์เตต้า แม้ว่าอาร์เซน่อลจะพลาดท่าแพ้ลิเวอร์พูล ตกรอบเอฟเอ คัพรอบ 3 คาบ้าน
"มันเป็นเรื่องยากที่จะเตรียมรับมือกับสิ่งที่อาร์เซน่อลทำในค่ำคืนนี้ โดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก" คล็อปป์กล่าว "ไค ฮาแวร์ตซ์ และมาร์ติน โอเดการ์ด เล่นเป็นเหมือนหมายเลข 10 สองคน ในระบบ 4-2-2-2"
แล้วในเกมส์พรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อาร์เตต้าเล่นด้วยแผนเดิมอีกครั้ง
ลิเวอร์พูล เล่นในระบบพื้นฐานแบบ 4-3-3 และจะปรับมาเป็น 4-1-4-1 เวลาที่ไม่ได้ครอบครองบอล โดยมี เคอร์ติส โจนส์ และไรอัน กราเวนเบิร์ก รับผิดชอบในการตามประกบสองกองกลางของอาร์เซน่อลคือ เดแคลน ไรซ์ และจอร์จินโญ่ และมีอเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ยืนอยู่ต่ำสุดในแผงกลาง โดยเขาจะโดนขนาบข้างด้วย ไค ฮาแวร์ตซ์ ทางฝั่งซ้าย และมาร์ติน โอเดการ์ด ทางฝั่งขวา นั่นทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจว่าจะขยับไปตามประกบใคร
นี่กลายเป็นธีมหลักในครึ่งเวลาแรก ฮาแวร์ตซ์ และโอเดการ์ด ยืนอยู่ระหว่างไลน์ จังหวะนี้ แม็คอัลลิสเตอร์ เลือกที่จะขยับไปใกล้กับฮาแวร์ตซ์ คนที่อยู่ใกล้กับบอลกว่า ปล่อยให้โอเดการ์ดมีพื้นที่ว่าง ที่พยายามเรียกบอลจากเพื่อนร่วมทีม
ขณะที่เวลาที่ ลิเวอร์พูล พยายามที่จะใช้การประกบแบบ Man-mark ในแดนกลาง โจนส์จับตาที่ไรซ์, กราเวนเบิร์กตามจอร์จินโญ่ และแม็คอัลลิสเตอร์ ไล่ตามโอเดการ์ด ทำให้ตำแหน่งของฮาแวร์ตซ์เกิดพื้นที่ว่าง เขามีเวลามากพอที่จะหันไปสำรวจตำแหน่งการยืนของกองหลังของลิเวอร์พูล
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าลิเวอร์พูลเกิดความเสียเปรียบในเรื่องของจำนวนผู้เล่นในแดนกลาง และอาร์เซน่อลใช้ความได้เปรียบตรงนี้เล่นงานลิเวอร์พูล เราได้เห็นจากตัวอย่างที่ชัดเจนกับจังหวะ Buildup จนนำมาสู่ประตูขึ้นนำ 1-0 ของอาร์เซน่อล
เมื่อบอลถ่ายมาถึง กาเบรียล มากัลเญส เขาจ่ายบอลออกด้านข้างไปให้กับ โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้ แบ็คซ้ายของทีม เราจะสังเกตุว่า แม็คอัลลิสเตอร์ เลือกจะตามไล่ประกบฮาแวร์ตซ์ แล้วมันเป็นอีกครั้งที่ โอเดการ์ด อยู่ในพื้นที่ว่าง
ชินเชนโก้ แทนที่จะถ่ายบอลต่อให้กับ มาร์ติเนลลี่ เขาเลือกที่จะพลิกบอลเข้าด้านใน ก่อนจะจ่ายให้โอเดการ์ด ที่ว่างอยู่ เมื่อแม็คอัลลิสเตอร์เห็นโอเดการ์ดว่าง เขาเลิกที่จะไล่ตามฮาแวร์ตซ์ ขณะที่ฟาน ไดจ์ ขยับออกจากพื้นที่เพื่อเข้ามาบังทางโอเดการ์ด เทรนต์กำลังประกบกับชินเชนโก้ ส่วนโกนาเต้ก็ถางออกด้านข้างมากเกินไป ทำให้เกิดช่องโหว่ใหญ่ตรงกลาง ที่จะให้ฮาแวร์ตซ์ พุ่งทะลุขึ้นไปรับบอลเร็วจากโอเดการ์ด
แม้ว่าจังหวะจบสกอร์ของฮาแวร์ตซ์จะทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็ยังโชคดีที่มี บูคาโญ ซาก้า ตามซ้ำดาบสองเข้าไปได้ ประตูนี้เป็นการเคลื่อนที่ที่ยอดเยี่ยมของอาร์เซน่อล และเราได้เห็น Shape ของลิเวอร์พูลเกิดความปั่นป่วนกันไปหมด
รูปแบบการเล่นดังกล่าว ยังดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตามอาร์เซน่อล ไม่สามารถหาจังหวะที่ลงตัวในการวิ่ง และจ่ายในพื้นที่สุดท้ายได้เหมือนกับจังหวะได้ประตู แบบจังหวะนี้ โอเดการ์ดขยับหาพื้นที่ว่างในการรับบอลได้แล้ว ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ฟาน ไดจ์ ก็มาถึงตัวโอเดการ์ดได้ช้าเกินไป
อย่างไรก็ตามแทนที่โอเดการ์ด จะจ่ายบอลเข้าไปในพื้นที่ว่างตรงกลางให้ ฮาแวร์ตซ์ ได้สอดทะลุเข้าไป แต่เขาเลือกจ่ายออกข้างไปที่ตัวฮาแวร์ตซ์ ทำให้ไม่สามาถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างระหว่างคู่เซนเตอร์ลิเวอร์พูล
การยืนตำแหน่ง และการเคลื่อนที่ของโอเดการ์ดยอดเยี่ยมมาก ตลอดทั้งครึ่งเวลาแรก ในภาพนี้ แม็คอัลลิสเตอร์ คิดว่าเขาปิดช่องทางการจ่ายผ่านไลน์ระหว่าง จอร์จินโญ่ กับโอเดการ์ดได้แล้ว แต่โอเดการ์ดชี้ แล้ววิ่งไปด้านหลังเขา โดยมั่นใจว่าจอร์จินโญ่ จะสามารถจ่ายบอลมาให้เขาได้
ซึ่งจอร์จินโญ่ก็สามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ จังหวะต่อเนื่อง มาร์ติเนลลี่ ควรที่จะวิ่งตัดหลังเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อทำประตูได้ แต่เขาช้าไปนิดเดียว ทำให้โอเดการ์ดต้องจ่ายออกด้านข้างให้เขา แทนที่จะเป็นการจ่ายทะลุไลน์ให้เขาหลุดเข้าไปทำประตู
จอร์จินโญ่ เป็นอีกคนที่สมควรได้รับความชื่นชมมากเป็นพิเศษสำหรับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในแดนกลางวันนี้ มีจังหวะนึงที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับรูปแบบแท็กติก แต่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ และความชาญฉลาดในการออกบอลของจอร์จินโญ่
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก จอร์จินโญ่ จ่ายบอลเร็วยัดไปให้กับ มาร์ติเนลลี่ ในกรอบเขตโทษ ก่อนที่เขาจะพลิกไปยิง แต่จังหวะนี้มีโกนาเต้ มาตามบล็อกลูกยิงไว้ได้ทัน
ช่วงพักครึ่งเวลาแรก เจอร์เก้น คล็อปป์ แก้เกมส์ด้วยการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของ เคอร์ติส โจนส์ ให้ขยับลงมาต่ำเพื่อช่วย แม็คอัลลิสเตอร์ ไม่ให้โดน โอเดการ์ด กับฮาแวร์ตซ์ รุมกินโต๊ะ ซึ่ง 10 นาทีแรกของครึ่งหลังลิเวอร์พูลก็ออกมาทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามอาร์เซน่อลไม่ยุบ แล้วปรับเกมส์ของตัวเองขึ้นมาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
อีกครั้งที่ต้องชมความยอดเยี่ยมของ จอร์จินโญ่ แม้ว่าโอเดการ์ดจะโดนตามประกบ แต่เขาก็ยังหาช่องจ่ายบอลทะลุไลน์ไปให้กับโอเดการ์ดได้เหมือนเดิม
หลังจากพบกับ 3 นัดในระยะเวลา 6 สัปดาห์ระหว่างอาร์เซน่อลกับลิเวอร์พูล เป็นสองเกมส์ในลีก และอีกหนึ่งเกมส์ในเอฟเอ คัพ ผลของทั้งคู่ทำได้เท่ากันคือชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ประตูได้เสียเท่ากันอีกที่ 4-4 ส่วนบนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลยังเป็นจ่าฝูงนำหน้าอาร์เซน่อลอยู่ 2 คะแนน กับ 15 เกมส์ที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้
แต่เราก็ต้องชื่นชมกับความเฉียบแหลมทางด้านแท็กติกของ มิเกล อาร์เตต้า ในสองเกมส์หลังสุดที่พบกับลิเวอร์พูล ที่สามารถเปิดช่องโหว่นับครั้งไม่ถ้วนให้กับทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อันที่จริงเกมส์เอฟเอ คัพ รอบสาม ถ้าอาร์เซน่อล จบสกอร์กันได้เฉียบคมได้แบบเมื่อวันอาทิตย์ พวกเขาน่าจะกำราบลิเวอร์พูลได้อย่างราบคาบทั้งสองนัด