1) ผู้จัดการทีม
เมาริสซิโอ โปเซ็ตติโน่ ผู้จัดการทีมของสปอร์ กับอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมของอาร์เซน่อล เหมือนกำลังวิ่งสวนทางกัน คนนึ่งเป็นกุนซือสายเลือดใหม่ที่กำลังพุ่งแรง ส่วนอีกคนเป็นกุนซือรุ่นเก๋าที่อยู่ในช่วงขาลง แล้วปีนี้ก็ลงแรงกระแทกกระทั้นเสียเหลือเกิน
เกือบสามปีที่โปเซ็ตติโน่เข้ามาคุมสเปอร์ เขากำลังสร้างทีมไก่เดือยทองมาแบบถูกทางดูจากผลงานฤดูกาลนี้ สเปอร์เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด และเสียประตูน้อยที่สุด พร้อมผลงานในบ้านที่สุดแกร่ง เรียกได้ว่าเล่นในไวท์ฮาร์ทเลน พวกเขาไม่เคยกลัวใคร และพาสเปอร์ได้ลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน
สวนทางกับเวนเกอร์ ที่กำลังเผชิญฤดูกาลที่แย่ที่สุดในรอบ 21 ปี ที่คุมทีมปืนใหญ่ อะไรที่ไม่เคยเกิดก็มาเกิดขึ้นในปีนี้ ทั้งความพ่ายแพ้ในเกมส์ลีก 4 นัดติดต่อกัน การแพ้คริสตัล พาเลซครั้งแรก กำลังจะหลุดท็อปโฟร์ครั้งแรก และจบในอันดับต่ำกว่าสเปอร์เป็นครั้งแรก
2) บริติช คอร์
อาร์เซน่อล เริ่มต้นโปรเจคที่ชื่อว่า "บริติช คอร์" ขึ้นมาเมื่อ 5 ปีก่อน ด้วยการต่อสัญญายาว 5 นักเตะบริติชประกอบด้วย แรมซี่ย์, วิลเชียร์, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, กิ๊บส์ และเจนกินสัน แต่เวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันก็ไม่เห็นถึงร่องรอยแห่งความสำเร็จ แต่ละคนเป็นแค่นักเตะตัวสำรองของทีม ไม่มีใครที่สอดแทรกขึ้นไปเป็นตัวหลักของทีมได้เลย
ตรงกันข้ามกับบริติช คอร์ของสเปอร์ ที่เป็นแกนหลักของทีม ดาวรุ่งอังกฤษของสเปอร์ยิ่งเล่นยิ่งตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี่, เอริค ดายเออร์, แดนนี่ โรส และไคส์ วอคเกอร์ ไม่ใช่แค่เป็นตัวหลักในระดับสโมสรเพียงอย่างเดียว แต่ในระดับทีมชาติด้วย
สาเหตุที่สเปอร์ประสบความสำเร็จ แต่อาร์เซน่อลล้มเหลว ส่วนหนึ่งเพราะสเปอร์ไม่ได้ยึดติดกับนักเตะชุดใดชุดหนึ่ง และเด็ดขาดในการตัดสินใจ ถ้าดาวรุ่งอังกฤษตัวไหนไม่ดี ก็กล้าที่ปล่อยทันที แล้วหาตัวที่ดีกว่าขึ้นมาแทน แต่อาร์เซน่อลก็ยังเชื่อมั่นกับนักเตะชุดเดิม พยายามเข็นแล้วเข็นอีก
3) รูปแบบการเล่น และความกระหายของนักเตะ
ถ้าหากไม่โกหกตัวเอง ก็ต้องยอมรับว่าสเปอร์เล่นบอลได้สนุกกว่าอาร์เซน่อลเยอะ ฟุตบอลของสเปอร์ทำให้นึกถึงแมนยูยุคท่านเซอร์ ที่มีเกมส์รุกที่ดุดัน และดาหน้าบดขยี้คู่แข่งจนโงหัวไม่ขึ้น นักเตะทุกคนแสดงให้เห็นถึงความกระหายที่จะประสบความสำเร็จ แถมเกมส์รับก็ยังแข็งแกร่งอีกด้วย
กลับมามองอาร์เซน่อล ทิศทางการเล่นไม่มีความชัดเจน เกมส์รุกก็ไม่ดี เกมส์รับก็แย่ ฟุตบอลของเวนเกอร์ไม่ได้เน้นแท็กติก แต่เน้นไปที่การให้นักเตะมีอิสระในการคิดและสร้างสรรค์เกมส์ด้วยตัวเอง มันอาจจะเวิร์กถ้ามีนักเตะเซนต์บอลสูงลิบเหมือนสมัยเมื่อ 15 ปีก่อน แต่นักเตะอาร์เซน่อลยุคนี้เซนต์บอลเทียบไม่ติดกับยุคก่อน อีกทั้งคู่แข่งก็พัฒนาขึ้นเยอะ ยกตัวอย่างสเปอร์, แมนซิตี้, ลิเวอร์พูล และเชลชี เมื่อก่อนอาร์เซน่อลไล่เตะรอบเวทีสบายๆ
ดูได้จากสถิติการเจอกันเองของกลุ่ม TOP 6 อาร์เซน่อลคือทีมบ๊วยของมินิลีก ชนะคู่แข่งได้แค่นัดเดียว แต่มันไม่ใช่เพิ่งมาเป็นปีนี้ มันเป็นมานานเกือบ 10 ปีแล้ว ที่อาร์เซน่อล ทำผลงานได้แย่เวลาเจอทีมใหญ่ด้วยกัน มันก็บอกอะไรได้หลายอย่างว่า เมื่อคุณภาพนักเตะไม่ต่างกัน แท็กติกเป็นสิ่งที่สำคัญ และฟุตบอลของเวนเกอร์ไม่เวิร์กสำหรับยุคใหม่อีกต่อไป
4) การต่อสัญญาใหม่กับสตาร์ในทีม
อาร์เซน่อล ประสบปัญหาต่อสัญญาฉบับใหม่กับบรรดาสตาร์ในทีม และพวกเขาปล่อยให้มีนักเตะมากถึง 12 คนที่จะเหลือสัญญาเป็นปีสุดท้ายเมื่อจบฤดูกาลนี้ รวมถึง 2 บิ๊กสตาร์ของทีมอย่าง อเล็กซิส ซานเซซ และเมซุส โอซิล ที่ชะลอการคุยสัญญาใหม่ไปในช่วงซัมเมอร์
โอเคที่ส่วนหนึ่งก็คือเงินๆ ทองๆ ชีวิตนักฟุตบอลมันสั้นก็ต้องรีบกอบโกย แต่อีกแง่นักเตะก็ต้องคิดถึงแนวทางที่ทีมกำลังจะเดินไป และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาร์เซน่อล ต้องเผชิญสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาเคยเสีย เธียรี่ อองรี, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เชส ฟาเบรกาส และซามีร์ นาสรี่ สตาร์ดังของทีมออกไปให้ทีมอื่น ด้วยเหตุผลคำเดียวคืออยากเป็นแชมป์ แต่อาร์เซน่อลไม่ได้ทำให้พวกเขาได้ ซึ่งทั้งหมดก็สมหวังไปได้แชมป์กับทีมอื่นจริงๆ ส่วนอาร์เซน่อลยังร้างแชมป์ลีกมานาน 13 ปี
ด้านสเปอร์ พวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องการต่อสัญญาฉบับใหม่แข้งหลักของทีม ทั้งๆ ที่เพดานค่าเหนื่อยของสเปอร์น้อยกว่าอาร์เซน่อลเสียด้วยซ้ำ นักเตะอย่างแฮร์รี ่เคน ที่เพิ่งต่อสัญญายาวไปอีก 6 ปีได้รับค่าเหนื่อย 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ น้อยกว่าธีโอ วัลคอตต์ ด้วยซ้ำ ดังนั้นปัจจัยในการเลือกอยู่กับทีมต่อ มันไม่ใช่เงินแค่อย่างเดียว
5) ตารางคะแนน
ตารางคะแนนไม่เคยโกหกใคร!! จากชัยชนะ 4-0 ของสเปอร์เมื่อวาน ทำให้เขาขยับไล่จี้เชลชีเหลือ 4 คะแนน แต่ทีมไก่เดือยทองทิ้งห่างอริร่วมกรุงลอนดอนอย่างอาร์เซน่อลแบบไม่เห็นฝุ่นถึง 17 คะแนน สามารถพูดได้เกือบเต็มปากแล้วว่า สเปอร์จะจบในอันดับเหนือกว่าอาร์เซน่อล เป็นครั้งแรกในยุคของอาร์แซน เวนเกอร์