บทความจากดิแอธเลติก โดยคุณอาร์ต เดอ โรเซ่
อาร์เซน่อล พัฒนาขึ้นมากในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ชัดเจนว่าพวกเขาต้องยกระดับเกมส์รุกเพื่อเปลี่ยนจากอันดับ 5 ให้กลับไปยังพื้นที่แชมเปี้ยนลีกอีกครั้ง
เราได้เห็นอาร์เซน่อลสร้างโอกาสทำประตูได้จากหลายพื้นที่ในฤดูกาล 2021/22 จากเดิมที่ไปพึ่งพากับการเปิดบอลของ คีแรน เทียร์นี่ย์ ในปีก่อนหน้า ผู้เล่นกองกลางตัวรุก และผู้เล่นริมเส้น เริ่มมีส่วนร่วมกับการทำประตูได้มากขึ้น แต่ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง มีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่น ส่วนอเลซองเดร์ ลากาแซตต์ ก็มีปัญหากับการเคลื่อนที่ในพื้นที่สุดท้าย ทำให้พวกเขาขาดประสิทธิภาพในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง
กาเบรียล เซซุส กองหน้าคนใหม่ สร้างอิมแพ็คได้ทันทีตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น เขาใช้เวลาแค่สองนาทีในการยิงประตูแรกให้กับอาร์เซน่อล ในเกมส์อุ่นเครื่องกับเนิร์กแบร์ก เขาโดดเด่นมากตลอดช่วงปรีซีซั่น และในวันเสาร์ที่ผ่านมาเขาแสดงให้เห็นอีกครั้ง ด้วยผลงาน 2 ประตู กับ 2 แอสซิท ในชัยชนะเหนือเลสเตอร์ ซิตี้ 4-2
กองหน้าวัย 25 ปี ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่เพียงแค่พื้นที่ตรงกลางสนาม ซึ่งเป็นสิ่งที่อาร์เซน่อลไม่มีเมื่อฤดูกาลก่อน ประตูแรกที่เขาทำได้ในเกมส์กับเซบีญ่า ก็เป็นการเริ่มจากการไปรับบอลจากพื้นที่ฝั่งซ้าย เขาฝากบอลไปให้กับกรานิต ชาคา ก่อนที่เขาจะเคลื่อนเข้ามาจบสกอร์ในกรอบเขตโทษ
คล้ายคลึงกับประตูแรกที่เขาทำได้ในเกมส์กับเลสเตอร์ ซิตี้ เริ่มจากโธมัส ปาร์เตย์ เปิดบอลจากตรงกลางสนามไปให้กับ เซซุส ทางพื้นที่ว่างตรงกราบซ้าย ซึ่งจะมีจอห์นนี่ อีแวนส์ กองหลังของเลสเตอร์ ขยับตามเข้ามา และเขาใช้ทักษะความสามารถในการพลิกบอลหนีอีแวนส์
การเคลื่อนที่อาจจะถูกธรรมดาทั่วไป แต่มันตามมาด้วยการแดสงให้เห็นคุณภาพของอาร์เซน่อล ในกรอบเขตโทษมีผู้เล่นของเลสเตอร์ ซิตี้อยู่ 7 คน แต่เมื่อเซซุส จ่ายบอลให้กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ม้วนบอลกลับมาจ่ายเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับ กรานิต ชาคา
ก่อนที่ขาคา จะแปะบอลเร็วไปให้กับเซซุส จังหวะจบสกอร์แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของเขา แม้ว่าบอลจะอยู่ชิดตัว แต่เซซุสก็ปั่นบอลเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม ท่ามกลางวงล้อมผู้เล่นเลสเตอร์ 4 คน
ดิแอธเลติก เคยวิเคราะห์บรรดากองหน้าที่ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับอาร์เซน่อลในช่วงซัเมมอร์ เกือบๆ หนึ่งเดือนก่อนที่เซซุส จะย้ายมาเล่นกับอาร์เซน่อล ประเด็นที่ชี้ให้เห็นคือ คู่แข่งที่เจอกับซิตี้ หลายทีมมักจะถอยลงไปตั้งรับลึก แต่เซซุสเป็นคนที่หาจังหวะยิงประตูได้ดี แม้จะอยู่ในวงล้อมของคู่แข่งด้วยเท้าที่ไว และสัญชาตญาณในการทำประตูของเขา
เป็นจุดที่อาร์เซน่อลมีปัญหาตลอดเมื่อฤดูกาลก่อน เมื่อคู่แข่งของพวกเขาถอยลงไปตั้งรับลึกในกรอบเขตโทษ และพวกเขาไม่สามารถหาช่องเจาะได้ สิ่งที่เราได้เห็นเมื่อวันเสาร์โดยเฉพาะครึ่งเวลาแรก การประสานงานกันอย่างรวดเร็วทางฝั่งซ้ายของอาร์เซน่อล สามารถตัดผ่านแนวรับของเลสเตอร์ได้อย่างง่ายดาย
โอเล็กซานเดอร์ ชินเซนโก้ อีกหนึ่งแข้งที่อาร์เซน่อลเซ็นมาจากแมนซิตี้ในตลาดรอบนี้ ดันสูงขึ้นมาแย่งบอลในแดนของคู่แข่ง บอลมาอยู่ที่โอเดการ์ด ก่อนที่เขาจะสะกัดบอลต่อให้เซซุส ซึ่งเซซุสก็ฝากบอลเร็วไปที่มาร์ติเนลลี่ ก่อนที่มาร์ติเนลลี่จะจ่ายบอลลอดขา เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ขณะที่เซซุสเคลื่อนที่ไปรับบอลในเขตโทษ แต่ลูกนี้เขายิงไปติดเซฟผู้รักษาประตูอย่างน่าเสียดาย
ฟุตบอลแบบวันทัช เป็นบางอย่างที่อาร์เซน่อลต้องการที่จะเอากลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่อาร์แซน เวนเกอร์ อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมไป ในช่วงจบฤดูกาล 2017/18 สไตล์การเล่นของอาร์เซน่อลเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไป และสามารถคาดเดาได้ แต่สไตล์การเล่นแบบฉบับของอาร์เซน่อล ค่อยๆ กลับมาแสดงให้เห็นอีกครั้งในฤดูกาลที่แล้ว แต่เกมส์กับเลสเตอร์ แสดงให้เห็นการประสานงานที่ไหลลื่นมากๆ
ในสารคดี All or Nothing ของทาง Amazon อาร์เตต้าได้พูดในฉากหนึ่ง โดยเขาบอกกับสต๊าฟโค้ชของเขาให้แนะนำนักเตะให้น้อยลงก่อนลงเล่นเกมส์ที่ 4 ของฤดูกาลกับนอริช (หลังจากแพ้มา 3 นัดติดต่อกัน) แนวความคิดคือให้ผู้เล่นมีอิสระในการเล่นมากขึ้น
เขาพูดว่า: "นั่นคือความคิด ที่พวกเขาสามารถตัดสินใจด้วยตัวเอง และการตัดสินใจเหล่านั้นถูกต้อง ทั้งในด้านของเวลาและเป้าหมาย นั่นคือทิศทางที่เราต้องการที่จะทำ" ซึ่งหลังเกมส์กับเลสเตอร์เขาให้สัมภาษณ์ว่า: "คุณสามารถเห็นถึงการตอบสนอง และความเร็วของการดำเนินการอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และมันเป็นเรื่องยากที่คู่แข่งจะป้องกัน"
ความโดดเด่นในเรื่องลูกตั้งเตะไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับอาร์เซน่อล
ฤดูกาลก่อน พวกเขาไม่เสียประตูจากลูกเตะมุมจนกระทั่งเดือนเมษายน ส่วนการโจมตีจากเตะมุม ประตูที่สองของเซซุส เป็นประตูที่ 15 ที่อาร์เซน่อลทำได้จากลูกเตะมุมนับตั้งแต่เมื่อฤดูกาลก่อน ไม่มีทีมไหนที่ทำประตูจากลูกเตะมุมได้มากเท่าพวกเขา
ในช่วงปรีซีซั่นเราก็ได้เห็นประตูของเซซุสจากลูกเตะมุมมาแล้วทั้งในเกมส์ชนะเอฟเวอร์ตัน 2-0 ที่สหรัฐอเมริกา และประตูแฮตทริกของเขาที่ยิงใส่เซบีญ่า นอกจากสองประตูแล้ว เขายังมีอีกสองแอสซิท ที่มีส่วนกับประตูนำ 3-1 ของกรานิต ชาคา ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการจ่ายให้ มาร์ติเนลลี่ ยิงจากนอกกรอบเขตโทษให้ทีมหนีห่างอีกครั้งเป็น 4-2 ทั้งสี่ประตูที่อาร์เซน่อลทำได้ มาจากการเล่นของเซซุสทั้งหมด
มีอีกหนึ่งจังหวะที่ควรหยิบยกมาพูดคุยกันนั่นคือจังหวะที่ แอรอน แรมส์เดล เปิดบอลยาวทิ้งมาให้ที่ เซซุส แบบเดียวกับเมื่อฤดุกาลที่แล้ว ในเกมส์ไปเยือนเลสเตอร์ แรมส์เดลเคยเปิดบอลยาวข้ามหัวอีแวนส์
โอบาเมยองชิงจังหวะวิ่งแซงอีแวนส์ ก่อนที่จะโดนตัดเกมส์ แม้ว่าเขาจะเป็นตัวสุดท้าย แต่อีแวนส์ไม่ได้โดนใบแดงไล่ออกจากสนามแต่อย่างใด
แรมส์เดลได้เปิดบอลในลักษณะเดียวกันอีกครั้งในเกมส์วันเสาร์ โดยตั้งใจที่จะบอลไปที่ว่างด้านหลังของปราการหลังวัย 34 ปีของเลสเตอร์ ซิตี้ แต่แทนที่อีแวนส์จะประกบติดกับเซซุส เขากลับถอยหลังกลับมา ส่วนเซซุสก็พักบอลด้วยศีรษะ และเขามาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ในทันที
เขาเริ่มจากการพยายามบังบอลเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้อีแวนส์เข้าถึงบอล ก่อนที่จะชิงจังหวะพลิกบอลหนีอีแวนส์ได้อย่างงดงาม เสียดายที่ยังมีวินฟรีด เอ็ดดิดี้ กองกลางของเลสเตอร์เข้ามาแหย่สกัดบอลก่อนที่เซซุสจะได้ยิงแบบถนัด
เซซุส มีส่วนสูงเพียงแค่ 175 เซนติเมตร แต่ทุกด้านที่เขาแสดงออกมา นั่นคือสิ่งที่อาร์เซน่อลต้องการจากผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าในฤดูกาลนี้ เขาได้สัมผัสบอล 55 ครั้งก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 84 และเป็นการจับบอลในกรอบเขตโทษของเลสเตอร์ถึง 15 ครั้ง
อาจจะฟังดูแปลกที่ โอเดการ์ด และบูคาโญ ซาก้า ยังไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นแบบเมื่อฤดูกาลก่อน แต่ทีมก็ยังสามารถทำประตูคู่แข่งได้ถึง 4 ประตู มันแสดงให้เห็นว่าอาร์เซน่อลยังมีที่ว่างสำหรับการเติบโตได้อีก
บทความจากเดลี่ เทเรกราฟ โดยคุณแซม ดีน
มีคำถามสำคัญ เมื่อโอเล็กซานเดอร์ ชินเซนโก้ เซ็นสัญญากับอาร์เซน่อลในช่วงซัมเมอร์ว่าเขาจะลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย หรือว่ากองกลาง แต่ตอนนี้มันแสดงให้เราได้เห็นแล้วว่า มิเกล อาร์เตต้า ให้เขาเล่นทั้งสองบทบาท กับวิวัฒนการด้านแท็กติกของอาร์เตต้าในฤดูกาลนี้
บทบาทแบ็คว้าย ไม่ใช่เรื่องใหม่ของชินเซนโก้ เพราะการเล่นกับแมนซิตี้เขาเล่นตำแหน่งนี้เป็นหลักอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องใหม่สำหรับอาร์เซน่อลมากกว่า กับการเล่นในลักษณะที่มีความไฮบริดแบบนี้ เกมส์ที่ชนะเลสเตอร์ 4-2 เราได้เห็นชินเซนโก้ ขยับเข้ามาเล่นตรงกลางในการช่วยจ่ายบอลสั้น และกำหนดจังหวะการเล่นให้กับทีม เคียงคู่กับ โธมัส ปาร์เตย์ ขณะที่ความสัมพันธ์ของเขากับ กรานิต ชาคา ก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปรียบเทียบ Touch Map ของชินเซนโก้ ในเกมส์ที่ชนะเลสเตอร์ 4-2 กับคีแรน เทียร์นี่ย์ ในการชนะเลสเตอร์ 2-0 เมื่อฤดูกาลก่อน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเทียร์นี่ย์จะเล่นในบทบาทของแบ็คซ้ายโดยธรรมชาติ ในการ Overlap บริเวณริมเส้นเป็นหลัก ขณะที่ ชินเซนโก้ จะขยับเข้ามาช่วยต่อบอลตรงกลางค่อนข้างเยอะ และแทบจะไม่เห็นการ Overlap ของเขาเลยในเกมส์นัดนี้
อย่างไรก็ตาม มีข้อสงสัยเล็กน้อยที่คิดว่า คีแรน เทียร์นี่ย์ จะมีการเล่นเกมส์รับที่ดีกว่า ชินเซนโก้ สำหรับการแย่งตำแหน่งแบ็คซ้ายในทีมอาร์เซน่อล ดังที่เราเห็นในเกมส์กับพาเลซ เมื่อเทียร์นี่ย์ลงมาแทนชินเซนโก้ที่เริ่มมีปัญหาในเกมส์รับ ในการรับมือกับผู้เล่นริมเส้นของพาเลซในจังหวะ 1 ต่อ 1
แต่มองในแง่ของประโยชน์ มิเกล อาร์เตต้า จะมีทางเลือกมากขึ้น เมื่อเขาต้องการที่จะควบคุมเกมส์ ดูเหมือนชินเซนโก้จะเหมาะมากกว่าที่จะลงเป็นตัวจริง เพราะเขาเป็นผู้เล่นอาร์เซน่อลที่จ่ายบอลมากที่สุดในทีม รวมถึงการจ่ายบอลสำเร็จมากที่สุดในพื้นที่สุดท้ายอีกด้วย
การเล่นของชินเซนโก้ ส่งผลกระทบต่อการเล่นของ กรานิต ชาคา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่น่าสนใจที่สุด ชาคา ถูกวิจารณ์มานานว่าเขาขาดความคล่องตัว แต่ตอนนี้ชินเซนโก้ ขยับเข้ามาช่วยต่อบอลตรงกลางแทน ทำให้ชาคา มีอิสระมากขึ้นในการเติมขึ้นไปด้านบน
อย่างที่เราเห็นจากภาพประกอบด้านล่าง ชาคา ปรับเปลี่ยนมาเล่นในบทบาทของ Box-to-Box ทำให้บ่อยครั้งที่เราเห็นเขาเข้าไปสูงถึงกรอบเขตโทษของคู่แข่ง ซึ่งเกมส์นี้เขายิง 1 จ่าย 1 เราแทบนึกภาพไม่ออกกับชาคาในการเล่นแบบนี้
เกมส์กับเลสเตอร์ เขาจับบอลในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง 4 ครั้ง เป็นตัวเลขที่มากที่สุดจาก 190 เกมส์ที่เขาเล่นให้อาร์เซน่อล นอกจากนี้ชินเชนโก้ มีการจ่ายบอลกับกรานิต ชาคา รวมทั้งหมด 28 ครั้ง เป็นรองเพียงแค่ ดาเนียล อมาตี้ กับจอห์นนี่ อีแวนส์ ของเลสเตอร์ที่ 34 ครั้ง