แซร์จ นาร์บี้ (อายุ 23 ปี, ปีกขวา, บาเยิร์น มิวนิค)
อาร์เซน่อล ซื้อนาร์บี้ มาจากสตุ๊ตการ์ท 100,000 ปอนด์ในปี 2011 ตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่ 16 ปี และเด็กดาวรุ่งจากเมืองเบียร์ เชื้อสายไอวอร์รี่โคสต์ ฉายแววโดดเด่นตั้งแต่เล่นกับทีมเยาวชนของสโมสร และเขาขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็วในฤดูกาล 2012/13 โดยประเดิมเกมส์แรกในลีกคัพ กับโคเวนทรี
ก่อนที่จะประเดิมเกมส์แรกในพรีเมียร์ลีกกับนอริช ซิตี้ ด้วยอายุ 17 ปี 98 วัน กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 รองจากแจ็ค วิลเชียร์ และในฤดูกาล 2013/14 เขาถูกดันขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่อบแบเต็มตัว นัดที่เขาแจ้งเกิดคือเกมส์ที่เอาชนะสวอนซี ที่เขายิงประตูแรกให้กับทีมปืนใหญ่ และในเกมส์เอฟเอ คัพรอบ 3 ที่ชนะสเปอร์ 2-0 เขาเล่นได้น่าประทับใจมากๆ
แต่เด็กที่มีแววจะกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของอาร์เซน่อล กลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า ทำให้เขาต้องพักยาวร่วมปี การกลับมารอบนี้เขาไม่เหมือนเดิม ทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ ฤดูกาล 2015/16 เขาถูกปล่อยให้เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนยืมตัวไปใช้งาน แต่ได้ลงเล่นแค่ 3 นัดเท่านั้น
จุดเปลี่ยนของ นาร์บี้ เกิดขึ้นอีกครั้งในโอลิมปิก เกมส์ 2016 เขาระเบิดฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมพาเยอรมัน คว้าเหรียญเงิน และตัวเองเป็นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์ หลังจากทัวร์นาเมนท์ เขาได้รับข้อเสนอจากแวร์เดอร์ เบรเมน ทีมในบุนเดสลีกา เยอรมัน และอาร์เซน่อล จำใจต้องปล่อยตัวนักเตะออกไป เนื่องจากนักเตะเหลือสัญญาอีกเพียงแค่ปีเดียว ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ เท่านั้น
เขาเล่นกับเบรเมน แค่ปีเดียว ก็ได้ย้ายไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมแห่งเมืองเบียร์ ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ เขาถูกปล่อยให้ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยืมตัวในฤดูกาล 2017/18 และผลงานไม่ธรรมดากับ 10 ประตูในบุนเดสลีกา
สุดท้ายเสือใต้ เลือกเก็บนาร์บี้ไว้ใช้งานในฤดูกาล 2018/19 และเขายึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนื่อง กับผลงาน 13 ประตูจาก 42 นัด และพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้งบุนเดสลีกา และเดเอฟเบ โพคาล
ขณะที่ผลงานกับทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เขายิงไป 5 ประตูจาก 7 เกมส์ในทีมชาติ
ดอนเยล มาเล่น (อายุ 20 ปี, ปีกซ้าย, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น)
มาเล่น เป็นเด็กปั้นจากอะคาเดมี่ของอาแจ็กซ์ อัมเตอร์ดัม และถูกอาร์เซน่อล ดึงตัวมาเข้าทีมในปี 2015 ตลอดสองปีที่อยู่กับทีมเขายิงไป 27 ประตูจาก 67 เกมส์ให้กับทีมเยาวชนของสโมสร แต่ไม่เคยได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเลย ใกล้เคียงที่สุดคือการได้ไปทัวร์ปรีซีซั่นที่ทวีปเอเซียกับทีมในปี 2017
แต่หลังจากกลับจากทัวร์ เขาตัดสินใจที่จะย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในช่วงปีแรกเขายังเล่นกับทีมสำรองของพีเอสวี เป็นหลัก แต่ฤดูกาลที่ผ่านมา มาเล่นได้ขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว เขายิงไป 11 ประตูกับ 5 แอสซิท จาก 42 เกมส์
เจฟฟ์-เรเน่ อเดเลด (อายุ 21 ปี, กองกลาง, อองเช่ร์)
เจฟฟ์ ย้ายจากอาร์ซี ล็องส์ มาอยู่กับอาร์เซน่อลในปี 2015 และฉายแววอย่างรวดเร็วในรายการเอมิเรสต์ คัพ ที่เขาลากหลบผู้เล่นโวล์ฟบวร์กก่อนจ่ายให้วัลคอตต์หลุดไปยิงประตู
แต่ตลอด 3 ปี เจฟฟ์ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้เลย เขาลงเล่นไปแค่ 8 นัดในเอฟเอ คัพและลีกคัพ ไม่เคยได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก ในปี 2018 หลังทราบว่าไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ อูไน เอเมรี เขาย้ายไปเล่นกับอองเช่ร์ ทีมในลีกเอิง
ฤดูกาล 2018/19 เจฟฟ์ทำผลงานได้น่าประทับใจลงเล่นเป็นหลักของอองเช่ร์ 36 นัดยิงไป 3 ประตู 3 แอสซิท และมีข่าวว่า ลีลส์ พร้อมจ่าย 10 ล้านยูโร เพื่อดึงเขามาร่วมทีม ในเวลานี้ เจฟฟ์ ติดทีมชาติฝรั่งเศส U21 ชุดเดียวกับมัตเตโอ เกนดูซี่ ไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
อิสมาเอล เบนนาเซอร์ (อายุ 21 ปี, กองกลาง, เอ็มโปลี)
ย้ายจาก อาร์เลส มาอยู่กับอาร์เซน่อลในปี 2015 เขาเคยมีประสบการณ์เล่นในระดับลีกเดอซ์มาแล้ว ในปีแรกกับทีมเขาได้ลงเล่นกับอาร์เซน่อลได้แค่นัดเดียวในลีก คัพที่เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3-0 แต่ก็เป็นแค่นัดเดียวที่เขาได้ลงเล่นกับชุดใหญ่
ปีถัดมาเขาถูกปล่อยตัวออกไปให้กับ ทรัวซ์ ทีมในระดับลีกเดอซ์ ยืมตัวไปใช้งาน และถูกสโมสรขายออกไปให้กับเอ็มโปลี ในปีถัดมาด้วยค่าตัว 1 ล้านยูโร เขาไต่เต้าจากซีรีย์บี จนได้เลื่อนชั้นมาซีรีย์อา เมื่อฤดูกาล 2018/19 โดยตลอดสองฤดูกาล เขาคือตัวหลักของเอ็มโปลี
ผลงานในซีรีย์อา ฤดูกาลที่ผ่านมาเขาลงเล่น 37 นัดทำไป 4 แอสซิท และมีข่าวว่า นาโปลี ทีมระดับแถวหน้าของลีก จะซื้อเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโร โดยทางอาร์เซน่อลมีออปชันในการซื้อกลับ แต่หากไม่ใช้พวกเขาจะได้ส่วนแบ่ง 30% จากค่าตัวนักเตะ
ชูบ้า อัคปอม (กองหน้า, 23 ปี, พีเอโอเค)
ชูบ้า อัคปอม อยู่กับอาร์เซน่อลมาต้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาลงเล่นให้กับทีม U18 ตั้งแต่อายุ 15 ปี ผลงานถล่มประตูของเขาในระดับเยาวชนถือว่าโดดเด่นมากๆ และได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในปี 2013/14 แต่เขาไม่สามารถแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ของทีมได้ ตลอด 12 เกมส์ที่ได้ลงเล่น เขาทำประตูไม่ได้เลย
เขาถูกปล่อยตัวออกไปให้กับหลายสโมสรยืมตัวใช้งานทั้ง เบรนท์ฟอร์ด, โคเวนทรี, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ฮัลส์ ซิตี้, ไบรท์ตัน จากสถิติเห็นชัดว่าเขามีปัญหากับการทำประตู เมื่อขึ้นมาเล่นฟุตบอลอาชีพ แต่มีช่วงท้ายก่อนย้ายออกจากอาร์เซน่อล เขาเริ่มยิงประตูได้ในการไปเล่นกับ แซงต์ ทรูด็อง ทีมในลีกเบลเยี่ยม 6 ประตูจาก 16 เกมส์
ฤดูกาล 2018/19 เขาถูกพีเอโอเค ทีมในซูปเปอร์ลีกกรีซ ซื้อตัวจากอาร์เซน่อลด้วยค่าตัว 1 ล้านยูโร ช่วงครึ่งฤดูกาลแรกเขายังไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่นมากนัก แต่ช่วงโค้งสุดท้าย อัคปอม กลายเป็นตัวหลักของทีม และไฮไลท์สำคัญคือการยิงประตูชัยพาทีมชนะเออีเค เอเธนส์ 1-0 ในกรีซ คัพ
ทำให้พีเอโอเค คว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองได้สำเร็จ และเป็นการคว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่ายอีกด้วย เป็นการกลับมาคว้าแชมป์ลีกในรอบ 34 ปี