Jump to content



Photo

บอลโลกิน้องแห่งทอร์(เอเมรีบอล)


  • Please log in to reply

#1
Tony Adams

Posted 24 October 2018 - 01:06 PM

Tony Adams

    MR.ARSENAL

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,906 posts
  • Locationkrungteb
สิบเอ็ดปีเต็มเข้าไปแล้วนะครับที่แฟนบอลอาร์เซน่อลไม่ได้เห็นทีมชนะติดต่อกันมากขนาดนี้

ชนะ 10 เกมติดในทุกรายการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2007 และเช็กโปรแกรมนัดถัดๆ ไปก็มีโอกาสที่สถิตินั้นจะถูกยืดเพิ่มขึ้นได้อีก ทีมปืนใหญ่จะไปเยือนสปอร์ติ้ง ลิสบอน เยือนคริสตัล พาเลซ เหย้าแบล็คพูล ก่อนเจอลิเวอร์พูลในบ้านตัวเอง

มีกุญแจสำคัญของเกมแซงชนะเลสเตอร์ ซิตี้ นัดล่าสุดมากมายเหมือนกันนะครับ

การลงสนามในฐานะตัวสำรองของ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง และทำ 2 ประตูได้อีกครั้งนั่นก็ใช่

อะไรกันแน่ที่อยู่ในแผนของ อูไน เอเมรี่ เพราะนี่คือเกมที่สองติดต่อกันแล้วในลีกที่ดาวยิงกาบองนั่งข้างสนามก่อนจะถูกส่งลงไปทะลวงตาข่ายในครึ่งหลัง

ไม่รวมเกมยูโรปา ลีกกับคาราบัคที่อดีตศูนย์หน้าดอร์ทมุนด์ไม่มีชื่อในทีมเลย โอบาเมย็องลงเล่นเป็นตัวจริงให้อาร์เซน่อลครั้งสุดท้ายคือนัดที่เปิดเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมทุบวัตฟอร์ด 2-0 เมื่อปลายเดือนก.ย.

น่าสนใจตรงที่เกมนั้นเขาถูกเปลี่ยนตัวออกขณะที่เกมยังเสมอกันอยู่ 0-0 เอเมรี่ส่ง แดนนี่ เวลเบ็ค ลงเล่นแทนในนาทีที่ 77 เป็นไพ่ใบสุดท้ายในมือแล้ว

แค่ 4 นาทีหลังการเปลี่ยนตัว อาร์เซน่อลก็ได้ประตูที่ต้องการ และนับจากนั้นก็ดูเหมือนเอเมรี่จะมีวิธีใช้งานกองหน้าค่าตัว 56 ล้านปอนด์คนนี้ในอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือตัวโจ๊กเกอร์

เป็นการปรับกลยุทธอีกครั้งหลังจากช่วงแรกของฤดูกาลโอบาเมย็องเป็นตัวจริง อเล็กซ็องดร์ ลากาแซตต์ เป็นตัวสำรอง จากนั้นก็ขยับมาเป็นใช้สองคนนี้เล่นด้วยกัน และล่าสุดลากาแซตต์คือตัวจริง โอบาเมย็องเป็นตัวสำรอง

สิ่งหนึ่งที่มองเห็นชัดเจนก็คือเอเมรี่ไม่ฝืนใช้วิธีการที่ไม่ได้ผล และไม่เปลี่ยนวิธีการที่ได้ผล ใครที่ตอบสนองแท็คติกของเอเมรี่ได้ดีกว่า ณ เวลานั้นๆ ก็ได้รับโอกาสไปตราบใดที่คุณยังเล่นได้ไม่ผิดพลาด

คู่มิดฟิลด์ของทีมในช่วงแรกใช้ มัตเตโอ เกนดูซี่ กับ กรานิต ชาก้า จากนั้นเปลี่ยนมาเป็น ลูกัส ตอร์เรยร่า กับ ชาก้า ขณะที่ อเล็กซ์ อิโวบี้ ก็ได้โอกาสลงสนามต่อเนื่องขึ้นในช่วงหลัง

เอเมรี่มีความยืดหยุ่นด้านแท็คติกด้วยเช่นกัน มันมาพร้อมกับขุมกำลังเชิงลึกที่มีคุณภาพขึ้น เกมล่าสุดกับเลสเตอร์ ข้างสนามของกุนซือสแปนิชนอกจากโอบาเมย็องก็ยังมี แอรอน แรมซี่ย์, เกนดูซี่ และแดนนี่ เวลเบ็ค ที่เพิ่งเล่นตัวจริงในเกมลีกนัดก่อนหน้านี้ที่ถล่มฟูแล่ม

สามคนแรกถูกส่งลงสนามพร้อมกับแท็คติกที่ปรับแก้ระหว่างเกม และมันส่งผลกระทบต่อรูปเกมทันที

นาทีที่ 61 ขณะที่สถานการณ์ยังยื้อกันอยู่ที่ 1-1 โอบาเมย็องกับเกนดูซี่ถูกส่งลงแทน เฮนริค มคิทาร์ยาน และ สเตฟาน ลิคชไตเนอร์

ไม่ใช่การเปลี่ยนตามตำแหน่งเลย เพราะเอเมรี่ถอดมิดฟิลด์ตัวรุกฝั่งขวากับแบ็คซ้ายออก (ลิคชไตเนอร์เล่นแบ็คซ้ายในเกมนี้ เพราะทางขวาเป็น เอคตอร์ เบเยริน) แล้วส่งกองหน้ากับมิดฟิลด์ตัวกลางลงไป

ระบบยังเหมือนเดิมคือ 4-2-3-1 แต่ ชาก้าถอนตัวลงไปยืนแบ็คซ้ายแทนลิคชไตเนอร์ โอบาเมย็องยืนเป็นกองหน้าด้านซ้ายแทนอิโวบี้ที่ขยับเข้ามาตรงกลาง เกือบๆ จะเล่นกับโอซิลที่เบี่ยงออกไปทางขวาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ยืนสุดเส้นเพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นภารกิจของเบเยริน

แท็คติกนี้ปรับอย่างฉับพลันแล้วโจมตีทันทีด้วยตัวรุกที่มากกว่าเดิม ขยับตัวหาพื้นที่มากขึ้น เล่นบอลเร็วกว่าเดิม ให้บอลทะลุทะลวงกว่าเดิม

เป็นช่วงเวลาที่อาร์เซน่อลสร้างโอกาสให้ตัวเองและพวกเขาทำได้ ในทางกลับกันมันก็เป็นจังหวะอันตรายสำหรับทีมเยือนซึ่งยังปรับเกมตามไม่ทันและพวกเขาก็ถูกเล่นงานจริงๆ เพราะเพียงแค่ 2 นาทีหลังการเปลี่ยนตัวครั้งนั้น โอซิลก็ผ่านบอลคิลเลอร์พาสให้เบเยรินทะลุขึ้นมาทางขวาก่อนจะผ่านให้โอบาเมย็องยิงทางเสาไกล

แท็ปอิน.. ง่ายๆ แต่มีที่มาจากการวางแผนชัดเจน ความจริงเลสเตอร์เองก็เปลี่ยนตัวแก้เกมเหมือนกันแต่ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ที่ลงมาแทน เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ยังไม่ทันได้ปรับจังหวะเข้าที่ก็โดนเล่นงานเสียแล้ว

ชอบความกล้าของเอเมรี่ในเกมนี้ครับ โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ที่แสดงให้เราเห็นชัดเจนว่าเรื่องแท็คติกของเขาก็ไม่ธรรมดาเลย

---------------------------------------

กุญแจสำคัญอีกดอกหนึ่งในชัยชนะครั้งนี้ก็คือคำพูดของเอเมรี่เองหลังจบเกม

"We are beginning to play with heart - เราเริ่มจะแสดงให้เห็นถึงหัวใจของนักสู้"

คำพูดนี้บอกอะไรกับเรา?

ภาพที่ชัดเจนของอาร์เซน่อลในช่วงหลายปีหลังมานี้คือเป็นทีมที่หลุดง่าย แผ่วง่าย ไร้แรงฮึด พูดให้เห็นภาพอีกนิดก็คือติ๋มไปหน่อย

ความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นในหมู่เดอะกันเนอร์สก็คือเมื่อพวกเขานำนักเตะชุดปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับขุนพลที่แข็งแกร่งทั้งแคแร็คเตอร์และหัวจิตหัวใจอันยิ่งใหญ่ในยุครุ่งเรืองของอาร์แซน เวนเกอร์แล้วมันช่างเห็นความแตกต่าง

จากโทนี่ อดัมส์, มาร์ติน คีโอว์น, ลี ดิ๊กซั่น, ปาทริค วิเอร่า, เอ็มมานูเอล เปอตีต์, เดนนิส เบิร์กแค้มป์, เธียร์รี่ อองรี สู่ คาลั่ม แชมเบอร์ส, ร็อบ โฮลดิ้ง, คีแรน กิ๊บบ์ส, ชาก้า, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, อิโวบี้, เวลเบ็ค, ยาย่า ซาโนโก้ หรือต่อให้เป็นตัวหลักอย่าง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, เบเยริน, นาโช่ มอนเรอัล, แรมซี่ย์, แจ๊ค วิลเชียร์, ธีโอ วัลค็อตต์, โอซิล, อเล็กซิส ซานเชซ, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ความรู้สึกก็ยังไม่เท่าที่เคยภูมิใจกับทีมยุคฟาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยพ่วงสถิติไร้พ่าย

คำว่าภูมิใจในที่นี้ไม่ใช่เฉพาะแนวทางการเล่นที่นำเอาความสุขมาให้และความสำเร็จที่จับต้องได้เท่านั้นหรอกครับ หากมันคือแคแร็คเตอร์อันแข็งแกร่ง เราสัมผัสได้เลยว่าไม่มีใครรังแกอาร์เซน่อลได้ พวกเขาจะกลับมาเป็นผู้ชนะได้เสมอ.. นั่นต่างหากที่ทำให้เดอะกันเนอร์สหัวใจพองโต

และหัวใจของนักสู้อย่างที่เอเมรี่พูดถึงนี่แหละครับที่กำลังเรียกศรัทธาเก่าๆ กลับมาสู่แฟนบอลอีกครั้ง

โอซิลอาจจะอธิบายเกมของทีมปืนใหญ่ในนัดล่าสุดว่า "Sexy Football" แต่ผมยังมองว่าหัวใจสำคัญในเกมของพวกเขาก็คือ Play with heart ของเอเมรี่

และอยากจะใส่คำว่า Brave - กล้าหาญ เพิ่มลงไปด้วย.. ไม่มี Heart ไร้ความ Brave รับรองได้ว่า Sexy Football ไม่เกิด

แคแร็คเตอร์เก่าๆ ของอาร์เซน่อลเริ่มถูกปัดฝุ่นกลับมาใหม่อีกครั้ง มันหายไปนานจนแฟนบอลลืมความคิดถึงไปแล้ว

ความรู้สึกที่ว่าเหมือนกับอยู่ไปวันๆ เอาตัวรอดไปในแต่ละเกมและทำอันดับติดท็อปโฟร์ให้ได้ก็พอใจกำลังจะหมดไป

วันนี้ความภาคภูมิที่ซ่อนอยู่ถูกปลุกขึ้นมาด้วยผลงานที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น และทีมก็อยู่ในมือของคนที่พวกเขารู้สึกว่าสามารถมอบความไว้ใจให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

คนที่นำเอาความสดชื่นใหม่ๆ เข้ามา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นโค้ชรุ่นใหม่ ยังหนุ่มแน่น เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

คนที่มองอีกมุมด้วยการยัดปลอกแขนกัปตันทีมให้ เมซุต โอซิล เป็นครั้งแรก มันไม่เพียงแค่ปลอกแขนกัปตันเท่านั้นหากมันนำเอาความเชื่อใจใส่ลงไปให้ด้วยว่า เอ็งทำได้ เอ็งมีดีกว่าการถูกกันให้อยู่ห่างจากแรงกดดันในฐานะผู้นำทีม และหลังจากเรื่องราวอันวุ่นวายทั้งหลาย จงลงสนามไปทำให้คนที่ด่าเอ็งเห็นว่าแค่พรสวรรค์มันเรื่องจิ๊บๆ เมซุต โอซิล มีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ

ครับ.. ลูกจ่ายของโอซิลลูกนั้นยังติดตาอยู่เลย.. มันคือคิลเลอร์พาสที่ฆ่าเลสเตอร์ ซิตี้โดยแท้

“We’ve got our Arsenal back”

ไม่น่าแปลกใจที่แฟนบอลในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จะตะโกนกึกก้องอย่างนั้น มันเป็นความชื่นมื่น ไม่รู้ว่าจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกจากรูปเกมที่ได้เห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย

ผู้จัดการทีมรุ่นใหม่ นักเตะกล้าเล่น ใส่หัวใจเกินร้อย นี่คืออาร์เซน่อลในเวลานี้ เอเมรี่บอลทำให้ทีมปืนใหญ่มีชีวิตชีวาขึ้นมาจริงๆ

เคดิต.ตังกุย

#2
convoy

Posted 24 October 2018 - 01:40 PM

convoy

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,997 posts

ขอขอบคุณ คุณTony เป็นข้อเขียนที่ให้ความรู้สึกปลื้มปริ่มอิ่มเอม ที่สำคัญ เราสามารถยกย่องคนหนึ่งได้โดยไม่ต้องเหยียบย่ำอีกคนหนึ่ง งดงามจริงๆครับ!



#3
Karnation09

Posted 24 October 2018 - 02:26 PM

Karnation09

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 427 posts
  • Locationลาดกระบัง

น้ำตาไหล  โหยหา มานานความรู้สึกแบบนี้  โดยเฉพาะทีมเราที่ไม่ได้มีเงินมากนัก  มีความสุขจริงๆ ขอบคุณบทความดีๆ จากแอดมินโทนี 



#4
Tony Adams

Posted 24 October 2018 - 06:08 PM

Tony Adams

    MR.ARSENAL

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,906 posts
  • Locationkrungteb

ขอขอบคุณ คุณTony เป็นข้อเขียนที่ให้ความรู้สึกปลื้มปริ่มอิ่มเอม ที่สำคัญ เราสามารถยกย่องคนหนึ่งได้โดยไม่ต้องเหยียบย่ำอีกคนหนึ่ง งดงามจริงๆครับ!

ใช่คับ การจะยกย่องคนๆหนึ่งไม่ต้องเหยียบย่ำคนๆหนึ่งก็ได้
เวงเกอร์เป็นอดีตที่สวยงามและไม่สวยงาม อดีตของคนทุกคนไม่มีทุกอย่างสวยงามทั้งหมดหรอก มันก็มีทั้งดีทั้งไม่ดีทั้งนั้นละคับ เรามาอยู่กับปัจจุบันแล้วก้าวไปพร้อมกันดีกว่า เอาอดีตไว้ข้างหลัง แล้วเริมใหม่ ชีวิตเราก็เหมือนกันคับ

#5
Tony Adams

Posted 24 October 2018 - 06:12 PM

Tony Adams

    MR.ARSENAL

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,906 posts
  • Locationkrungteb

น้ำตาไหล โหยหา มานานความรู้สึกแบบนี้ โดยเฉพาะทีมเราที่ไม่ได้มีเงินมากนัก มีความสุขจริงๆ ขอบคุณบทความดีๆ จากแอดมินโทนี

ขอบคุณที่สละเวลาของท่านมาอ่านด้วยคับ ไม่ได้ตั้งกระทู้นานแล้ว ตามอ่านอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ตามสไตล์คนแก่
เอเมรีก็มาปลุกไฟกองเชียร์แก่ๆ
แบบผมเช่นกันคับไม่ใช่แค่นักเตะ lol

#6
ARS_TUV

Posted 25 October 2018 - 01:14 AM

ARS_TUV

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 250 posts
ตังกุยนี่ssช่ะ​ เห็นบทความแล้วคิดถึงศาทนันท์
ทีมเราหลังหลุดท็อปโฟร์​บทความก้อน้อยลง
ทั้งๆความจริงยี่สิบกว่าปีมีถ้วยน้อยกว่าแค่ผีแดงนะครับ

#7
I AM FREE

Posted 25 October 2018 - 06:39 AM

I AM FREE

    I AM ZER∅ III

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,744 posts
+1 นี่คือบทความปืนที่อ่านแล้วfeelgoodแห่งปี!!!

#8
Masairo

Posted 25 October 2018 - 09:12 AM

Masairo

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 429 posts

ตังกุยนี่แฟนสเปอร์สใช่ป่ะครับ เขียนดีราวกับเป็นแฟนอาร์เซนอล



#9
nongasn

Posted 25 October 2018 - 04:27 PM

nongasn

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 397 posts

ชอบเอเมรี่ที่สามารถดึงความสามารถของนักเตะเดิมๆ ที่ดูจะหมดอนาคตขึ้นมาแบบทันตาเห็น มีพัฒนาการขึ้นในแต่ละเกมส์

และก็ยังแอบเสียดายแจ็ควิลเชียร์ที่ตัดสินใจลาทีมไปก่อน เพราะคำว่าไม่การันตีตัวจริง

ในตอนนี้ทีมเราก็ไม่มีตำแหน่งการันตรีตัวจริงที่แน่นอนถึงแม้คุณจะเป็นสตาร์

เพราะแผนที่ปรับเปลี่ยนไปในทุกๆเกมส์ ปีนี้ถึงไม่ได้แชป์ก็ดูบอลสนุกขึ้นในทุกนัดครับ



#10
arseroj

Posted 26 October 2018 - 09:01 AM

arseroj

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 254 posts

พูดได้ประโยคเดียว "อาร์เซน่อลกูกลับมาแล้ว" แต่จะแชมป์ไม่แชมป์ค่อยว่ากัน ตอนนี้มีความสุขเหมือนช่วง 10 ปี แรกที่ท่านเวงเกอร์ทำไว้ให้ก็พอละ 






1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users