อาร์เซน่อล ชนะ 9 นัดติดต่อกันในทุกรายการ เป็นสถิติที่ดี่สุดในรอบเกือบสามปีของสโมสร ทางเดลี่ เทเรกราฟ (Telegraph) ได้ทำการสรุปเบื้องหลัง และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ อูไน เอเมรี เข้ามาทำงานแทน อาร์แซน เวนเกอร์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ:
อูไน เอเมรี ให้ความสำคัญกับทุกๆ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จะสามารถช่วยให้ทีมดีขึ้นได้ เมื่อสัปดาห์ก่อน เกมส์ที่ไปเยือนคาราบัค ที่อาเซอร์ไบจาน เอเมรี เชื่อว่าอาร์เซน่อลจะได้ประโยชน์มากกว่าหากได้ไปซ้อมที่สนาม บากู โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในวันก่อนแข่ง มากกว่าที่จะซ้อมอยู่ที่ลอนดอน โคลนี่ย์ แบบในสมัยก่อน
นอกจากนี้อาร์เซน่อลยังได้ลงซ้อมที่สนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ในวันก่อนแข่งด้วยเช่นกัน อเล็กซ์ อิโวบี้ พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า: "มันเป็นเรื่องดีสำหรับเราที่ได้มาซ้อมในสนามที่จะใช้แข่ง ดังนั้นมันจะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนรูปแบบการฝึกซ้อม ให้เหมาะกับสภาพสนาม"
"มันเยี่ยมมากที่ได้มากซ้อมที่สนามในวันนี้ และมันช่วยให้เราสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับเกมส์ได้"
หลังจบเกมส์แทนที่พวกเขาจะค้างคืนอยู่ที่บากู แต่ทีมตัดสินใจเดินทางกลับลอนดอนทันทีในช่วงค่ำ และเอเมรีให้นักเตะได้พัก 1 วันในวันศุกร์ ถือเป็นการวางแผน และเตรียมตัวที่ดี เกมส์กับฟูแล่ม นักเตะของอาร์เซน่อลไม่ได้แสดงให้เห็นถึงอาการอ่อนล้าจากการเดินทางให้เห็นเลย
นอกจากนี้ เอเมรี ยังทำการบ้านเกี่ยวกับคู่แข่งที่พวกเขาเจอมาเป็นอย่างดี อย่างในการให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์ที่เขาพูดถึงคาราบัค เขารู้จักคู่แข่งทีมนี้เป็นอย่างดี ตรงกันข้ามกับเวนเกอร์ อย่างในเกมส์กับ ออสเตอร์ซุนด์ ในยูโรป้าลีกเมื่อปีก่อน เวนเกอร์ไม่ทราบเกี่ยวกับคู่แข่งจากสวีเดนทีมนี้เลย นั่นอาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างกุนซือรุ่นใหม่ กับกุนซือรุ่นเก่า
แท็กติกที่มีความยืดหยุ่น:
ในเกมส์ที่อาร์เซน่อล พบกับคาราบัค และฟูแล่ม เอเมรี ใช้รูปแบบการเล่นที่แตกต่างกัน 3 ระบบ มากพอๆ กับที่อาร์แซน เวนเกอร์ ใช้มาตลอดปี 2006 ถึง 2016 คืนวันพฤหัสบดี เขาใช้ระบบแผงหลังสาม ในครึ่งแรก ก่อนที่จะกลับมาใช้แผงแบ็คโฟร์ในครึ่งหลัง ส่วนในเกมส์กับฟูแล่ม เป็นครั้งแรกที่เขาลองใช้ระบบ 4-4-2 ที่ไม่ได้เห็นอาร์เซน่อลใช้ระบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว
เขากล่าวหลังเกมส์ว่า: "มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่เราพยายามทำสิ่งใหม่ บางครั้งเกมส์แบบนี้คุณก็จำเป็นต้องลองแท็กติกใหม่เพื่อชนะ หรือเล่นให้ดีขึ้น มันเป็นงานของผู้จัดการทีม ที่จะต้องเรียนรู้ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างในเกมส์"
บ่อยครั้งที่เอเมรี ที่เราได้เห็นเขาเปลี่ยนตัวแก้เกมส์ตั้งแต่ช่วงพักครึ่งเวลาแรก ซึ่งมันให้ผลในทางที่ดีเสมอ 6 เกมส์ที่พวกเขาชนะในลีกฤดูกาลนี้ พวกเขาจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ที่เสมอกับคู่แข่ง
สมดุลของทีมที่มีมากขึ้น:
ซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ทุ่มเงินไป 26 ล้านปอนด์ ในการคว้าตัว ลูคัส ตอร์เรยร่า มาจากซามพ์โดเรีย เขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ที่เป็นปัญหาของอาร์เซน่อลมาตลอดหลายปี แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล
ก่อนหน้านี้ เวนเกอร์ ดันทุรังในการใช้ กรานิต ชาก้า เป็นกองกลางตัวรับมาตลอด แต่ชาก้าเป็นคนที่ออกบอลดี แต่ไม่ใช่นักเตะที่จะไปไล่ทำลายเกมส์ของคู่แข่งได้ ทำให้เกมส์รับของอาร์เซน่อล เสียประตูเยอะมากเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
หลังจากที่ตอร์เรยร่า ปรับตัวได้ และมีชื่อเป็นตัวจริงในเกมส์ลีก 3 นัดอาร์เซน่อล เสียไปเพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น และการมีตอร์เรยร่า ก็ช่วยให้ชาก้า ได้ขยับมาเล่นในตำแหน่งที่เหมาะกับความสามารถของตัวเองมากกว่าเดิม ดังนั้นเราจะเห็นอาร์เซน่อลมีสมดุลของทีมที่มากขึ้นกว่าเดิม
ยกระดับการโค้ชนักเตะ:
มีคำกล่าวจากอดีตนักเตะพูดว่า อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นผู้จัดการทีมที่เป็นยอดนักวางระบบ แต่ไม่ใช่ผู้จัดการทีมที่โค้ชนักเตะเก่ง
แต่ตอนนี้ เอเมรี เข้ามาช่วยนักเตะในมุมของการโค้ช ให้คำแนะนำนักเตะ ยกตัวอย่างได้ดีที่สุดก็คือ อเล็กซ์ อิโวบี้ ที่กลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง เหมือนฟอร์มเมื่อฤดูกาล 2015/16 ตอนที่เขาแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่
อิโวบี้เปิดเผยว่า: "บอสบอกกับผมว่า ถ้าบางอย่างมันไม่เวิร์ก ก็พยายามต่อไป อย่าก้มหัวยอมแพ้ เขาบอกกับผมว่าถ้าหยุดมันยิ่งจะเลวร้าย ตั้งหน้าตั้งตาทำมันต่อไป ไม่ต้องสนว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
"ทีมกำลังสนุกกับสไตล์ใหม่ และสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในการฝึกซ้อม ไม่เพียงแค่ผมที่กำลังสนุกกับการได้เล่นอย่างอิสระ แต่มันรวมถึงเพื่อนร่วมทีมทุกคนด้วย"
เอคตอร์ เบเยริน เป็นอีกคนที่ฟอร์มตกลงไปในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เขาถูกจับไปซ้อมหนักมากขึ้น และเห็นได้ชัดว่าการเปิดบอลสุดท้ายที่เป็นปัญหาของเขามันดีขึ้น พรีเมียร์ลีกผ่านไปแค่ 8 นัด แต่เขาแอสซิทได้เท่ากับที่ทำได้เมื่อปีก่อนแล้ว
เอมิล สมิธ โรว์ เจ้าหนูดาวรุ่งวัย 18 ปี ก็ให้สัมภาษณ์ซ่า: "เขา (เอเมรี) ช่วยผมเยอะมาก เพราะเขาพูดกับผมตลอดเวลาในช่วงหลังการฝึกซ้อม เช่นเดียวกับทีม เขาคุยกับเราเยอะมาก มีการประชุมบ่อยครั้งหลังจากการซ้อม หรือแม้กระทั่งก่อนเกมส์"
นักเตะทุกคนเท่าเทียมกันหมด:
ส่วนหนึ่งที่อาร์เซน่อลล้มเหลวเมื่อฤดูกาล และจุดเริ่มต้นของยุคเวนเกอร์ ก็เริ่มต้นมาจากปัญหาของ อเล็กซิส ซานเซซ ที่กระสันอยากย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่สุดท้ายการย้ายทีมในวันเดดไลน์ไม่เกิดขึ้น
แต่ไม่นานอเล็กซิส ก็ได้กลับมามีชื่อเป็นตัวจริง ภายใต้ข้อถกเถียงว่าเขายังมีใจเล่นให้กับทีมอยู่หรือไม่ สามารถเรียกได้ว่านักเตะระดับสตาร์ จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อเล็กซิส, โอซิล, แรมซี่ย์ และชาก้า เป็นนักเตะที่แทบไม่เคยถูกเปลี่ยนตัวออก แม้ว่าพวกเขาจะมีเกมส์ที่แย่ขนาดไหน
แต่อาร์เซน่อลในตอนนี้ไม่มีสตาร์คนไหนที่จะลอยตัวเหนือทุกคน ทุกคนสามารถถูกเปลี่ยนตัวออกได้เสมอ หากผลงานไม่เข้าตา ชาก้า เคยถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ช่วงพักครึ่งเวลาแรก โอบาเมยอง และโอซิล ก็เคยถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง
อีกหนึ่งความแตกต่างจากเวนเกอร์ก็คือ ในการไปเล่นยูโรป้าลีกปีก่อน เวนเกอร์มีการแบ่งทีมเป็นทีม A และทีม B ทีม A จะเล่นในเกมส์ลีก ส่วนทีม B จะเล่นในเกมส์ยูโรป้าลีก น้อยมากที่ทีม B จะไปสอดแทรกเป็นตัวจริงในทีม A
ในยุคของเอเมรี เข้าพร้อมให้โอกาสกับนักเตะทุกคนที่พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าทำผลงานได้ดี ยกตัวอย่างเกมส์ล่าสุด แดนนี่ เวลเบ็ค กับอเล็กซ์ อิโวบี้ เล่นได้ดีในเกมส์ยูโรป้าลีก พวกเขาเบียด แรมซี่ย์ กับโอบาเมยอง เป็นตัวจริงในเกมส์กับฟูแล่ม ทั้งที่สองคนได้พักมาในเกมส์กลางสัปดาห์
ดังนั้นการแข่งขันแย่งตำแหน่งในทีมเปิดกว้างมากกว่าที่เคย บรรดาตัวสำรองก็จะต้องเร่งผลงานให้ดีที่สุด เมื่อโอกาสของตัวเองมาถึง เหล่าบรรดาสตาร์ดัง ก็ไม่ได้การันตีตำแหน่งตัวจริงแบบ 100%
แม้ว่าอาร์เซน่อล จะทำผลงานในช่วงทีผ่านมาได้ดี แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังตั้งข้อสงสัยในทีมๆ นี้ อาร์เซน่อลชนะแต่ไม่ใช่ชัยชนะที่สวยงาม เมื่อเทียบสถิติที่คู่แข่งมีโอกาสยิงประตูพวกเขา อาจจะพูดได้ว่าที่ผ่านมาพวกเขามีดวงด้วย
หรือเสียงครหาว่า พวกเขาถนัดแค่ตบเด็ก อย่างการบุกชนะ คาร์ดิฟฟ์ นิวคาสเซิ่ล และฟูแล่ม แต่อย่าลืมว่าเมื่อปีที่แล้ว อาร์เซน่อล บุกไปแพ้นิวคาสเซิ่ล อีกทั้งในการไปเยือนสามทีมที่ตกชั้นเมื่อปีก่อน อาร์เซน่อลเก็บได้แค่แต้มเดียว
มาถึงตอนนี้อาร์เซน่อล ชนะเกมส์เยือนไปแล้ว 3 นัด ขออีกนัดเดียวก็จะมีสถิติชนะเท่ากับปีก่อน อย่างไรก็ตามเราจะได้เห็นอาร์เซน่อลของอูไน เอเมรี อย่างชัดเจนที่สุด เมื่อถึงเดือนธันวาคม พวกเขาต้องเจอกับ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แบบต่อเนื่อง
ถ้าหากเอเมรี และอาร์เซน่อล สามารถผ่านบททดสอบตรงนั้นไปได้ เราจะได้รู้กันว่าฤดูกาลนี้พวกเขาหวังแค่ท็อปโฟร์ หรือหาญกล้าจะไปท้าลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว