Jump to content






Photo

[Tactic Analysis] อาร์เตต้าจะเปลี่ยน "ฮาแวร์ตซ์" จาก False 9 ที่เชลชีเป็นเบอร์ 8 ฝั่งซ้ายที่ปืน


  • Please log in to reply

#1
Admin

Posted 22 June 2023 - 01:55 PM

Admin

    Administrator

  • Administrators
  • 10,472 posts
  • LocationBangkok

Havertz-Arsenal-Chelsea-transfer-scaled.

 

 

อาร์เซน่อล เชื่อว่าพวกเขาหาตัวแทนของ กรานิต ชาคา ได้แล้ว และนักเตะคนดังกล่าวใช้เวลาส่วนใหญ่กับการค้าแข้งที่เชลชีในฐานะผู้เล่นหมายเลข 9

 

ไค ฮาแวร์ตซ์ กำลังจะย้ายจากตะวันออกของลอนดอน มาที่ลอนดอนเหนือ ด้วยข้อตกลงมูลค่า 65 ล้านปอนด์ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาเบื้องต้นที่เชลชี จ่ายเพื่อซื้อเขามาจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เมื่อสามปีที่แล้ว ข้อตกลงเหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย ท็อด โบห์ลี เจ้าของร่วมของเชลชี แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการให้ ฮาแวร์ตซ์ ต่อสัญญาฉบับใหม่ โดยได้เงินเดือนที่ต่ำกว่าเดิม แต่เพิ่มเรื่องโบนัสที่มากขึ้น หรือไม่ก็พิจารณาขายเขาให้ทันก่อนวันที่ 30 มิถุนายน เพื่อให้ค่าตัวของฮาแวร์ตซ์ สามารถรวมอยู่ในบัญชีของเชลชี ประจำฤดูกาล 2022/23 เพื่อชดเชยจากการทุ่มเงินไปมากกว่า 600 ล้านในปีแรกของกลุ่มเจ้าของใหม่

 

เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค สองยอดทีมแห่งยุโรปต่างแสดงความสนใจในตัวฮาแวร์ตซ์ แต่ทั้งคู่ไม่พร้อมที่จะทุ่มเงินตามมูลค่าที่เชลชีตั้งเอาไว้ ท้ายที่สุดเป็นอาร์เซน่อลที่ยอมจ่าย โดยเชื่อมั่นว่า ฮาแวร์ตซ์ จะลงตัวกับระบบการเล่นของมิเกล อาร์เตต้า

 

กุนซือหนุ่มชาวสเปน ได้รับการชื่นชอบอย่างมากในแง่ของสไตล์การเล่น และการฝึกสอนผู้เล่นแบบรายบุคคล และมีความเชื่อว่า ฮาแวร์ตซ์ จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่กับระบบการเล่นที่เน้นการครอบครองบอลของอาร์เซน่อล และพวกเขาก็มีโครสร้างทีมที่แข็งแรง รวมถึงความกระตือรือร้นที่จะขึ้นไปท้าทายแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนซิตี้อีกครั้งให้ได้

 

ด้วยวิสัยทัศน์ของอาร์เตต้า ฮาแวร์ตซ์ จะถูกวางให้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 8 ฝั่งซ้าย ที่มีอิสระในการเชื่อมเกมส์ และเข้าโจมตีในพื้นที่สุดท้าย ด้วยการสอดทะลุจากแดนกลางขึ้นมา ขณะที่มี โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้ ที่จะขยับจากแบ็คซ้าย มาเล่นตรงกลางด้านหลังเขาแทน

 

นั่นไม่ใช่บทบาทที่แปลกใหม่สำหรับฮาแวร์ตซ์ เพียงแค่ตอนที่อยู่กับเชลชี หลังจาก โธมัส ทูเคิ่ล หมดความเชื่อมั่นในตัว ติโม แวร์เนอร์ และโรเมลู ลูกากู ในปี 2022 ฮาแวร์ตซ์ก็กลายเป็นผู้เล่นในตำแหน่งหมายเลข 9 มาโดยตลอด

 

การที่ตอ้งเจอกับเซนเตอร์แบ็คที่มีรูปร่างสูงใหญ่ และต้องใช้พลังกำลังในการปะทะทุกๆ สัปดาห์ และส่วนใหญ่จะเป็นการรับบอลโดยหันหลังให้กับประตู มากกว่าที่จะเป็นการวิ่งสอดจากแนวลึกขึ้นมา แบบในสมัยที่เขาสร้างขื่อขึ้นมาที่เลเวอร์คูเซ่น 

 

ภาพกราฟิก ด้านล่างจะเน้นย้ำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการเล่นของเขา นับตั้งแต่ที่ย้ายจากเยอรมันมาในเดือนกันยายน 2020 รูปแรกจะเป็นรายละเอียดตำแหน่งการเล่นของเขา ตลอด 4 ปีที่อยู่กับเลเวอร์คูเซ่น 

 

 

kai_havertz_positions_career_leverkusen.
 

 

 

และนี่คือข้อมูลของเขากับการเล่นในพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา มันแสดงให้เห็นว่าที่เชลชี เขาถูกขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้ามากถึง 63% และได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก 23% ส่วนที่เลเวอร์คูเซ่น เขาใช้เวลาตรงพื้นที่ตรงกลาง กับริมเส้นฝั่งขวา ค่อนข้างเยอะ มีแค่ 17% ที่เขาขยับขึ้นไปยืนในตำแหน่งกองหน้า

 

  
kai_havertz_positions_career.png
 

 

 

ในเวลาเดียวกัน ความอันตรายและความเด็ดขาดของเขาก็ลดลงไปในฤดูกาลล่าสุด ไม่มีผู้เล่นคนใดในพรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูได้ต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับจำนวนประตูคาดหมาย (xG) ในฤดูกาล 2022/23 ฮาแวร์ตซ์ ยิงได้ 6 ประตู ขณะที่ค่า xG ของเขาอยู่ที่ 10.8 ติดลบ 4.8 แต่ในช่วง 2 ฤดูกาลสุดท้ายกับเลเวอร์คูเซ่น เขามีสถิติทำประตูได้มากกว่าค่า xG  

 
Havertz_vs_xG.png
 

 

ในโอกาสที่หาได้ยากที่เราจะได้เห็น ฮาแวร์ตซ์ ในสีเสื้อของเชลชี ที่เราได้เห็นเขาขยับมาทำเกมส์รุกตรงกลาง ซึ่งคือหนึ่งในเกมส์ที่เขามีผลงานดีที่สุดในฤดูกาล คือเกมส์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกสองกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อเขาเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ในระบบ 3-4-3 โดยยืนอยู่ด้านหลังของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

 

นั่นคือตำแหน่งและบทบาท ที่เขาสร้างชื่อกับเลเวอร์คูเซ่น ในช่วงท้ายฤดูกาล 2018/19 ภายใต้การคุมทีมของปีเตอร์ บอสซ์ ฮาแวร์ตซ์ ยิงไป 7 ประตูจาก 7 เกมส์สุดท้ายของฤดูกาล ช่วยทีมให้ทีมจบในอันดับท็อปโฟร์ และปีนั้น เขาจบในตำแหน่งดาวซัลโวของทีม (17 ประตู) ในจำนวนนั้นมีเพียงแค่ 2 ประตูที่เป็นการยิงในกรอบ 6 หลา

 

 
Chelsea-343-1.png
 

 

kai_havertz_2018-19_all_shots.png
 

 

ระหว่างคุมทีมในช่วงเวลา 19 เดือนของ โธมัส ทูเคิ่ล เขานิยามฮาแวร์ตซ์เอาไว้ว่า เป็นผู้เล่นที่มีเอกลักษณ์ และมีความไฮบริด ระหว่างผู้เล่นหมายเลข 9 และ 10 เขาเป็นคนที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี เขามีจังหวะเวลาในการเข้าถึงเขตโทษที่ยอดเยี่ยม จบสกอร์เฉียบคม มีความนิ่งในกรอบเขตโทษ และรอบๆ กรอบเขตโทษ นั่นคือสิ่งที่ทูเคิ่ลเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 

 

มีเพียงแค่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (349 ครั้ง) เพียงคนเดียวเท่านั้นที่วิ่งแบบไม่มีบอล (off-ball run) เข้าไปสู่กรอบเขตโทษของคู่แข่งมากกว่าฮาแวร์ตซ์ (334 ครั้ง) ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลก่อน และระยะทางในการวิ่งน้อยกว่าเพียงแค่ ซอน เฮืองมิน กองหน้าของสเปอร์ (1,093 ต่อ 1,070 หลา) แต่เขาก็เป็นผู้เล่นที่ถูกจับล้ำมากเป็นอันดับ 2 ของลีก (28 ครั้ง) เป็นรองแค่ เจมี่ วาร์ดี้ ของเลสเตอร์

 

การเคลื่อนที่เหล่านี้ เป็นการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับแก่ทีม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการหาพื้นที่ให้กับตัวเอง หรือการสร้างพื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมทีม ตัวอย่างการวิ่งแบบไม่มีบอลที่ดีที่สุดเมื่อก่อน คือประตูของเขาในเกมส์ชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนมีนาคม เมื่อฮาแวร์ตซ์ วิ่งไปรับลูกชิพของ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ์ ก่อนที่จะยกบอลข้ามหัว แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูของเลสเตอร์ ซิตี้

 

 
 
LCFC-goal-A.png
 
LCFC-goal-B.png
 

 

อีกจังหวะที่มีความใกล้เคียงกัน กับประตูชัยในเกมส์ที่เชลชีชนะนิวคาสเซิ่ล เมื่อจอร์จินโญ่ วางบอลยาวเข้ากรอบเขตโทษ ฮาแวร์ตซ์ วิ่งไปในตำแหน่งที่เป็นจุดอับสายตาของ แดน เบิร์น ก่อนที่จะสะกิดบอลหนีมือ มาร์ติน ดูบราฟก้า เข้าไปตุงตาข่าย

 
 
Newcastle-1.png
 
Newcastle-2.png
 

 

จุดที่น่าสังเกต การวิ่งที่ดีที่สุดของ ฮาแวร์ตซ์ คือการวิ่งขึ้นมาจากแนวลึก ซึ่งนั้นจะช่วยเพิ่มมิติการเล่นในแนว Vertical ให้กับอาร์เซน่อลได้ 
 
 
TB1.png
 
TB2-1.png
  

UCL-final-1.png
 

 

ขณะที่ระบบการเล่นของอาร์เซน่อลในฤดูกาลที่แล้วคือ 4-3-3 แต่ในรูปแบบการขึ้นเกมส์รุกของพวกเขาจะเป็นลักษณะ 3-2-5 โดยมีผู้เล่นแบ็คซ้ายอย่าง ชินเชนโก้ ขยับขึ้นมาเป็นกองกลาง และปล่อยให้ผู้เล่นหมายเลข 8 สองคน มีอิสระในการทำเกมส์บริเวณ Half space ทั้งซ้ายและชวา 

 

 

บทบาทของฮาแวร์ตซ์ ในระบบ 4-3-3 ของอาร์เซน่อล 
 
HAVERTZ.gif
 
 
โดยพื้นฐานแล้ว ด้วยบทบาทนี้จะช่วยฮาแวร์ตซ์ ทำเกมส์จากแนวลึก และในพื้นที่ Half space  พอเขาโดนจับไปเล่นเป็นหมายเลข 9 ทำให้ความสร้างสรรค์ของฮาแวร์ตซ์ถูกมองข้ามไป ถ้าดูสถิติ ฮาแวร์ตซ์ เป็นผู้เล่นที่สร้างโอกาสทำประตูจากโอเพ่นเพลย์ได้มากที่สุดในทีมเชลชีเมื่อฤดูกาลก่อน (54 ครั้ง)

 

 
 
Pass-1.png
 

 

เราสามารถจิตนาการได้ถึงการจบสกอร์ด้วยการวิ่งจากแนวลึกเข้ามาทำประตู เหมือนเช่น 2 ประตูของ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ยิงใส่เชลชีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม และด้วยการที่ฮาแวร์ตซ์ เก่งมากกับการเคลื่อนที่แบบไม่มีบอล นั่นยิ่งจะทำให้เกมส์รุกของอาร์เซน่อลสามารถคุกคามคู่แข่งได้มากกว่าเดิม

เมื่อฤดูกาลก่อน อาร์เตต้า ปรับวิธีการเล่นของ กรานิต ชาคา ให้ขยับขึ้นไปยืนสูงกว่าเดิม แม้ว่าการเล่นเกมส์รุกจะไม่ใช่จุดเด่นของชาคา แต่เขายิงไปได้ถึง 9 ประตู 7 แอสซิท เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของชาคา นับตั้งแต่อยู่กับอาร์เซน่อลมา 7 ฤดูกาล
 

 
MO-cutback-1.png
 
MO-cutback-2.png
 

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโอกาสทำประตูที่ดีที่สุดของ ฮาแวร์ตซ์ ในการเล่นกับเชลชี มาจากการขึ้นเกมส์ทางปีกขวา ไม่ว่าจะเป็นการคลอส การสวนกลับ หรือการจ่ายบอลจากแนวลึกเข้ากรอบเขตโทษ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการว่า โอเดการ์ด กับบูคาโญ ซาก้า ที่จะช่วยกันถวายพาน โอกาสการทำประตูให้กับฮาแวร์ตซ์ 

 
kai.png
 

คำถามที่สำคัญในการเล่นบทบาทหมายเลข 8 ฝั่งซ้ายของฮาแวร์ตซ์ นั่นคือเขาจะทดแทนเรื่องการเล่นเกมส์รับแบบที่กรานิต ชาคา ทำได้หรือไม่ นั่นเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดในตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ตามทูเคิ่ล เคยชื่นชอบเรื่องการ เพลสซิ่งที่ดุดัน ของฮาแวร์ตซ์ นอกจากนี้ การที่ฮาแวร์ตซ์ สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ทำให้เขาสามารถถูกใช้งานในตำแหน่ง False 9 หรือริมเส้นฝั่งขวาได้อีกด้วย 

 

นั่นจะทำให้มิเกล อาร์เตต้า มีขุมกำลังที่สามารถหยิบใช้ได้มากขึ้นกับฤดูกาลหน้า ที่พวกเขาจะได้กลับไปเล่นบทเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ครั้งแรกในรอบ 7 ปี และพวกเขาจะขึ้นไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งหรือไม่ แต่กับตลาดซัมเมอร์ เราได้เห็นความทะเยอะทะยานของสโมสรอาร์เซน่อล ที่พร้อมลงทุนก้อนโต สำหรับการพัฒนาทีมของพวกเขา ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

หลังจากได้ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาแล้ว แฟนบอลของอาร์เซน่อลก็คงกำลังรอ เดแคลน ไรซ์ กองกลางตัวใหม่ และหาการย้ายทีมเกิดขึ้น ไรซ์ จะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอาร์เซน่อลทันที 

 

ส่วนตัว ฮาแวร์ตซ์ เขาจะกอบกู้ชื่อเสียงและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาได้หรือไม่? บทต่อไปของเขาในถิ่นเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม จะเป็นคำตอบเอง.....



#2
Admin

Posted 22 June 2023 - 02:09 PM

Admin

    Administrator

  • Administrators
  • 10,472 posts
  • LocationBangkok

ย้อนดูก่อนตลาดเปิด "เทพเดวิด" เคยบอกว่า เราเล็ง ไรซ์/โคเซโด ในตำแหน่งกลางรับเบอร์ 6 แล้วเราสนใจเบอร์ 8 ไปที่เมาส์/คูดุส มันทำให้คิดได้ว่าการเซ็น ฮาแวร์ตซ์ ไม่ได้จะเอามาเล่น False9 แต่เป็นเบอร์ 8 นี่แหละ ลองคิดเล่นๆ ขนาดชาคา ที่ไม่ถนัดยังยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ ถ้าได้ฮาแวร์ทซ์ที่ Off the ball เทพ เซนต์หาพื้นที่เก่ง มันจะดีกว่าชาคาขนาดไหน

แต่คำถามผมคิดเหมือนบทความที่แปลมาเลยก็คือ ชาคา มันสามารถไปช่วยเกมส์รับได้ด้วย ทำให้หมายเลข 6 ไม่ได้โดดเดี่ยวเกินไป ยังมีคนช่วยแบกเบาภาระ คำถามคือ อาร์เตต้า จะหาสมดุลทีมได้อย่างไร หากจะเล่นคู่เบอร์ 8 ที่เก่งรุกทั้ง โอเดการ์ด-ฮาแวร์ตซ์

แต่ถ้าหาจุดที่สมดุลได้ แล้วมันเวิร์กอย่างที่คิดไว้ มันจะบันเทิงมากๆ หวังว่ามันจะเวิร์ก และคลิกกันนะ 



#3
ช่างกล ปืนโต

Posted 22 June 2023 - 02:20 PM

ช่างกล ปืนโต

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 567 posts

ถ้าตำแหน่งเบอร์8 ที่สูง 190กว่านี่ นึกถึง โทมัสซูเช็ค ของเวสแฮมเลยฮะ แต่สกิลลูกกลางอากาศจะดรอปลงมา แล้วก็เล่นเกมรุกได้ดีกว่า



#4
mr.mc

Posted 23 June 2023 - 09:31 AM

mr.mc

    Mr.Mc

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,395 posts
  • Locationเวียงโกศัยนคร

ย้อนดูก่อนตลาดเปิด "เทพเดวิด" เคยบอกว่า เราเล็ง ไรซ์/โคเซโด ในตำแหน่งกลางรับเบอร์ 6 แล้วเราสนใจเบอร์ 8 ไปที่เมาส์/คูดุส มันทำให้คิดได้ว่าการเซ็น ฮาแวร์ตซ์ ไม่ได้จะเอามาเล่น False9 แต่เป็นเบอร์ 8 นี่แหละ ลองคิดเล่นๆ ขนาดชาคา ที่ไม่ถนัดยังยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ ถ้าได้ฮาแวร์ทซ์ที่ Off the ball เทพ เซนต์หาพื้นที่เก่ง มันจะดีกว่าชาคาขนาดไหน

แต่คำถามผมคิดเหมือนบทความที่แปลมาเลยก็คือ ชาคา มันสามารถไปช่วยเกมส์รับได้ด้วย ทำให้หมายเลข 6 ไม่ได้โดดเดี่ยวเกินไป ยังมีคนช่วยแบกเบาภาระ คำถามคือ อาร์เตต้า จะหาสมดุลทีมได้อย่างไร หากจะเล่นคู่เบอร์ 8 ที่เก่งรุกทั้ง โอเดการ์ด-ฮาแวร์ตซ์

แต่ถ้าหาจุดที่สมดุลได้ แล้วมันเวิร์กอย่างที่คิดไว้ มันจะบันเทิงมากๆ หวังว่ามันจะเวิร์ก และคลิกกันนะ 

ผมเดาว่า ไม่เบนไวท์ ก็ ซินเซนโก้ จะมาอุดกลาง ร่วมกับไรท์(ถ้าได้มา)หรือปาเต(ถ้าไม่ขาย)  เวลาโดนสวนกลับ






0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users