ตลอดช่วงครึ่งเวลาแรก ในเกมส์ที่อาร์เซน่อลเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 3-1 เมื่อวันเสาร์ เราสามารถตีความระบบการเล่นของอาร์เซน่อลได้เป็น 5-0-5 คือ 5 คนเล่นเกมส์รับ อีก 5 คนเล่นเกมส์รุก มิเกล อาร์เตต้า พยายามใช้วิธีนี้มาตลอดนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมอาร์เซน่อล แต่มันไม่เคยลงตัวขนาดนี้
อาร์เซน่อลค้นพบความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างโครงสร้างและความคล่องตัว บทบาทในสนามของนักเตะทุกคนถูกกำหนดและออกแบบมาเป็นอย่างดี ผู้เล่นที่เล่นเกมส์รับ 5 คนจะยืนเกาะกลุ่มกัน โดยมีโอเล็กซานเดอร์ ชินเซนโก้ และเบน ไวท์ เข้ามายืนขนาบข้าง โธมัส ปาร์เตย์ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าคู่เซนเตอร์แบ็ค
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้เล่นตัวรุก นี่คือรูปแบบที่เป็นปกติของอาร์เซน่อล ที่มีแนวรุก 5 คนกระจายอยู่ทั่วสนาม บูคาโญ ซาก้า อยู่ฝั่งขวา มาร์ติน โอเดการ์ด เป็นหมายเลข 10 ที่ยืนเยื้องมาทางขวา มีกาเบรียล เซซุส เป็นกองหน้าตัวเป้า กรานิต ชาคา พุ่งขึ้นมาบริเวณ Half-Space ฝั่งซ้าย ส่วนกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ อยู่ริมเส้นฝั่งซ้าย
นั่นคือรุปแบบที่เราคาดหมายที่จะเห็นจากอาร์เซน่อลได้ แต่มีอีกหนึ่งผู้เล่นที่สำคัญในระบบของอาร์เซน่อล นั่นคือตัวรุกคนที่ 6 นั่นคือ เบนจามิน ไวท์
อันดับแรก เรามีดูกันก่อนเกี่ยวกับการเล่นเกมส์รุก 5 ช่องของอาร์เซน่อล แนวรุกแต่ละคนจะวิ่งอย่างมีความสัมพันธ์กัน ภาพด้านล่างเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเกมส์ เมื่ออาร์เซน่อลตัดบอลเร็วจากการเตะจากประตูของท็อตแน่ม ดังนั้นผู้เล่นตัวรุกไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของตัวเอง มาร์ติเนลลี่อยู่ตรงกลางมากกว่าที่จะเป็นริมเส้นฝั่งซ้าย ซาก้าขยับเข้าในมากกว่าที่จะเป็น เซซุสกำลังจะวิ่งฉีกไปทางขวา เพื่อไปแทนตำแหน่งของซาก้า
จังหวะนี้ซาก้าเลือกจะคลอสไปที่เสาสอง อย่างไรก็ตามแม้ว่าบอลจะไปถึงชาคา แต่เขาไม่สามารถจะหาจังหวะยิงประตูที่ถนัดๆ ได้ แต่อาร์เซน่อลก็ยังมีเป้าหมายอยู่ในกรอบเขตโ?ษ แม้ว่าทั้งมาร์ติเนลลี่ และเซซุส จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของตัวเองก็ตาม
อีกหนึ่งการเคลื่อนที่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับจังหวะก่อนหน้านี้ เมื่อเซซุส วิ่งไปรับบอลที่แทงทะลุมาให้บริเวณเส้นหลัง ก่อนที่เขาจะจ่ายกลับมาให้กับซาก้า และอีกครั้งเมื่อซาก้า ขยับตัวเองไปด้านใน เซซุสก็จะมาอยู่ในตำแหน่งปีกขวาแทน ซาก้าจ่ายกลับมาให้โอเดการ์ด ที่อยู่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่เขาจะวางบอลไปที่เสาไกลให้กับ ชาคา อีกครั้ง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ชาคา พยายามจะเข้าไปลุ้นทำประตูในกรอบเขตโทษ อาร์เซน่อลมีการหมุนเวียนผู้เล่นในแดนหน้าที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด มาดูจังหวะนี้ เซซุส ฉีกตัวเองไปทางปีกซ้าย แล้วเป็นชาคาที่ไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าแทน
เซซุส เต็มใจที่จะถางออกมาเล่นด้านกว้าง ซึ่งกองหน้าคนอื่นอาจจะไม่เต็มใจนักกับการที่ต้องออกมาเล่นริมเส้น แต่พยายามที่จะรักษาพื้นที่ตรงกลางของตัวเองเอาไว้ เซซุสรับบอลที่ฝากมาจากโอเดการ์ด เขาเลี้ยงบอลหลบ เอเมอร์สัน รอยัล และโรเมโร่ สองแนวรับของสเปอร์เข้าไปได้ แต่ยิงไปติดเซฟของยอริส
ประตูขึ้นนำของอาร์เซน่อล มีความน่าสนใจหลายอย่าง
อย่างแรกพวกเขาอยู่ในตำแหน่งของตัวรุก 5 แถวตามปกติ อย่างที่สองคือการลงไปรับต่ำของทางสเปอร์ เปิดพื้นที่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษให้กับอาร์เซน่อล อย่างที่สาม ซาก้าเจอกับตัวประกบสองคน อย่างที่สี่ คือ ไวท์ อยู่ว่างในตำแหน่งที่รอสนับสนุน ก่อนที่ไวท์จะจ่ายต่อให้ ปาร์เตย์ ที่วิ่งมาซัดเปรี้ยงเสียบคานอย่างเด็ดขาด
หากดูในครึ่งเวลาแรก อาร์เซน่อลครองเกมส์เอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้มีจังหวะจะแจ้งในการยิงประตูมากนัก แต่ทางอาร์เตต้า ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบของเขาจากในครึ่งเวลาแรก และ ไวท์ อยู่ในบทบาทใหม่ที่จะมาเปลี่ยนเกมส์
สามนาทีหลังจากเริ่มครึ่งเวลาหลัง โอเดการ์ดจ่ายบอลออกไปให้ซาก้า ไวท์อีกครั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่รอสนับสนุนเหมือนเคย และในครึ่งแรก ซาก้า พบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่โดดเดี่ยว ดังนั้นมันมักจะจบด้วยการจ่ายคืนหลังเข้ามาตรงกลาง
แต่ตอนนี้ ไวท์ วิ่ง Overlapping ขึ้นมาสนับสนุนซาก้าจากด้านนอก มันทำให้อาร์เซน่อล มีตัวรุกคนที่ 6 เข้ามาเพิ่ม ด้วยตรงนี้ทำให้ อีวาน เปริซิซ ต้องถอยต่ำกว่าเดิม เพราะระวังการวิ่งของไวท์ นั่นช่วยเปิดทางให้ซาก้า ตัดเข้าใน แล้วยิงด้วยเท้าซ้าย ลูกยิงของเขาถูกยอริสเซฟไว้ได้ แต่การรับหลุดในจังหวะสอง ทำให้เซซุส ฉกเข้าไปยิงให้กับอาร์เซน่อลนำอีกครั้งเป็น 2-1
นั่นไม่ใช่แค่จังหวะเดียวที่เราได้เห็น 4 นาทีต่อมา โอเดการ์ด จ่ายบอลไปให้กับซาก้า ไวท์ อยู่ห่างไกลจากตำแหน่งที่เขาจะ Overlap ขึ้นมาได้ แต่เขาก็พยายามวิ่งออกไปด้านนอกของซาก้า
แนวรับของสเปอร์เริ่มปั่นป่วน เคลมองต์ ล็องเลย์ ต้องดึงตัวออกจากตำแหน่งเพื่อมาป้องกันซาก้า ขณะที่เปริซิซก็จะวิ่งไปป้องกันจังหวะ Overlap แต่เมื่อซาก้าออกบอลไปให้กับไวท์ เปริซิซไม่สามารถบล็อกลูกเปิดไว้ได้ บอลลอยข้ามหัวเอเมอร์สัน มาที่เซซุส น่าเสียดายที่จังหวะนี้เซซุสโหม่งไม่เต็มศรีษะ บอลเลยหลุดกรอบออกไป
อีกครั้งที่การเล่นของอาร์เซน่อลแบบนี้ ทำให้แนวรับของสเปอร์เปิดพื้นที่ว่าง ในนาทีที่ 65 ซาก้าได้ลากจี้เข้าใส่กองหลังของสเปอร์ ขณะที่ไวท์ก็วิ่งอ้อมมาเพื่อ Overlap แต่จังหวะนี้ ซาก้า หลอกตัดเข้าในมายิง แต่บอลหลุดกรอบออกไป
ส่วนจังหวะประตูที่สาม อาร์เซน่อลไม่จำเป็นต้องใช้ตัวรุกคนที่ 6 เพราะการที่เอเมอร์สันถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ในจังหวะที่ไปย่ำใส่มาร์ติเนลลี่ ขณะที่อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ช้าในการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นในการมาแทนตำแหน่งของเอเมอร์สัน ทำให้เกมส์รับของสเปอร์เหลือแค่ 4 คน และเป็นเรื่องง่ายในการเจาะเอาประตูที่สามของอาร์เซน่อล เพราะพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ 5 ต่อ 4
ปาร์เตย์จ่ายเข้าตรงกลางให้กับมาร์ติเนลลี่ ที่ลากพาโรเมโร่ให้ตามเข้ามาด้วย ก่อนจะวิ่งตัดกับกรานิต ชาคา ที่ทำให้ เอริค ดายเออร์ หลงทาง แล้วเป็นชาคาที่ลากเข้าไปยิงอย่างเฉียบขาด
การแก้เกมส์ของมิเกล อาร์เตต้า ในครึ่งหลังเป็นการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในเกมส์นัดนี้ การที่อาร์เตต้าปรับบทบาทเล็กน้อยให้กับผู้เล่นแบ็คขวา จากเดิมที่รอสนับสนุนอยู่พื้นที่ Half Space เข้ามาใช้วิธีการ Overlap ในการดึงความสนใจผู้เล่นแนวรับของสเปอร์ที่ขวางทาง บูคาโญ ซาก้า และเป็นตัวรุกพิเศษคนที่ 6 ของอาร์เซน่อล