Jordan Campbell (The Athletic)
ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างการเดินทางกลับเมืองแมนเชสเตอร์ มิเกล อาร์เตต้า ได้ลุกขึ้นและพูดคุยกับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เขาได้ยืนยันว่าเวลา 3 ปีครึ่งกับซิตี้ได้จบลงแล้ว
อาร์เตต้า กำลังจะเข้าไปเป็นเฮดโค้ชของอาร์เซน่อล หลังมีการปลด อูไน เอเมรี ออกจากตำแหน่ง และให้เฟรดดี้ ลุงเบิร์ก ทำหน้าที่คุมทีมชั่วคราว แต่ภายหลังที่ถูกแมนซิตี้บุกมาถล่มคาบ้าน 0-3 การเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สองวันหลังจากนั้น อาร์เตต้า จรดปากกาอย่างเป็นทางการกับอาร์เซน่อล
เป็นเวลากว่า 4 ปี 4 เดือน ในการ Rebuild อาร์เซน่อลขึ้นมาใหม่ ตอนนี้อาร์เซน่อลคือทีมนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก และเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก
วันอาทิตย์นี้ มิเกล อาร์เตต้า จะพาอาร์เซน่อลกลับไปเยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งเขาจะต้องเผชิญหน้ากับหลายคนที่เข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี เกมส์นี้ถูกมองว่าจะเป็นหนี่งในจุดชี้ชะตาการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้
ในค่ำคืนที่อ็อกซ์ฟอร์ดปี 2016 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือชายผู้มอบโอกาสการเป็นโค้ชให้แก่อาร์เตต้า หลังจากที่ช่วยรุ่นพี่จากลามาเซียก่อสร้างยุคสมัยอันรุ่งเรืองของแมนซิตี้ ตอนนี้อาร์เตต้า อยากจะเป็นคนที่จบยุคสมัยอันรุ่งเรืองนี้ลง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กวาร์ดิโอล่า ในปีแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016/17 เขาพาซิตี้จบในอันดับ 3 ของตารางคะแนน และจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนลีก ไม่มีแชมป์ใดๆ ติดมือ แล้วมันยังเป็นปีเดียว ที่เขาไร้แชมป์ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นเฮดโค้ชในปี 2008
หลายคนเริ่มสงสัยถึงการปรับตัวของ กวาร์ดิโอล่า กับฟุตบอลอังกฤษ หลังจากประสบความสำเร็จในการคุมบาร์เซโลน่าและบาเยิร์น มิวนิค ปีถัดมา ซิตี้ได้มีการยกเครื่องทีมครั้งใหญ่ ผู้เล่นหลายคนเลยช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพไปแล้ว และไม่สามารถเล่นวิธีของเป๊ปได้
กวาร์ดิโอล่า นำทีมงานจำนวนมากมากับเขาด้วยในซัมเมอร์ปี 2016 หนึ่งในนั้นคือ มิเกล อาร์เตต้า ที่ประกาศแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2015/16 ด้วยวัย 34 ปี เพื่อไปทำงานโค้ชแบบเต็มตัว เขาปฏิเสธโอกาสในการเป็นสต๊าฟของอาร์แซน เวนเกอร์ ที่อาร์เซน่อล และเลือกปทำงานกับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ซิตี้
แหล่งข่าวที่คลุกคลี่กับทีมชุดใหญ่ของแมนซิตี้ ออกมาเปิดเผยว่า ความกระหายในการเรียนรู้ของ มิเกล อาร์เตต้า ไม่ต่างจากทหารลาดตระเวน เขาวนเวียนไปตามแผนกต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยเอติฮัด เพื่อทำความเข้าใจในแต่ละแผนกว่าทำงานอย่างไร และเขาจะอุดช่องโหว่ในด้านความรู้ของตัวเองได้อย่างไร
"ตั้งแต่วันแรก มันหมือนกับเขา (อาร์เตต้า) อยู่ในมหาวิทยาลัย เขาเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความใส่ใจในรายละเอียดไม่เป็นสองรองใคร" เป็นคำกล่าวของอีกหนึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิด ซึ่งสังเกตเห็นพัฒนาของ อาร์เตต้า ในช่วงเวลา 3 ปีครึ่งที่ซิตี้
อาร์เตต้า ยังได้แสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมในเชิงการเมืองภายในทีม ในช่วงสองปีแรกของเขากับซิตี้เป็นการไต่เต้าสู่ตำแหน่งมือขวาคนสำคัญของกวาร์ดิโอล่า เป็นที่ทราบกันดีว่า โดมิแน็ก ตอร์เรนท์ เป็นคนสนิทที่สุดของกวาร์ดิโอล่า ทั้งคู่เริ่มต้นด้วยกันตั้งแต่ตอนที่เขาคุมบาร์เซโลน่าในปี 2008 ความท้าทายคือการไต่เต้าตำแหน่ง โดยไม่ต้องไปเหยียบเท้าใคร
อาร์เตต้า เคารพความสัมพันธ์ระหว่าง กวาร์ดิอล่า และตอร์เรนต์ เป็นอย่างมาก แต่การเติบโตของเขา มันทำให้ถึงเวลาที่ ตอร์เรนต์ จะต้องหลีกทางในการไปคุมทีม นิวยอร์ก ซิตี้ สโมสรในเครือข่ายซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 อาร์เตต้า ได้ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ชหลักคนใหม่ของกวาร์ดิโอล่า
อาร์เตต้า ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้นำในบางโปรเจค นอกเหนือจากบทบาทในแต่ละวันของเขา เขาได้วางกรอบการทำงานของแมวมองส่วนใหญ่สำหรับ ซิตี้ ฟุตบอลกรุ๊ป (CFG) ซึ่งเป็นเอกสาร 80 หน้ากระดาษ พร้อมคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับบทบาทที่แตกต่างภายในโครงสร้างทีมของกวาร์ดิโอล่า และสิ่งที่แมวมองควรมองหาในการระบุตัวเป้าหมาย ที่จะเป็นผู้เล่นที่ตรงกับพิมพ์เขียวของแมนซิตี้
กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องลูกตั้งเตะ ตรงกันข้ามกับทัศนคติของอาร์เตต้า ซึ่งนำไปสู่การสรรหาโค้ชผู้เชี่ยวชาญด้านลูกตั้งเตะในปี 2019 อาร์เตต้าได้ติดต่อกัน นิโกลัส โยเวอร์ ที่ตอนนั้นทำงานอยู่กับเบรนท์ฟอร์ด ในเดอะแชมเปี้ยนชิพ แล้วตอนนี้ โยเวอร์ เป็นหนึ่งในทีมสต๊าฟสำคัญของอาร์เตต้าที่อาร์เซน่อล เวลานั้นอาร์เตต้า ลงทุนบินไปหาโยเวอร์ถึงบ้านแถวหมู่เกาะแบลีแอริกในสเปน เพื่อเรียนรู้ตัวตนของโยเวอร์
ด้วยความประทับใจ เขาแนะนำ โยเวอร์ ให้กับซิตี้ และกวาร์ดิโอล่า มีส่วนร่วมกับการตัดสินใจของสโมสรว่านี่คือจุดที่สโมสรควรลงทุน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีอีกหนึ่งโปรเจคในปี 2017 ที่มีหลายคนเข้ามามีส่วนร่วม แน่นอนว่ามีอาร์เตต้ารวมอยู่ด้วย
ซิตี้ ได้สร้างผลงานชิ้นหนึ่งขึ้นมา โดยเป็นสมมติฐานในการฝึกซ้อมที่มีความเข้มข้น เพื่อจำลองระดับการเล่นที่สูงกว่าเดิม ผู้เล่นจะมีเวลาและพื้นที่น้อยลงจากพื้นที่ภายในกรอบเขตโทษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดการทำประตูมากที่สุดในฟุตบอล พวกเขาคำนวณด้วยเวลาที่แตกต่างกัน และโค้ชของอะคาเดมี่ ได้ออกแบบและคิดค้นวิธีการฝึกซ้อมดังกล่าวขึ้นมา
อาร์เตต้า ได้นำแนวความคิดดังกล่าว มาใช้ในการฝึกซ้อมแบบ Individual หลังเสร็จสิ้นเซซชันปกติของทีม เข้าปรับเพื่อให้การฝึกซ้อมมีความสมจริงมากขึ้น ผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าจะต้องวิ่งแบบเต็มสปีดตั้งแต่จุดออกตัว ก่อนที่จะเข้ามายิงประตูภายในพื้นที่ที่ถูกมาร์กเอาไว้ พร้อมทั้งมีแรงกดดันจากผู้เล่นกองหลัง แล้วกองหน้าจะต้องทำประตูภายในกรอบเขตที่กำหนด หากเกินเวลาจะถือว่าบอลตาย
ผลจากรูปแบบการฝึกซ้อมดังกล่าว เห็นผลแบบทันทีตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2017/18 สะท้อนจากสถิติของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เลรอย ซาเน่ และกาเบรียล เฆซุส
สเตอร์ลิ่ง ยิงเพิ่มเป็น 18 ประตูในฤดูกาลนั้น จากเดิมที่ยิงได้แค่ 7 ประตูในฤดูกาลก่อนหน้า, ซาเน่ จาก 5 เพิ่มเป็น 10 ประตู และเฆซุส จาก 7 เพิ่มเป็น 13 ประตู ความเด็ดขาดในการจบสกอร์ของสเตอร์ลิ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ เขาเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้มากขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า (10.9% เป็น 20.7%)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ที่ฤดูกาลแรกของกวาร์ดิโอล่า จบในอันดับ 3 และมีคะแนนห่างจากทีมแชมป์เชลชี 15 คะแนน ในฤดูกาลที่สอง กวาร์ดิโอล่า พาซิตี้คว้าแชมป์ลีก ด้วยการทำ 100 คะแนน สูงสุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก
มีบทสนทนามากมายในช่วง 2 ฤดูกาลแรก ระหว่างกวาร์ดิโอล่า กับอาร์เตต้า โดยอาร์เตต้า ได้ให้ข้อมูลกับกวาร์ดิโอล่า จากประสบการณ์ 11 ปีของเขาในพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของโค้ชฝ่ายตรงข้าม, ความแคบของบางสนามแข่ง, การออกแบบห้องแต่งตัว หรือสไตล์การตัดสินของกรรมการที่นี่ แต่อาร์เตต้า ไม่ต้องการจำกัดบทบาทของตัวเองเพียงการให้ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ
อาร์เตต้า เป็นคนช่างสงสัย และแตกต่างจากโค้ชส่วนใหญ่ที่รอการให้ข้อมูลจากคนอื่น อาร์เตต้า มักจะไปที่อาคาร ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป เป็นประจำ เพื่อใช้เวลากับแผนกวิเคราะห์ของสโมสร คนที่ทำงานร่วมกับเขา รู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนผู้พิพากษาเมื่อได้รับข้อมูล ตัดสินใจว่าสิ่งใดจะมีคุณค่ามากพอที่จะสร้างความแตกต่าง และมุ่งไปยังจุดๆ นั้น
ด้วยความหมกมุ่นของตัวเขา ในการไปสวมอยู่ในหลายๆ บทบาท ทำให้เขาสามารถพัฒนามุมมองได้แบบ 360 องศา
นั่นคือวิวัฒนาการที่ผู้คนได้เห็นในช่วงเวลา 3 ปีที่ซิตี้ ศักยภาพในการทำงานของอาร์เตต้า มันชัดเจนตั้งแต่แรก แต่เมื่อเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยหลักของกวาร์ดิโอล่า หลายคนรู้สึกว่าเขามีออร่า ของคนที่พร้อมจะก้าวเข้ามาคุมทีมในพรีเมียร์ลีก หรือแม้กระทั่งการคุมแมนซิตี้เองด้วยซ้ำ
"ไม่มีใครคาดคิดว่า เป๊ป จะอยู่กับซิตี้เป็นเวลานาน (กวาร์ดิโอล่าเซ็นสัญญาเบื้องต้น 3 ปีกับซิตี้) ไม่เคยมีการอธิบายเรื่องนี้บน Power Point แต่คุณสามารถสัมผัสได้ว่า ทันทีที่เป๊ปจากไป ชายคนนี้ (อาร์เตต้า) พร้อมที่จะทำหน้าที่แทน คุณสามารถสัมผัสมันได้ว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผน" แหล่งข่าวหนึ่งเปิดเผย
สามองค์ประกอบที่เราสามารถอธิบายถึงตัวของอาร์เตต้าได้ คือ หนึ่งการเรียนรู้แท็กติกจากกวาร์ดิโอล่า, ความคุ้นเคยกับฟุตบอลอังกฤษ ทำให้เขาสามารถผสมผสานสไตล์เข้าด้วยกัน และเขาเข้าใจถึงองค์ประกอบทั้งหมดของสโมสรฟุตบอลชั้นนำว่าควรมีส่วนผสมอย่างไร
เขาได้เรียนรู้ในการจัดการด้านอารมณ์ในทีมที่มีขนาดใหญ่ ผู้เล่นจะต้องรายงานเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวกับฟุตบอล หรือชีวิตในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ผู้เล่นควรที่จะมีการแจ้งให้ทีมสต๊าฟทราบ โดยปกติแล้วอาร์เตต้า ต้องการทราบทุกรายละเอียดเพื่อที่เขาจะได้นำมันมาพิจารณาในความคิดของเขา เขาจะเจาะลงไปลึกอีกระดับในทุกเรื่อง ไม่น่าแปลกใจที่จะมีการประชุมระหว่างเขากับทีมสต๊าฟทั้งหมดทุกเช้า ซึ่งเป็นบางอย่างที่ไม่เกิดขึ้นที่ซิตี้ แต่มันกลายเป็นเรื่องปกติที่อาร์เซน่อลไปแล้ว
นี่ไม่ได้หมายความว่า กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ช่วยของเขา เขามีความร่วมมือกับทีมงาน แต่อาร์เตต้า อาจจะเป็นตัวแทนของความแตกต่างระหว่างรุ่น ระหว่างเป๊ปกับโค้ชรุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการจัดเตรียมข้อมูล
ในฐานะโค้ชอายุน้อย ที่พูดได้หลายภาษา เขาสามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างกวาร์ดิโอล่า กับทั้งผู้เล่นและทีมงานในวงกว้างของซิตี้
ในอีกโลก หากกวาร์ดิโอล่า ออกจากซิตี้ในปี 2019 หรือ 2020 หลังจากคุมทีมในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับตอนที่เขาคุมบาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิค โดยมีอาร์เตต้าจะเข้ามารับไม้ต่อจากเข้า แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เป๊ปเลือกขยายสัญญายาวออกไป และตอนนี้ทั้งคู่กลายเป็นคู่แข่งในการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก
หลายคน ชอบที่จะบอกว่าสไตล์การเล่นของอาร์เตต้า เป็นเพียงแค่สิ่งที่ปรุงแต่งจากสิ่งที่กวาร์ดิโอล่าสอน แต่คนที่รู้จักอาร์เตต้า บอกว่ามันเป็นการมองที่ง่ายเกินไป โดยไม่ได้สนใจการเดินทางที่แท้จริงของเขา และบอกว่ามีความแตกต่างมากมาย และก็มีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน
จริงอยู่ ทั้งคู่มาจากสถาบันลามาเซีย แต่กวาร์ดิโอล่า ได้รับการปลูกฝังที่บาร์ซโลน่ามายาวนาน 18 ปี จนกระทั่งไปเล่นกับเบรชาตอนอายุ 30 ปี ในขณะที่อาร์เตต้า ใช้เวลาแค่ 4 ปีในคาตาลัน ก่อนจะย้ายไปปารีส แซงต์แชร์กแม็ง ตั้งแต่เป็นดาวรุ่ง แล้วไปที่กลาสโกว์ เรนเจอร์ ก่อนที่จะไปใช้เวลา 6 ปีกับเอฟเวอร์ตัน และอีก 5 ปีในลอนดอนเหนือ
ความกล้าหาญที่ออกจากบ้านตั้งแต่ยังเด็ก ย้ายไปอีกสามประเทศ และได้ดื่มดำกับวัฒนธรรมฟุตบอลที่เข้มข้น
คนที่เคยทำงานร่วมกับ อาร์เตต้า ที่ซิตี้ ให้เห็นว่าในขณะที่เขากำลังเรียนรู้องค์ประกอบสำคัญในแนวความคิดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่เขามีความกระตือรือร้น และทำงานหนักเกินกว่าที่จะเพียงแค่เลียนแบบกวาร์ดิโอล่า
"คุณสามารถก็อปปี้เซซชั่นการซ้อมได้ มันไม่ใช่ความลับ มีคนจำนวนมากที่หมกมุ่นอยู่กับวิธีการฝึกซ้อม และตำแหน่งในการวางกรวย แต่เคล็ดลับที่นำไปสู่ความสำเร็จมันลึกกว่านั้น ไม่มีใครที่จะทราบถึงความคิดของเป๊ป และนั่นคือความอัจฉริยะของเขา" คนวงในกล่าว
การเอาชนะแมนซิตี้ที่เอติฮัดในวัอาทิตย์ จะทำให้อาร์เตต้า ก้าวขึ้นไปอีกข้นเพื่อบรรลุภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของเขาจนถึงตอนนี้ และจะเป็นการพาอาร์เซน่อลกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หนแรกในรอบ 20 ปี