ขออนุญาตมองต่างมุม
ไม่เกี่ยวกับสตอรี่หรือมาร์เก็ทติ้งอะไรหรอก ฝีตีนของนักเตะมันขายตัวของมันเอง และผู้ซื้อก็เป็นตัวสำคัญในการปั่นราคาจนทะลุโลก
นักเตะขอให้มันเก่งจริงเถอะ มูลค่ามาเองไม่ต้องไปเสกสรรปั้นแต่งให้เอิกเกริก ฝีตีนมันสร้างเรื่องแหกตากันไม่ได้
เมื่อผู้ซื้อระดับมหาเศรษฐีอยากได้ทุ่มเงินซื้อ และมีทีมมหาเศรษฐีเข้าทุ่มทุนสู้ ราคามันก็พุ่งพรวดพราดไปด้วยประการฉะนี้
เมื่อก่อนต้องเก่งก่อนถึงจะมีราคา แต่ปัจจุบันแค่พอมีแวว ราคาค่าตัวมันก็ไปไกลซะแล้ว หยั่งกรณีเอ็มบัปเป้.....เงินมันเฟ้อขนาดหนัก
หันมามองดูแค้มพ์เบลล์กับลูคัส เรามองว่ามันเก่งแต่คนซื้อมองว่ามันไม่เก่ง แล้วมันจะมีราคาได้ยังไง ข้อพิสูจน์คือ ไม่มีใครยื่นซื้อซักคน
มาเรซบางคนมองเก่ง แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่มีทีมไหนยื่นซื้อเช่นกัน
แม้แต่อเล็กซิสก็เถอะ มีใครยื่นซื้อเป็นทางการเข้ามาบ้าง คำตอบคือ ไม่มี มีแต่ข่าวเพ้อเจ้อไปเรื่อยว่าทีมโน้นทีมนี้สนใจ
สนใจกับอยากได้จนยื่นขอซื้อเนี่ย มันคนละเรื่องกัน ส่วนใหญ่สนใจแต่ไม่อยากได้ถึงขนาดต้องยื่นซื้อ ทำนองนั้น
ข้อเท็จจริงในการซื้อขายปัจจุบันนี้ก็คือ ผู้ซื้อจะยื่นราคาขอซื้อที่ตนเองคิดว่าเหมาะสมให้ผู้ขายพิจารณา
ไม่มีผู้ซื้อรายไหนยื่นซื้อตามราคาที่ผู้ขายอ้าปากโหมประโคมไว้ร้อก มันก็ตั้งกันเว่อวังเรื่อยเปื่อย
จากนั้นก็จะเป็นการต่อรองโดยการเพิ่มเม็ดเงินในการขอซื้อขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จนกระทั่งผู้ขายพอใจในราคายอมตกลงขาย
หรือจนกระทั่งผู้ซื้อไม่อาจหรือไม่อยากเพิ่มเม็ดเงินให้มากกว่านี้ ดีลก็ล้มเลิกไปโดยปริยาย
สรุปง่ายๆ มันอยู่ที่ผู้ซื้อ ถ้าผู้ซื้อมองว่ามันเก่งและผู้ซื้อมีกะตัง ราคานักเตะมันก็สูงปรี๊ดปร๊าดเป็นทำมะดา
แต่ถ้าผู้ซื้อมองว่าฝีตีนมันไม่เอาเหนียง ต่อให้เสริมแต่งขนาดไหนมันก็ขายไม่ออก ก็หยั่งที่เห็นในกรณีลูคัสกับแค้มพ์เบลล์นั่นแหละ
ลูค้ส ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงก็ใช่ แต่ตอนได้ลงก็ดีมั่งไม่ดีมั่ง ที่สำคัญเจ็บง่าย แค่ซ้อมยังเจ็บเลย
แค้มพ์เบลล์ไปอยู่ทีมอื่นก็เป็นแค่ตัวสำรอง ลงมั่งไม่ลงมั่ง เช้าชามเย็นชาม ถ้าเก่งจริงป่านนี้แมวมองทีมใหญ่วิ่งกันฝุ่นตลบไปแร้ว666666