Jump to content






Photo

[Tactic Analysis] "เดแคลน ไรซ์" คุ้มค่ากับเงิน 100 ล้านปอนด์ของอาร์เซน่อลจริงหรือ!?


  • Please log in to reply

#1
Admin

Posted 26 June 2023 - 04:41 PM

Admin

    Administrator

  • Administrators
  • 10,472 posts
  • LocationBangkok

0623_Rice-scaled.jpg
 
แม้ว่า เดแคลน ไรซ์ จะเพิ่งชูถ้วยยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ในกรุงปรากเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่แฟนบอลของเวสต์แฮม ทราบดีว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นกัปตันทีมคนนี้สวมเสื้อของสโมสรลงเล่นอีก กับความสนใจจากสโมสรชั้นนำของยุโรป
 
แต่ตอนนี้อาร์เซน่อล เป็นตัวเต็งที่จะคว้าตัวกองกลางทีมชาติอังกฤษวัย 24 ปีไปร่วมทีม แต่ก็ยังมีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการคว้านักเตะไปร่วมทีมเช่นกัน ส่วนทางบาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองเบียร์ได้ยกธงขาวไปแล้วก่อนหน้านี้  แล้ว ไรซ์ คุ้มค่ากับเงินค่าตัวมหาศาล 100 ล้านปอนด์หรือไม่? แล้วไรซ์เก่งตรงไหน? 
 
 
ลงเล่นได้อย่างต่อเนื่อง:
อันดับแรกก่อนที่จะไปดูว่าเขาเล่นแบบไหน เดแคลน ไรซ์ เป็นผู้เล่นที่สามารถลงเล่นอย่างสม่ำเสมอที่สุดคนหนึ่งในลีก หลังจากที่เขาทะลุขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของเวสต์แฮมในฤดูกาล 2017/18 เขาลงเล่นเป็นตัวจริงไป 15 นัด แล้วเขามีสถิติลงสนามอย่างต่ำ 80% ให้กับทีมตลอด 5 ฤดูกาลหลังสุด รวมถึงการลงเล่นในทุกนาทีของฤดูกาล 2019/20
 
การลงเล่นอย่างน้อย 3,000 นาทีในลีกตลอด 4 ฤดูกาลจาก 5 ฤดูกาลหลังสุด นับเฉพาะผู้เล่น outfield นับตั้งแต่ฤดูกาล 2018/19 มีเพียง เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ (16,274 นาที) ที่ลงเล่นมากกว่าไรซ์ (15,753 นาที) ในพรีเมียร์ลีก
 
 
declan_rice_mins-1.png
 
 
โดดเด่นในการเข้าแท็กเกิ้ลคู่แข่ง
 มันอาจจะดูขัดกับความรู้สึกที่เราจะเริ่มต้นกันด้วย คุณลักษณะของผู้เล่นเวลาที่ไม่ได้ครอบครองบอล แต่นี่เป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของไรซ์ กับบทบาทกองกลาง 
 
เมื่อพิจารณาจากทีมของ เดวิด มอยส์ ที่ไม่ได้มีการเล่นเพลสซิ่งสูงที่ดุดัน เลยไม่ประหลาดใจที่ ไรซ์ จะไม่กระโจนเข้าไปแย่งบอลในจังหวะแรก เขามักจะตรวจตราตำแหน่งตรงกลาง รักษาระเบียบวินัยในการยืนตำแหน่ง จากนั้นเขาจะเข้าสกัดบอลในจังหวะเวลาที่เหมาะสม

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นจากตัวเลขที่ไรซ์ มีสถิติคิดเป็น 4.2 ของการเข้าปะทะแย่งบอลที่แท้จริง ซึ่งหมายถึงการแย่งบอล บวกกับการแย่งบอลที่แพ้ และการทำฟาล์ว ต่อสัมผัสบอล 1,000 ครั้งของคู่แข่ง นั่นทำให้เขาอยู่รั้งในอันดับที่ 62 จากกลุ่มผู้เล่นกองหลังและกองกลาง ที่ลงเล่นมากกว่า 900 นาทีจากเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
 
แต่เมื่อเราดูเฉพาะการเข้าสกัดที่สำเร็จ ไรซ์ อยู่ในอันดับ 1 ด้วยสถิติชนะในการแย่งบอลมากกว่า 70% การดักตัดบอลเขาอยู่ในอันดับ 10 (2.3 ต่อการสัมผัสบอล 1,000 ครั้งของคู่แข่ง) และชนะในการดวลลูกกลางอากาศอยู่ในอันดับ 17 (59%)


declan_rice_defending-1.png
 
 
 
ตัวอย่างที่สามารถสะท้อนให้เราได้เห็น ตามรูปด้านล่าง เวสต์แฮม กำลังป้องกันจังหวะสวนกลับของเบรนท์ฟอร์ด ในสถานการณ์ 3 ต่อ 3 ไรซ์สามารถพุ่งเข้าไปสกัดบอลได้ในจังหวะแรก แต่มันอาจจะเสี่ยงเกินไป หากเขาพลาดจะทำให้ทีมของเขาต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองทันที 
 
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะวิ่งติดตามเอ็มบูโม่ไป ก่อนจะวิ่งบีบให้กองหน้าของเบรท์ฟอร์ดพาบอลเข้าไปด้านใน ซึ่งมีกลุ่มผู้เล่นของเวสต์แฮมคอย Cover อยู่มากกว่า แล้วสุดท้ายเขาตัดสินใจเข้าสกัดในจังหวะที่เหมาะสม 


rice_brentford_1.png
 
rice_brentford_2.png
 
rice_brentford_3.png
 
นั้นอาจจะดูเหมือนเป็นการกระทำที่เรียบง่าย แต่การอ่านเกมส์อย่างชาญฉลาดของไรซ์ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะอะคาเดมี่ เพราะเขาเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คมาโดยตลอด แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า เขาเล่นเพลสซิ่งสูงไม่เป็น แน่นอนว่าหากเขาย้ายไปเล่นกับสโมสรใหญ่ เขาจะต้องถูกผู้จัดการทีมสั่งให้มีส่วนร่วมในการเล่นเพลสซิ่งสูงมากขึ้น

ตัวอย่างการเล่นเพลสซิ่งสูงที่มีความดุดันของไรซ์ เราได้เห็นในเกมส์ที่เวสต์แฮมพบกับอาร์เซน่อล ตั้งแต่นาทีแรกของเกมส์ เขาพุ่งเข้าไปบีบ โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางของอาร์เซน่อลทันที ขณะที่โฮลดิ้งกำลังจะออกบอลมาที่ปาร์เตย์ แต่จังหวะนี้ปาร์เตย์ยังเอาตัวรอดไปได้ ด้วยการออกบอลไปให้กับ เบน ไวท์ ที่อยู่ริมเส้นฝั่งขวา


  
Rice-3.png
 
Rice-4.png
 

 

ช่วงนาทีที่ 30 ของเกมส์ ไรซ์บีบเร็วอีกครั้ง และครั้งนี้ปาร์เตย์โดนเล่นงานจนได้ เมื่อปาร์เตย์รับบอลมาจาก คีแรน เทียร์นี่ย์ แทนที่เขาจะจ่ายง่ายออกไปให้กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แต่เขาเลือกที่จะไปยกบอลข้ามตัวไรซ์ ที่วิ่งเข้ามาบีบเร็วเข้ามา

 
ไรซ์ตัดบอลมาได้ และทำให้ทางเวสต์แฮมได้เปรียบกับสถานการณ์ 3 ต่อ 2 แล้วเขาเลือกจ่ายไปให้กับ ลูค้ส ปาเกต้า ท้ายที่สุดเขาโดนกาเบรียล ทำฟาล์วในเขตโทษ ทำให้เวสต์แฮมได้ประตูตีไข่แตกไล่มา 1-2 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมส์นัดนี้ 

  
Penalty-2.png
 
Penalty-3.png
 
Penalty-4.png

 
ด้วยรูปร่างที่สูง และมีความเป็นนักกีฬาที่สูงล้น ทำให้ไรซ์มีความสามารถที่จะปรับตัวและเล่นในระบบเพลสซิ่งสูงได้อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ได้มีการถูกทดสอบอย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เนื่องจากบทบาทของเขาที่ถูกวางไว้ในทั้งสองทีม
 
เวสต์แฮมเป็นทีมที่เล่นในลักษณะ Mid-to-Low บล็อก เวลาที่ไม่ได้ครอบครองบอล นั่นทำให้เขาไม่ได้ถูกขอให้ขึ้นไปเล่นเพลสซิ่งสูงบ่อยนัก ขณะที่กับทีมชาติอังกฤษ แกเร็ต เซาเกตต์ ก็ให้เขายืนเป็น Achor man อยู่หนัาแผงแบ็คโฟร์ 
 
 
การครอบครองบอล
เรื่องเกมส์ป้องกันเราได้เห็นถึงคุณภาพของเขาไปแล้ว และกับการครอบครองบอลล่ะ? 
 
ในฐานะกัปตันทีม เขาเป็นเสมือนศูนย์กลางของทีม ไม่แปลกที่เขาจะมีสถิติการจ่ายบอล 57.3 ครั้งต่อ 90 นาที มากกว่าผู้เล่นคนอื่นของเวสต์แฮม อย่างไรก็ตามมีจุดที่ถูกวิจารณ์ได้ว่าเขาเล่นบอลแบบปลอดภัยมากเกินไปหรือเปล่า? ดังกราฟโซนาร์ด้านล่าง แสดงให้เห็นถึงทิศทางและระยะทางการจ่ายบอลของเขา ซึ่งมันมีแนวโน้มว่าเขาจะออกบอลไปด้านข้างของสนามมากกว่าที่จะเป็นการจ่ายบอลตรงๆ ขึ้นไปข้างหน้า

 

 
rice_pass_sonar-1.png
 
 

 

อย่างไรมันก็เป็นเรื่องยากที่จะแยกสไตล์การเล่นส่วนตัวของไรซ์ออกมาจากความต้องการของผู้จัดการทีมได้ กับเวสต์แฮม มีค่าเฉลี่ยการจ่ายบอล 90.4 ครั้งต่อการสวิตซ์เพลย์ ที่ถือว่าน้อยที่สุดในลีก ทำให้เราเห็นว่าเวสต์แฮมพยายามที่จะเปลี่ยนบอลจากด้านหนึ่งไปอีกด้านมากแค่ไหน 

 

เราได้เห็นการเล่นแบบสวิตซ์เพลย์ของไรซ์ อย่างในเกมส์กับลิเวอร์พูล เขาชนะในการแย่งบอลแบบ 50:50 ก่อนที่จะสวิตซ์บอลข้ามฝั่งไปให้กับ ซาอิด เบนราห์ม่า ที่อยู่ริมเส้นอีกฝั่ง
  
rice_liv_collage.png
 

 

เจาะลึกลงไปอีกเล็กน้อย มีเพียงแค่ มัทเธอุส นูเนซ และเจา ปาลินญา เท่านั้นที่จะจ่ายบอลน้อยครั้งกว่าต่อการเล่นสวิตซ์เพลย์หนึ่งครั้ง จากบรรดาผู้เล่นกองกลางในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา ที่น่าสนใจคือ ทีมที่เล่นสวิตซ์เพลย์น้อยที่สุดในลีกคืออาร์เซน่อล ทีมตัวเต็งที่จะได้ไรซ์ไปร่วมทีมนั่นเอง
 
หากได้เล่นในทีมที่มีเกมส์รุกดีกว่าเวสต์แฮม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไรซ์ จะต้องถูกร้องขอให้มีการจ่ายบอลไปให้กับเพื่อนร่วมทีมเร็วขึ้น ด้วยการออกบอลระหว่างแนวของคู่แข่ง มากกว่าที่จะเป็นการสวิตซ์เพลย์แบบตอนอยู่กับเวสต์แฮม 

 

จุดแข็งของ ไรซ์ ในการเล่นสวิตซ์บอล อาจจะเป็นอาวุธที่มีประโยชน์สำหรับอาร์เซน่อลได้เช่นกัน เมื่อต้องเจอกับคู่แข่งที่ถอยลงไปรับต่ำ เพื่อบีบพื้นที่ ด้วยการที่ บูคาโญ ซาก้า และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ปีกสองฝั่งของอาร์เซน่อล มีความโดดเด่นอย่างมากในการดวล 1  ต่อ 1 กับทีมชั้นนำต้องเจอกับคู่แข่งลักษณะนี้ ที่มักจะต้องใช้ความอดทนในการหมุนเวียนบอลจากซ้ายไปขวา เพื่อให้โครงสร้างเกมส์รับคู่แข่งแตกออก 

 

 

 
rice_passes_per_switch-1.png
 
 

 

พาบอลขึ้นหน้าเองได้

เนื่องจากเขาไม่ได้แสดงหลักฐานที่สอดคล้องกันเพียงพอ เกี่ยวกับการจ่ายบอลขึ้นหน้าด้วยความเฉียบขาดในสีเสื้อของเวสต์แฮม วิธีการหลักของไรซ์ในการเอาบอลขึ้นหน้า คือการพาบอลขึ้นไปเอง เหมือนกับที่เขาให้สัมภาษณ์ไว้ในฤดูกาล 2021/22 เกี่ยวกับความต้องการของเขา ในการได้รับอิสระมากขึ้นในการสนับสนุนเกมส์รุก และเล่นกับบอลในพื้นที่ที่สูงกว่าเดิม
 
"ผมไม่ได้เป็นเพียงแค่โฮลดิ้งมิดฟิลด์อีกต่อไป ผมมักจะถูกบอกว่าเป็นคนที่ยืนอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์ ตอนนี้ผมอยากเห็นตัวเองเป็นผู้เล่นแบบ Box-to-Box ที่ซึ่งผมสามารถจะขึ้น-ลง และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เพื่อช่วยทีม"

เราได้เห็นแนวโน้มของไรซ์ ที่มีพาบอลขึ้นหน้าเอง ที่ถูกสนับสนุนจากข้อมูลเชิงสถิติ เขาพาบอลขึ้นหน้า 51 ครั้ง นับเป็นสถิติเยอะสุดอันดับ 4 ในบรรดาผู้เล้นในตำแหน่งกองกลาง เป็นรองเพียงแค่ โจ วิลล็อค (63 ครั้ง) มาร์ติน โอเดการ์ด (57 ครั้ง) และโรดรี้ (55 ครั้ง) 
 
บ่อยครั้งที่เราได้เห็นการพาบอลขึ้นหน้าของไรซ์ ในการใช้หนีเพลสซิ่งของคู่แข่ง อย่างในเกมส์พบกับนิวคาสเซิ่ล ไรซ์สลัดการเข้าสกัดของผู้เล่นคู่แข่งในแดนตัวเอง ก่อนที่จะพาบอลทะลุขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษของทางนิวคาสเซิ่ล
rice_collage.png
 
เมื่อเจาะลึกลงไปในเรื่องของระยะทางเฉลี่ยในการพาบอลไปข้างหน้า เปรียบเทียบกับกลุ่มผู้เล่นกองกลางด้วยกัน ไรซ์มีระยะทาง 20.8 เมตรต่อการพาบอลขึ้นหน้าหนึ่งครั้ง ซึ่งเห็นได้ว่าเขาพร้อมที่จะควบตะบึงขึ้นหน้า หากมีโอกาส
 
ตารางเปรียบเทียบการระหว่างส่วนแบ่งการพาบอลขึ้นไปข้างหน้า และการจ่ายบอลไปข้างหน้า สัดส่วนการพาบอลขึ้นหน้าของเขาอยู่ที่ 7% เหนือขึ้นมากว่าค่าเฉลี่ยเพียงเล็กน้อย ขณะที่การออกบอลขึ้นหน้าอยู่เพียงแค่สัดส่วน 5% น้อยกว่าค่าเฉลี่ยน แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มที่เขาจะส่งไปให้เพื่อนที่อยู่ข้างหน้าน้อยลง
 
 
 
rice_opta_prog_play-1.png
 
 
 
ถ้าหากเขาได้รับอนุญาติให้สามารถพาบอลขึ้นหน้าได้มากขึ้น ไรซ์ก็ได้แสดงความสามารถในด้านเกมส์รุกของเขาได้มากขึ้น เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เขาได้สัมผัสบอลในพื้นที่สุดท้ายมากกว่าที่เคย (12.4 ครั้งต่อ 90 นาที) และยิงไป 4 ประตู เขาได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์ชนะลีดส์ ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อเดือนก่อน และเขาทำประตูได้ด้วย

เขากล่าวว่า: "ผมคิดว่าผมได้วิ่งเข้าไปในกรอบหลายครั้งในวันนี้ อาจจะมากที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาเลยก็ได้ ดังนั้นผมต้องการเพิ่มสิ่งนั้นเข้าไปในเกมส์ของตัวเอง"
 
การแสดงคุณสมบัติขึ้นอยู่กับบทบาทที่เขาได้รับจากสโมสรใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเป็น Achor Man ในตำแหน่งหมายเลข 6 หรือจะถูกขยับขึ้นไปเล่น Box-to-Box ในตำแหน่งหมายเลข 8 ซึ่งไรซ์มีคุณสมบัติที่เล่นได้ทั้งสองบทบาท นั่นคือเหตุผลหลักที่ทีมทำไมทีมใหญ่ในลีกจึงพร้อมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดีงเข้าไปร่วมทีม



#2
WatGunner

Posted 26 June 2023 - 06:39 PM

WatGunner

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 971 posts

ถึงจะคิดว่าราคาไรซ์สูงเกินไป แต่พี่ต้าว้อนขนาดนี้ ก็จัดมาโลดครับ ผลงานคงเส้นคงวาตลอดหลายปีที่ผ่านมา กับการเป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยมากๆ ก็พิสูจน์ได้ดีอยู่แล้วว่าจิตใจและความสามารถไม่ธรรมดาแน่นอน

 

ขอบคุณแอดสำหรับบทความนี้ครับ มีข้อมูลที่น่าสนใจมากเลย



#3
Jataz_

Posted 27 June 2023 - 09:47 AM

Jataz_

    Advanced Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 558 posts
คุ้มๆ จัดมาสักที ชูเสื้อไวๆ




0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users