"ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน" แม้กระทั่ง มิเกล อาร์เตต้า ก็ยังประหลาดใจกับผลงานช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลนี้
อาร์เซน่อล รั้งตำแหน่งจ่าฝูงจนถึงวันคริสต์มาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 พวกเขาเก็บได้ 37 คะแนนจาก 42 คะแนน นับเป็นการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ก่อนหน้านี้ทีมที่สามารถเก็บคะแนนได้เท่านี้ จบด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในท้ายที่สุด
แม้แต่นักวิจารณ์ก็ยังไม่สามารถปฏิเสธว่าตอนนี้อาร์เซน่อลเป็นทีมเต็งแชมป์ แต่คำถามที่ทุกคนมีคือ พวกเขาจะยังรักษามาตรฐานที่ยอดเยี่ยมนี้ไว้ได้หรือไม่ หลังฟุตบอลกลับมาแข่งขันอีกครั้ง
เหล่าบรรดานักวิจารณ์ ต่างมองไปที่ประเด็นขุมกำลังเชิงลึกที่แตกต่างระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอาร์เซน่อล ที่แม้ว่าแมนซิตี้จะขาดผู้เล่นไป 2-3 คน แต่พวกเขาสามารถหมุนเวียนผู้เล่นแล้วผลงานก็ออกมาเหมือนเดิม แต่ถ้าอาร์เซน่อลไม่มี กาเบรียล เซซุส หรือโธมัส ปาร์เตย์ พวกเขาจะกลายเป็นอีกทีมที่ไม่เหมือนเดิม
แบบที่พวกเขาเคยขาดขุมกำลังเชิงลึกในช่วงท้ายฤดูกาลก่อน พวกเขาเสีย โธมัส ปาร์เตย์ และคีแรน เทียร์นี่ย์ไป เวลานั้นทำให้อาร์เตต้ามีปัญหาหนักมากกับการจัดทีมเพื่อทดแทน เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือก กรานิต ชาก้า, เซดริก โซอาเรส หรือนูโน ตาวาเรส ในการเข้ามาแทน เทียร์นี่ย์ เช่นเดียวกับแดนกลางที่ อัลเบิร์ต แซมบี้ โลกองก้า ก็ไม่สามารถทดแทนปาร์เตย์ได้ จนสุดท้ายต้องหันมาใช้ โมหาเหม็ด เอลเนนี่ ทั้งหมดทำให้อาร์เซน่อลออกอาการสะดุดและแพ้ 3 เกมส์ติดต่อกันในลีก และพวกเขาพลาดโควต้าแชมเปี้ยนลีกในโค้งสุดท้าย
ฤดูกาลนี้มันชัดเจนมากๆ เกี่ยวกับ 11 ตัวจริงชุดที่ดีที่สุดของ มิเกล อาร์เตต้า พวกเขาใช้ผู้เล่น 11 ตัวจริงชุดเดิมในสามเกมส์แรกของฤดูกาล และสองเกมส์สุดท้ายก่อนเบรกฟุตบอลโลก เมื่อทุกคนฟิตสมบูรณ์ นี่คือทีมที่แกร่งที่สุดในสายตาของอาร์เตต้า และเป็นขุมกำลังที่เขาเชื่อใจมากที่สุด
แต่หากผู้เล่นตัวหลักของพวกเขามีปัญหาบาดเจ็บแบบปีก่อน จะเกิดปัญหาแบบเดียวกับปีก่อนหรือไม่?
ความกังวลสูงสุดคือกองกลาง และปีกขวา
หลังจากฤดูกาลที่แล้วพวกเขาไม่มีโปรแกรมฟุตบอลยุโรปให้เล่น ทำให้พวกเขามีการลดขนาดทีมลงไป แต่ฤดูกาลนี้พวกเขาได้มีการทัพเพิ่มเติมเมื่อช่วงซัมเมอร์ สำหรับ 4 รายการที่ต้องลงแข่งขันในฤดูกาลนี้ แต่เมื่อช่วงซัมเมอร์มีอยู่ 2 ตำแหน่งในแผนที่พวกเขาไม่สามารถเสริมทัพได้สำเร็จ
อาร์เซน่อลพยายามที่จะเสริม ดักกลาส ลุยซ์ กองกลางตัวรับของวิลล่าในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ รวมถึงให้ความสนใจไปที่ เปโดร เนโต้ ปีกขวาของวูลฟ์แฮมตัน ดังนั้นสองตำแหน่งนี้เป็นจุดที่น่ากังวลที่สุดสำหรับอาร์เซน่อล หากปาร์เตย์ และบูคาโญ ซาก้า บาดเจ็บไป
โดยเฉพาะในรายของ ปาร์เตย์ เขาลงเล่นให้อาร์เซน่อลเพียง 58% ในเกมส์พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ย้ายมาจากแอตเลติโก มาดริด ในซัมเมอร์ปี 2020 นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถยืนระยะ รักษาสภาพความฟิตของตัวเองได้ตลอดทั้งฤดูกาล
เวลาที่อาร์เซน่อลมีปาร์เตย์ลงเล่น พวกเขามีสถิติชนะมากถึง 74.3% เทียบกับเวลาที่ไม่อาร์เซน่อลชนะคู่แข่งได้แค่ 47.1% เท่านั้น และพวกเขาเสียประตูให้คู่แข่งเกือบสองเท่า เวลาที่ไม่มีกองกลางทีมชาติกาน่าลงสนาม
เช่นเดียวกับ บูคาโญ ซาก้า ในตำแหน่งปีกขวา ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ปีกทีมชาติอังกฤษวัย 21 ปี ลงเล่นครบ 38 เกมส์ให้กับอาร์เซน่อล เขาแสดงให้เห็นถึงความอ่อนล้าอย่างชัดเจนในช่วงท้ายฤดูกาล โดยเขาไม่มีประตูจากลูกโอเพ่นเพลย์ และทำได้ 2 แอสซิทกับ 10 เกมส์สุดท้ายในลีก
ถ้าหากซาก้ามีปัญหาบาดเจ็บขึ้นระหว่างฤดูกาล ฟาบิโอ วิเอร่า หรือมาควินญอส จะทดแทนได้หรือไม่ รวมถึงริสส์ เนลสัน ด้วยอีกคน อีกทางเลือกคือการขยับ กาเบรียล เซซุส มาเล่น ซึ่งเขาถูกเป๊ป กวาร์ดิโอล่า จับไปเล่นเป็นปีกขวาอยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็จะสูญเสียอิมแพ็คของเซซุส กับบทบาทกองหน้าตัวเป้าไป
ความน่ากังวลรองลงมาคือ กองหน้า, เซนเตอร์ และผู้รักษาประตู
อิมแพ็คที่เซซุส สร้างขึ้นนับตั้งแต่ย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา มันชัดเจนทั้งในและนอกสนาม
นักเตะในทีมอาร์เซน่อลหลายคนได้พูดถึงการนำความคิดแบบผู้ชนะเข้ามาในทีมของ เซซุส และชินเซนโก้ และผลงานของเซซุสใน 14 เกมส์แรกเขายิงไป 5 ประตูกับ 6 แอสซิท แต่ถ้าหากอาร์เซน่อลเกิดไม่มีเซซุส พวกเขาจะเหลือทางเลือกเพียงแค่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ถึงแม้ว่าเอ็ดดี้จะยิงไป 5 ประตูจาก 7 เกมส์สุดท้ายของฤดูกาลก่อน แต่ก็เห็นได้ชัดว่ากองหน้าวัย 23 ปี ไม่สามารถกดดัน หรือขึ้นมาเบียดตำแหน่งกับเซซุสได้เลยในฤดูกาลนี้
เอ็นเคเทียห์ยิงไป 3 ประตูจาก 7 เกมส์ที่ลงเล่นในฟุตบอลถ้วย แต่เขายังไม่สามารถยิงประตูในลีกได้เลย จากการลงเล่นในฐานะตัวสำรอง 12 นัด นั่บทำให้ตำแหน่งกองหน้าเป็นอีกจุดที่ต้องระวัง
มาที่ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค อาร์เซน่อลใช้ ซาลิบา กับกาเบรียล มากัลเญส จับคู่กันมาตลอด ส่วนเบน ไวท์ ถูกโยกออกไปเล่นแบ็คขวา ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจขึ้นเรื่อยๆ จนถูกเรียกไปติดทีมชาติอังกฤษชุดฟุตบอลโลก 2020
อันที่จริงในตำแหน่งเซนเตอร์พวกเขาสามารถหมุนเวียนผู้เล่นได้ ไวท์, โทมิยาสุ และร็อบ โฮลดิ้ง สามารถเป็นตัวเลือกในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คได้ แต่ว่าพวกเขามีเซนเตอร์ถนัดเท้าซ้ายในทีมเพียงแค่ กาเบียล มากัลเญส คนเดียวเท่านั้น ถึงจะเอาคนอื่นมาเล่นแทนได้ แต่มันมีผลโดยตรงกับจังหวะ Build up จากแดนหลัง
ในตำแหน่งผู้รักษาประตู แอรอน แรมส์เดล เขาแทบไม่บาดเจ็บเลยนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับอาร์เซน่อล และเล่นได้อย่างลงตัวกับแนวทางการเล่นของอาร์เซน่อลที่ขึ้นเกมส์จากแดนหลัง
ฤดูกาลที่แล้ว แบรนด์ เลโน่ คือแบ็คอัพให้กับแรมส์เดล ซึ่งถือเป็นผู้รักษาประตูที่มีดีกรีและเคยเป็นมือหนึ่งของอาร์เซน่อลมาก่อน ขณะที่ทาง แมตต์ เทอร์เนอร์ ยังมีเครื่องหมายคำถามว่าเขาจะเล่นได้แบบแรมส์เดลหรือไม่ รวมถึงความนิ่งในการเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ตำแหน่งที่พวกเขามีขุมกำลังที่ดีขึ้น
ก็ต้องบอกตรงๆ ว่ามันคือตำแหน่งฟูลแบ็คทั้งสองฝั่ง ที่อาร์เตต้า สามารถหมุนเวียนผู้เล่นได้อย่างสนุก แบ็คขวาการที่เขาปรับบทบาท เบน ไวท์ มาเล่นตรงนี้ พวกเขายังมี ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ เจ้าของตำแหน่งตัวจริงเมื่อปีก่อน และเซดริก โซอาเรส ที่ก็ยังสามารถเป็นตัวเลือกได้
ส่วนแบ็คซ้ายที่คือจุดที่ทำให้พวกเขาพลาดตั๋วแชมเปี้ยนลีกเมื่อปีก่อน ทีมมีการดึง ชินเซนโก้ เข้ามา ซึ่งแบ็คซจากซิตี้กลายเป็นตัวเลือกแรกของอาร์เตต้ากับการเล่นในสไตล์ Inverted fullback แต่ในช่วงต้นฤดูกาล ชินเซนโก้ ก็มีปัญหาบาดเจ็บเล่นงานเป็นระยะ แต่ทีมก็ไม่ได้เสียทรงไปมากเมื่อมีทั้ง เทียร์นี่ย์ และโทมิยาสุ ที่ทดแทนได้
กับฟุตบอลโลก 2022 ที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า อาร์เซน่อลมีผู้เล่นตัวจริง 8 คนไปเล่นที่กาตาร์ แต่ข่าวดีคือพวกเขาน่าจะได้ เอมิล สมิธ โรว์ กลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งหลังจากเบรกฟุตบอลโลก อย่างไรก็ตามพวกเขาจำเป็นต้องทุ่มอีกครั้งในตลาดรอบสองเดือนมกราคม เพื่อขจัดความกังวลที่มีออกไป
พวกเขาเคยมีบทเรียนมาแล้วใน 5 ครั้งหลังสุด เมื่อพวกเขานำเป็นจ่าฝูงในวันคริสต์มาส แต่จบฤดูกาลพวกเขาไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ลีก และยิ่งปัจจุบันพวกเขาต้องชิงแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สร้างมาตรฐานการเป็นแชมป์ลีกไว้สูงมาก ดังนั้นหากอาร์เซน่อลหวังจะคิดการใหญ่ในการกลับมาเป็นแชมป์ลีกให้ได้ในรอบ 19 ปีพวกเขาก็ต้องพึ่งทั้งฝีมือ การวางแผนที่ดี และโชคอีกนิดหน่อย
โปรแกรมการแข่งขันของอาร์เซน่อลหลังฟุตบอลโลก
- West Ham (H) - Premier League, December 26 - 8pm kick-off
- Brighton (A) - Premier League, December 31 - live on Sky Sports, 5.30pm kick-off
- Newcastle (H) - Premier League, January 3, live on Sky Sports, 8pm kick-off
- FA Cup third round tie - weekend of January 7/8
- Tottenham (A) - Premier League, weekend of January 14/15
- Manchester United (H) - Premier League, weekend of January 21/22
- Potential FA Cup fourth round tie - weekend of January 28/29
- Everton (A) - Premier League, weekend of February 4/5