ตลาดนักเตะของอังกฤษ ปิดลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยอดจ่ายของ 20 ทีมในพรีเมียร์ลีกรวมกันอยู่ที่ราว 1.4 พันล้านปอนด์ จากการเซ็นสัญญา 114 นักเตะตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
นับเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันที่ทีมพรีเมียร์ลีก ทุ่มเงินเกิน 1 พันล้านปอนด์ สำหรับนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในตลาดรอบนี้คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เซนเตอร์แบ็คทีมชาติอังกฤษ ที่ย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์
ตามมาด้วย นิโกล่า เปเป้ ปีกตัวใหม่ของอาร์เซน่อล 72 ล้านปอนด์ ต็องกี, เอ็นดองเบเล่ ของสเปอร์ 63 ล้านปอนด์, โรดรี้ 62.5 ล้านปอนด์ และเจา คันเซโร่ 60 ล้านปอนด์
สโมสรที่เสริมหนักที่สุด
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่เสริมทัพหนักที่สุด 148 ล้านปอนด์ จากการซื้อ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (80 ล้านปอนด์) อารอน วานบิสชาก้า (50 ล้านปอนด์) และดาเนียล เจมส์ (18 ล้านปอนด์)
- แอสตัน วิลล่า น้องใหม่หน้าเก่าของพรีเมียร์ลีก กลายเป็นทีมอันดับ 2 ที่เสริมหนักที่สุด 144.5 ล้านปอนด์ กับการดึง 12 นักเตะเข้ามาร่วมทีม อาทิ ไทรอน มิงส์ (26.5 ล้านปอนด์) เวสลี่ย์ (22 ล้านปอนด์) แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์ (17 ล้านปอนด์) และดักกลาส ลุยซ์ (15 ล้านปอนด์)
- อาร์เซน่อล ที่ก่อนตลาดเปิดมีงบอยู่ 45 ล้านปอนด์ แต่พอตลาดปิดอาร์เซน่อลทุบสถิติเสริมทัพของสโมสรด้วยการทุ่มเงินไป 138 ล้านปอนด์ กับการดึง นิโกล่า เปเป้ มาเป็นสถิติใหม่ของสโมสร 72 ล้านปอนด์, วิลเลี่ยม ซาลิบา 27 ล้านปอนด์, คีแรน เทียร์นี่ย์ 25 ล้านปอนด์, ดาวิด ลุยซ์ 8 ล้านปอนด์ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ 6 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมีการยืม ดานี่ เฆบายอส มาจากเรอัล มาดริด อีกคน
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูอาจจะขยับตัวไม่มาก แต่ก็ใช้เงินไป 134.8 ล้านปอนด์ การการฉีกสัญญาคว้า โรดรี้ มาจากแอตเลติโก มาดริด 62.5 ล้านปอนด์ และเจา คันเซโร่ แบ็คขวาจากยูเวนตุส 60 ล้านปอนด์
- เอฟเวอร์ตัน เป็นทีมที่เสริมทัพได้น่าสนใจอีกทีเดียว กับเงิน 118.5 ล้านปอนด์ พวกเขาได้ อเล็กซ์ อิโวบี้ มาจากอาร์เซน่อลในวันสุดท้าย, มอนเซ่ คีน กองหน้าจากยูเวนตุส 27.5 ล้านปอนด์, ฌอง-ฟิลิปป์ บาแม็ง กองกลางตัวรับที่เข้ามาแทน อิดริสซ่า เกย์ 25 ล้านปอนด์, อังเดร โกเมส 22 ล้านปอนด์ และฟาเบียน เดลส์ 9 ล้านปอนด์
- สเปอร์ เป็นอีกหนึ่งสโมสรที่จ่ายเงินเกิน 100 ล้านปอนด์ พวกเขาได้ เอ็นดองเบเล่ เข้ามาเสริมแดนกลาง 63 ล้านปอนด์ คว้าตัวแบ็คดาวรุ่ง ไรอัน เซสเซยอง จากฟูแล่ม, แจ็ค คลาร์ก 8.5 ล้านปอนด์ และยืม โล เซนโซ กองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่ามาจากเรอัล เบติส
- ส่วนทีมที่เหลือก็มี เลสเตอร์ ซิตี้ (91 ล้านปอนด์) เวสต์แฮม (78 ล้านปอนด์) นิวคาสเซิ่ล และวูล์ฟ (65 ล้านปอนด์) ไบรท์ตัน (58.5 ล้านปอนด์) (เซาแธมป์ตัน 50 ล้านปอนด์) บอร์นมัธ (45.7 ล้านปอนด์) วัตฟอร์ด (45.5 ล้านปอนด์)
- ทีมที่เสริมตัวน้อยที่สุดคือน้องใหม่ นอริช ซิตี้ ใช้เงินเสริมทัพเพียงแค่ 1.1 ล้านปอนด์เท่านั้น และลิเวอร์พูล 4.4 ล้านปอนด์
ขายนักเตะออกได้เงินมากที่สุด
โดยรวมแล้วทีมพรีเมียร์ลีกได้เงินเข้าทีม 806.5 ล้านปอนด์ จากการขายนักเตะ 291 คน
- เชลชี ที่ถูกแบนห้ามซื้อนักเตะ พวกเขาได้เงินจากการขายนักเตะมากที่สุด 213.2 ล้านปอนด์ จากการปล่อยสตาร์เบอร์หนึ่งอย่าง เอด็อง อาซาร์ ให้เรอัล มาดริด 130 ล้านปอนด์ และอัลวาโร่ โมราต้า ให้ทีมตราหมี 58.3 ล้านปอนด์
- เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นอันดับ 2 (80 ล้านปอนด์) จากขายตัวของแฮร์รี่ แม็คไกวร์ เพียงคนเดียว ส่วนทีมที่ตามมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (74 ล้านปอนด์), เอฟเวอร์ตัน (60 ล้านปอนด์) แมนซิตี้ (58.1 ล้านปอนด์) อาร์เซน่อล (55.5 ล้านปอนด์) คริสตัล พาเลซ (50 ล้านปอนด์) และบอร์นมัธ (36.5 ล้านปอนด์)
หลังจากหักลบระหว่างการซื้อ และการขายนักเตะ แอสตัน วิลล่า นำโด่งมาด้วยตัวเลขขาดทุน 144.5 ล้านปอนด์ ตามมาด้วยอาร์เซน่อล (82.5 ล้านปอนด์) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (76.7 ล้านปอนด์) และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (74 ล้านปอนด์)
ขณะที่ทีมที่ได้กำไรจากตลาดรอบนี้ มีอยู่ 3 ทีม เชลชี นำลิ่วมาด้วยตัวเลขกำไร 173.2 ล้านปอนด์ พาเลซ (39 ล้านปอนด์) ลิเวอร์พูล (24.4 ล้านปอนด์)
เอฟเวอร์ตัน เป็นสโมสรที่ดูยุ่งมากที่สุดในบนเกาะอังกฤษ ซัมเมอร์เดียวมีทั้งหมด 34 ดีล เป็นการซื้อเข้า 6 ราย แต่ปล่อยนักเตะออกไปรวมกัน 27 ราย เป็นการย้ายถาวร 17 ราย และปล่อยยืมตัว 10 ราย
แอสตัน วิลล่า เป็นสโมสรที่เสริมทัพมากที่สุดเหนือกว่าทุกทีม พวกเขาเซ็นนักเตะใหม่ 12 คน ตามมาด้วยเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 10 คน และวูล์ฟ 9 คน