อาดิดาส เฉือนชนะ พูม่า เจ้าเก่าที่เพิ่งหมดสัญญาไป จากการประมูล โดยจะต้องเปย์เงินสนับสนุนให้ อาร์เซน่อล ปีละ 60 ล้านปอนด์ ภายใต้สัญญา 5 ปี (ยอดรวมที่ 13,500 ล้านบาท) มากกว่าที่ทาง พูม่า เคยให้ถึงเท่าตัว ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา
โดยทำให้มูลค่าดีล แซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้จาก พูม่า ปีละ 50 ล้านปอนด์ ไปเป็นอันดับ 3 ในพรีเมียร์ ลีก รองจาก เชลซี (ปีละ 60 ล้านปอนด์ - 15 ปี) และแมนเชสเตอร์ (75 ล้านปอนด์ - 10 ปี) แต่นั่นก็อาจยังไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลสนใจเท่าไร
ประเด็นที่ เดอะกูนเนอร์ส จับจ้อง คือ การกลับมาของ อาดิดาส ในรอบ 25 ปี หลังหมดสัญญาในปี 1994 โดย ‘เดอะ บรูซ บานาน่า’ (The bruised banana) ยังคงเป็นสิ่งที่แฟนบอลจดจำได้ดี กับเสื้อที่พลิกโฉมความเป็น ‘ตัวตน’ ของ อาร์เซน่อล
เสื้อเวอร์ชั่นทีมเยือน (ปี 1991 - 1993) ที่นิยมเรียกกันว่า ‘บรูซ บานาน่า’ หรือแปลเป็นไทยขำๆ ว่า ‘กล้วยช้ำ’ มากับดีไซน์สมฉายาที่ถูกตั้งให้ ก็คือ ใช้พื้นสีเหลือง บวกกราฟิกลายซิกแซกสีกรมท่าที่สื่อถึงตัว V (Victory) หรือชัยชนะ โดยดูแล้วให้อารมณ์เหมือนกล้วยช้ำที่มีจุดสีดำบนเปลือกนั่นเอง และอะไรแบบนี้ ถือว่า เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีมาก่อนบนเสื้อ อาร์เซน่อล
เอ็มเจ แม็กซ์เวลล์ จาก footballshirtcollective.com อธิบายว่า “ปกติแล้ว อาร์เซน่อล จะเน้นความเซฟ ทั้งการเลือกใช้สีที่คลาสสิก ดีไซน์อันเรียบง่าย และดูสง่า แต่กับ ‘บรูซ บานาน่า’ เป็นอะไรฉีกที่ออกมา” โดยเขามองว่า ดีไซน์ที่แหวกแนวจากความเป็นผู้ดีของ อาร์เซน่อล อาจเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้แฟนบอลในยุคนั้น ยังตั้งตัวไม่ติด และรับไม่ได้กับเสื้อตัวนี้เลย
ขณะที่แฟนบอลรุ่นเก๋าคนหนึ่งอย่าง จิม เจ้าของบล็อกชื่อ eastlower.co.uk ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ อาร์เซน่อล บอกว่า “เหมือนได้เห็นไข่กวน (เละเทะ), เรือลายพรางแดซเซิล สุดสยองจากปี 1992 แน่นอน ผมเริ่มเป็นแฟน อาร์เซน่อล มาตั้งแต่ปี 1980 แต่ตัวนี้ เป็นเสื้อ อาร์เซน่อล ตัวแรกที่ผมซื้อแบบขำๆ เพราะรู้สึกว่า มันดูรกตาดี’’ จิม ตอกย้ำ ถึงอารมณ์ในตอนนั้น
โดยช่วงนั้น แฟนบอล และสื่อ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เสื้อตัวนี้ มันช่างดู ‘Ugly’ (น่าเกลียด) หรือไม่ก็ ‘Worst’ (แย่ที่สุด) ยิ่งเมื่อตอนที่ทีม ไม่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ ในปีต่อมา (ฤดูกาล 1991-1992) ก็ทำให้เสื้อตัวนี้ ไม่เป็นที่น่าพิสมัยมากไปอีก
แม้มีบางสื่ออย่างเช่น เดอะเทเลกราฟ ยกให้เป็นหนึ่งในเสื้อที่ดีที่สุดของ อาร์เซน่อล แต่ในข้อความที่ได้บรรยายถึงเสื้อตัวนี้ กลับไม่เหมือนเสื้อตัวอื่น โดยบอกว่า เป็นเสื้อที่เป็นที่จดจำ แต่โยนให้คนอ่านพิจารณาเอาเองแบบไร้คำชมว่า สวยหรือไม่?
และในภาพรวม ‘บรูซ บานาน่า’ กลายเป็นหนึ่งในเสื้อยอดแย่ตลอดกาลของ อาร์เซน่อล ซึ่งมักจะอยู่ในอันดับต้นๆ เสียด้วย ถ้าอยากลองพิสูจน์ พิมพ์ค้นหาในกูเกิล ด้วยคำว่า worst arsenal kits แล้วคุณจะเห็นภาพของ ‘บรูซ บานาน่า’ เต็มไปหมด
จากนั้น ก็เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านเป็น ไนกี้ (ปี 1994-2014) และ พูม่า (ปี 2014-2018) จวบจนวนกลับมาที่ อาดิดาส หนึ่งในบริษัทที่แฟนบอลมองว่า เคยทำให้เสื้อทีมของพวกเขาดูตลก ทำให้สื่อต่างติดตามด้วยความสนใจว่า กระแสจะเป็นยังไง?
โดยหลังดีลลุล่วง ก็เกิดกระแสร้อนแรงยิ่งกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อ เอียน ไรท์ หนึ่งในตำนานของ อาร์เซน่อล โพสต์รูปตัวเอง ซึ่งใส่ชุด ‘บรูซ บาบาน่า’ ในไอจี โดยมีข้อความว่า “ยินดีต้อนรับ” และแฮชแท็กว่า เป็นชุดเปิดตัวของเขาในปี 1991
บรรดาสื่อใหญ่ในอังกฤษ เช่น เดอะซัน, เดลี่สตาร์, ทอล์คสปอร์ต, ฟุตบอล.ลอนดอน หรือ เดอะเทเลกราฟ พากันเล่นข่าวเรื่อง อาดิดาส กับ ‘บรูซ บานาน่า’ แถมไปยกเอาข้อความในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นของผู้คน มาให้ได้ดูด้วย
โดย ทอล์คสปอร์ต ระบุว่า อาดิดาส น่าจะพา ‘บรูซ บานาน่า’ กลับมาแก้ตัว เมื่อดูจากเสื้อทีมใต้สังกัดในฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเน้นไปทางย้อนยุคทั้งหมด ไม่ต่างจากตอนที่กลับมาทำชุดให้ ทีมปิศาจแดง โดยใช้ดีไซน์เก่าที่ทำไว้ในยุค 90s มาเป็นธีม
ไม่ใช่แค่นั้น มีแฟนบอลเรียกร้องกันในทวิตเตอร์อย่างหนาตาว่า อยากเห็น ‘บรูซ บานาน่า’ อีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นแรงกระเพื่อมชั้นดีที่ส่งตรงถึง อาดิดาส ให้ได้ฉุกคิด ส่วนบางคน ถึงกับกล้าฟันธง แบบไม่กลัวหน้าแหกเลยว่า ‘กล้วยช้ำ’ ต้องกลับมาชัวร์
จากในอดีต ที่เคยถูกมองว่า เห่ย หรือ เชย จนคนร้องยี้ แต่ตอนนี้ ‘บรูซ บานาน่า’ กลายมาเป็นสิ่งที่ผู้คนถามหากันมากมาย
เอ็มเจ แม็กซ์เวลล์ (footballshirtcollective.com) บอกว่า “ถึงจะถูกเย้ยหยันว่า เป็นเสื้อยอดแย่ตลอดกาลของ อาร์เซน่อล แต่เรารักเสื้อตัวนี้’’ ขณะที่ จิม (eastlower.co.uk) กล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่า ผ่านไป 20 ปี เสื้อตัวนี้ จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน”
โดยปัจจุบันนี้ ผู้คนกำลังโหยหาความหลัง, ของเก่า หรือแฟชั่นแนว โอลด์ สคูล และ ‘ความเรโทร’ จะยังมีอิทธิพล หรือเรียกกันเก๋ๆ ว่า เป็น ‘แรงบันดาลใจ’ ให้กับภาพรวมในแง่ดีไซน์บนเสื้อของบรรดาทีมฟุตบอลในยุโรป สืบไปเบื้องหน้าอีกหลายปี
เครดิต: Siamsport.co.th