[Tactic Analysis] เอามาทำไม!! เหตุผลอาร์เซน่อลถึงต้องยอมทุ่มเพื่อซื้อ "เบน ไวท์"

 
อาร์เซน่อล กำลังพยายามที่จะปิดดีลคว้า เบน ไวท์ เซนเตอร์แบ็คของไบรท์ตันเข้ามาเสริมทัพ แต่ทีมปืนใหญ่อาจต้องทุ่มเงินระดับ 50 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับดาวเตะวัย 23 ปีทีมชาติอังกฤษรายนี้
 
นั่นทำให้แฟนบอลของอาร์เซน่อลส่วนใหญ่ อาจตั้งข้อสงสัยว่าทำไมสโมสต้องยอมทุ่มระดับนั้นเพื่อซื้อกองหลังเข้ามาเสริมทัพ ทั้งๆ ที่ทีมเสียไปเพียงแค่ 39 ประตูในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลก่อน ดีที่สุดเป็นอันดับสามของลีก แต่ปัญหาพวกเขาอยู่ที่เกมส์รุกตั้งหาก ที่ยิงได้แค่ 55 ประตู อยู่ในอันดับ 9 ของลีก 
 
คำตอบง่ายๆ นั่นคืออาร์เซน่อล เชื่อว่า ไวท์ ไม่เพียงแค่เสริมเกมส์รับของพวกเขาเท่านั้น เขายังสามารถช่วยปรับปรุงการเล่นเกมส์รุกของพวกเขาได้อีกด้วย 
 
ความพยายามของอาร์เซน่อลในการตามหาผู้เล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน ก่อนหน้านี้พวกเขาอยากที่จะได้  ฌูลส์ กุน​เด้ กองหลังของเซบีญ่า แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่าไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ทำให้พวกเขาหันไปมุ่งที่ เบน ไวท์ แทน
 
ที่สำคัญทั้ง กุนเด้ และไวท์ นั้นเหมาะสมกว่าสำหรับระบบการเล่นของอาร์เตต้า มากกว่าเซนเตอร์แบ็คที่มีอยู่แล้วหลายคนในทีม ฤดูกาลที่แล้วอาร์เซน่อลปรับเปลี่ยนมาเล่นระบบแบ็คโฟร์ แต่เวลาในการ Build up พวกเขาจะเปลี่ยนมาเล่นในรูปแบบ 3-2-5 หรือ 2-3-5 ด้วย Shape การขึ้นเกมส์แบบนี้ เราจะได้เห็น กรานิต ชาก้า ถอยลงมาช่วยต่อบอล ขณะที่เซนเตอร์ฝั่งขวาจะขยับออกด้านข้าง ส่วนฟูลแบ็คสองข้างจะดันสูงขึ้นไปสนับสนุนเกมส์รุก บทบาทของเซนเตอร์ฝั่งขวาทำหน้าที่ในการ Build up และ Cover ให้กับผู้เล่นตำแหน่งแบ็คขวา 
 
ซึ่ง ดาวิด ลุยซ์ มีศักยภาพที่จะเล่นในบทบาทดังกล่าวได้แบบผ่อนคลายมากกว่า ร็อบ โฮลดิ้ง หรือแม้กระทั่ง วิลเลี่ยม ซาลิบา ดังนั้นไม่แปลกใจที่อาร์เตต้า ต้องการเซนเตอร์ฮาล์ฟที่มีความว่องไว้ และมีความสามารถด้านเทคนิคในการเล่นในระบบนี้ ซึ่งปกติต้องคาดหวังกับผู้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ค
 
 

 
 
ไวท์ เหมาะเป็นอย่างยิ่ง เมื่อดูจากเมื่อฤดูกาลก่อน เขามักจะได้เล่นเซนเตอร์แบ็คทางขวาเป็นหลักในระบบสามเซนเตอร์ของไบรท์ตัน ซึ่งเขามีความสามารถเฉพาะตัวในการเลี้ยงในพื้นที่แคบ และความเร็วในการป้องกัน หากถูกโต้กลับเร็ว
 
 

 
 
อีกหนึ่งโบนัสพิเศษกับการเซ็น เบน ไทว์ นั่นคือการที่เขามีความอเนกประสงค์ ที่เขาสามารถเล่นได้ทั้งระบบคู่เซนเตอร์ และสามเซนเตอร์ รวมถึงขยับมาเล่นเป็นแบ็คขวา หรือโฮลดิ้งมิดฟิลด์ได้ด้วย
 
ในระดับทีมชาติ แกเร็ต เซาเกตต์ ใช้งานเขาในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คทางฝั่งซ้ายในการเจอกับโรมาเนีย การที่อาร์เซน่อลตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ ดาวิด ลุยซ์ และปล่อยให้เป็นฟรีเอเยนต์ ซึ่งคิดว่า ไวท์ จะเข้ามาทดแทนโดยตรง 
 
เราสามารถใช้ Smarterscount ในการวิเคราะห์สไตล์การเล่นของนักเตะ
 
Smarterscount จะจัดเรตติ้งนักเตะจาก 0-99 โดยเกี่ยวข้องกับข้อมูลความถี่ในการกระทำด้านต่างๆ ของนักเตะ (เช่น จำนวนการยิงประตู) เปรียบเทียบกับผู้เล่นคนอื่นในตำแหน่งเดียวกัน 
 
 

 

 
น่าสนใจกับ Chart เปรียบเทียบระหว่างการเล่นของเขาเมื่อปีก่อน กับฤดูกาล 2019/20 ตอนที่เขาไปเล่นกับลีดส์ ยูไนเต็ด และมีส่วนสำคัญในการพาทีมยูงทองได้เลื่อนชั้น
 
  

 
นับตั้งแต่ที่เขากลับมาที่ไบรท์ตัน พัฒนาการหลักๆ ที่เพิ่มเขามาคือเรื่องการพาบอล และการจ่ายบอลที่ก้าวหน้ามากขึ้นในเกมส์ของเขา
 
อันดับแรก เราเปรียบเทียบด้านเกมส์รับกันก่อน ดาวิด ลุยซ์ มีสถิติในการป้องกันลูกกลางอากาศที่มากกว่า แต่ด้วยการที่ ไวท์ เล่นในระบบสามเซนเตอร์ เลยทำให้เขามีคะแนนด้านการเก็บกวาดที่ดีกว่า ดูจากเรตติ้งด้าน Defending Impact ที่บ่งชี้ว่าตำแหน่งของเขาคือการขัดขวางการทำเกมส์บุกของคู่แข่ง และการตัดบอลกลับมา
 
เขาอาจจะมีลูกกลางอากาศที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับลุยซ์ แต่ก็มีความแข็งแกร่งด้านการแท็กเกิ้ลพอๆ กัน อาร์เซน่อลหวังว่า ไวท์ จะมาจับคู่กับ กาเบรียล ที่มีความโดดเด่นเรื่องลูกกลางอากาศที่จะมากลบจุดด้อยตรงนี้ของไวท์ได้
 
 

 
 
อย่างไรก็ตาม ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น การเซ็นสัญญากับ เบน ไวท์ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไวท์ทำได้ทั้งในตอนที่มีบอล และไม่มีบอล ทั้งเขา และลุยซ์ ชอบที่จะพาบอลไปข้างหน้า โดยเห็นได้จากคะแนนที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันในการพาบอลไปในแดนของคู่แข่ง (57 และ 49) 
 
จากมุมมองเชิงเทคนิค ความสามารถของไวท์ สามารถช่วยอาร์เซน่อล ในการ Build up เกมส์จากแดนหลัง แม้ว่าสถิติจะบ่งบอกว่าเขาเน้นการจ่ายบอลที่มั่นคง แต่เขาก็สามารถที่จะวางบอลยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อจำเป็น 
 



 
ตัวอย่างในเกมส์กับคริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นว่าไวท์ มีศักยภาพในการรับบอลสูงในกลางสนาม นักเตะทุกคนของไบรท์ตันถูกคู่แข่งตามปกติหมด แทนที่เขาจะจ่ายบอลให้กับเพื่อนในตำแหน่งที่จะถูกคู่แข่งเขากดดันทันที ไวท์ สามารถวางบอลยาวข้างฝั่งไปด้านซ้ายให้กับ แดน เบิร์น ที่เติมขึ้นมาได้ 
 
 

 

 
ไวท์ ยังมีความสามารถในการจ่ายบอลได้ทั้งเท้าซ้ายและขวา ซึ่งเป็นสิ่งที่อาร์เตต้าได้เห็นโดยตรง ในเกมส์ระหว่างอาร์เซน่อลกับไบรท์ตัน ในเกมส์สุดท้ายของฤดูกาลก่อน ไวท์ได้รับบอลใกล้ๆ กับริมเส้นด้านขวา เขาสามารถจ่ายบอลไปให้กับ อีฟส์ บิสซูม่า ได้ แต่บิสซูม่าอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้เล่นอาร์เซน่อล 4 คน
 
โดยที่ไม่ต้องแต่งบอลให้เข้าเท้าขวา ไวท์วางบอลยาวด้วยเท้าซ้าย ไปให้ปีกซ้ายของไบรท์ตัน และทำให้ผู้เล่น 4 ของอาร์เซน่อลหลุดจากตำแหน่ง 
 
 

 

 
ไวท์ อาจจะยังคงตามหลัง ดาวิด ลุยซ์ อยู่บ้าง สำหรับสถิติ xG ในการจ่ายบอลไปข้างหน้า แต่อาร์เซน่อลหวังว่า เมื่อเขาได้ลงเล่นกับผู้เล่นที่มีคุณภาพมากกว่าจะทำให้สถิติของเขาดีขึ้นได้ จากสถิติ Opta เขาสร้างโอกาสได้ 0.2 ครั้งต่อเกมส์ ดังนั้นเขาจะสร้างโอกาสทำประตู 1 ครั้งในทุกๆ 5 เกมส์ ถือว่าดีกว่าลุยซ์ (0.1 ครั้งต่อเกมส์)
 
ในเกมส์ที่ไบรท์ตัน เจอเบิร์นลี่ย์เมื่อเดือนพฤศจิกายน ไวท์ มองเห็น แดนนี่ เวลเบ็ค กำลังวิ่งทะลุแผงแบ็คโฟร์ของคู่แข่ง ซึ่งเขาวางบอลยาวไปให้กับมหาเทพได้อย่างแม่นยำ 
 



 
คุณภาพในการจ่ายบอลยาว เป็นหนึ่งสิ่งที่ ไวท์ สามารถเข้ามาเติมเต็มอาร์เซน่อลได้ และอีกหนึ่งคุณสมบัติของไวท์ และเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของเขานั่นคือการเลี้ยงบอล 
 
ในเกมส์เจอลีดส์ ในเดือนพฤษภาคม ไวท์ได้รับบอลในพื้นที่กลางสนาม เขามองเห็นพื้นที่ว่างในการพาบอลขึ้นไปในแดนของคู่แข่ง ขณะที่ผู้เล่นลีดส์ 2 คนที่อยู่ใกล้ๆ พยายามที่จะพุ่งใส่เขา แต่ไวท์ก็เลี้ยงผ่านจนพาบอลเข้าไปถึงกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะเขาจะเปิดบอลเข้ากลาง
 



 
 

 

 
อีกหนึ่งตัวอย่างจากเกมส์เหย้าที่เจอกับเลสเตอร์ ในเดือนมีนาคม ในจังหวะที่ผู้เล่นของเลสเตอร์กำลังจะเลี้ยงบอลเข้ามาในเขตโทษ และบิสซูม่าได้สกัดบอลก่อนที่จะถึงเขตโทษ และบอลทะลักมาเข้าทางเข้า
 
เขาพาบอลเลี้ยงขึ้นมาจากกรอบเขตโทษ มีผู้เล่นเลสเตอร์ 3 คน ล้อมรอบเขาอยู่ แต่ไวท์ก็สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้ 
 


 


 


 

 
จากสถิติจาก Smarterscout radars ดาวิด ลุยซ์ มีสถิติในการเลี้ยงบอล และพาบอลไปข้างหน้าที่ดีกว่าไวท์ จากการจับบอลทุกๆ 100 ครั้ง ดาวิด ลุยซ์ พาบอลขึ้นหน้าในระยะ 412 เมตร ดีที่สุดอันดับสองของพรีเมียร์ลีก ขณะที่ไวท์ ทำได้ 264 เมตร ต่อการจับบอล 100 ครั้ง อยู่ในอันดับ 35 ของผู้เล่นเซนเตอร์แบ็ค  
 
แต่หากมองเรื่องการเลี้ยงผ่านคู่แข่ง ไวท์สามารถทำได้ 1.1 ครั้งต่อ 90 นาที เป็นสถิติที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ในบรรดาเซนเตอร์แบ็คของพรีเมียร์ลีก ด้านลุยซ์ ทำได้แค่ 0.26 รั้งอันดับ 41 นอกจากนี้ทุกๆ การจับบอล 100 ครั้งของไวท์ มีจำนวน 10 ครั้งที่อยู่ในพื้นที่สุดท้ายของของคู่แข่ง นั่นเป็นสถิติที่สูงที่สุดอันดับ 6 ในบรรดากองหลัง มากกว่าลุยซ์ (5.4 ครั้ง) 
 
อีกจุดที่แตกต่างระหว่าง ดาวิด ลุยซ์ และไวท์ ก็คือเรื่องอายุ อายุทั้งคู่ต่างกันเป็นสิบปี และไวท์อายุแค่ 23 และเขายังสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีก  แต่แน่นอนว่าค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ต้องเป็นที่ถกเถียงกัน อาร์เซน่อลรู้ดีว่าพวกเขาต้องจ่ายในระดับนี้เพื่อให้ได้นักเตะ Homegrown ที่เป็นตัวระดับทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าการลงทุนกับเซนเตอร์อายุน้อยจะเป็นความเสี่ยง แต่อาร์เซน่อลก็เชื่อมั่นว่า ไวท์ จะมีมูลค่ามากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
 
อาร์เซน่อล เองไม่ได้มีประวัติที่ดีนักในการค้นหาพรสวรรค์จากผู้เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค จนกระทั่งปัจจุบันกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดของพวกเขาคือ ชโกดราน มุสตาฟี่ และวิลเลี่ยม ซาลิบา

แก้ไม่ถูกจุด หากลางรับรุกที่จ่ายบอลดีๆ จะดีกว่าที่ให้หลังจ่ายบอล ถ้าเปนระบบโยนยาว จบแน่น่อล อยู่กลางตารางต่อไปเถอะนะ

แก้ไม่ถูกจุด หากลางรับรุกที่จ่ายบอลดีๆ จะดีกว่าที่ให้หลังจ่ายบอล ถ้าเปนระบบโยนยาว จบแน่น่อล อยู่กลางตารางต่อไปเถอะนะ

 

 

ฟุตบอลมันเปลี่ยนยุคไปแล้ว สมัยนี้ ประตู กับกองหลัง ต้องเล่นบอลด้วยเท้าดี ไม่ได้จำเป็นแค่ออกบอลยาว ออกบอลสั้น ออกบอลหนีเพลสซิ่งให้ได้ ถ้าทำได้ยิ่งเพิ่มโอกาสให้กับตัวรุกเล่นได้ง่ายขึ้น ถ้าบอลไปไม่ถึง ต่อให้มีโคตรเพลย์เมกเกอร์ ก็เท่านั้น หรือขึ้นเกมส์ช้า กว่าบอลจะไปถึงเพลย์เมกเกอร์ ก็เจอคู่แข่งตั้งแนวรับกันรอไว้แล้ว 

ผมเชื่อว่าเบน ไวท์ เก่งมากและได้พิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกแล้ว แต่ด้วยว่าเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษ ค่าตัวก็เลยมี ++ ไปอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าอายุยังน้อยถ้าเล่นดีในอนาคตแค่ 2-3 ปีค่าตัวอาจพุ่งขึ้นไปอีกอาจขายได้แพงกว่าที่ซื้อมา โอกาสทำกำไรก็ยังมี

 

ปัญหาหลักจริงๆ ที่หลายคนไม่สบายใจ ผมคิดว่าน่าจะเป็นตรงที่ "เรามีงบเสริมทัพแค่ไหนมากกว่าครับ" ถ้ามีไม่เยอะผมยังสงสัยว่าเสริมเบน ไวท์ ไปสักคนหนึ่งหมดไป 40-50 ล้านปอนด์แล้วปัญหาเกมรุกไม่ได้แก้ไข ทีมมันก็ยากจะประสบความสำเร็จอยู่ดีนะครับ

สถิติยอดเยี่ยมไม่มีข้อสงสัยสำหรับการยกระดับทีม เพียงแต่ห่วงเรื่องการเสริมตำแหน่งที่จำเป็นกว่าว่าจะมีเพียงพอแค่ไหน

ไวท์ มา น้องมาฟน่าจะไปแล้ว 1 ซาลิบา ก็มีแววไปอีกคนเว้นแต่พรีซีซั่นฟอร์มดีกว่ากองหลังที่เหลือก็คงได้อยู่ต่อ

ถ้าเอาตัวนี้มาแล้วเสริมตัวอื่นด้วยตามตำแหน่งที่ขาดคงไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าไม่ ก็เตรียมตัวโดรด่ากันเละเทะได้เลย

เบน ไวท์ เก่งจริงแต่ราคาสูงไป ไปหาตัวอื่นดีกว่า

แลดูไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ เล่นดีแบบในพรีเมียรก็เพิ่งจะได้แค่ปีเดียว และจะว่าไปค่าตัวระดับนี้ก็ไม่ได้แบกทีมในเรื่องเกมรับเลย ความสูงก็น้อยเกินไปสำหรับตำแหน่งเซนเตอร์ ความพริ้ว การเอาตัวรอด การจ่ายบอล โอเคว่าดี แต่มันถูกที่คันจริงหรือ มาคิดดู รูปร่างแบบที่ไม่ใช่กองหลังสูงใหญ่จะพริ้วได้ก็ไม่แปลก ทีมอื่นกองหลังสไตล์นี้เค้าจับไปยืน แบค ไม่ก็วิงแบค แค่ทีมนี้ให้เล่นเซ็นเตอร์ มันเลยพูดได้ว่าเซนเตอร์ มีสกิลแบบนี้นะ ขึ้นเกมดีด้วย แต่จริงๆ โดนย้อมแมว ควรไปหาตัวจริงของจริงดีกว่า แนวๆ ฟานไดจ์ ทุ่มๆไป เงินเยอะหนิ ตอนนี้ฟิลลิ่งเหมือนโดน ไบรทตั้น เอา แบค ที่ยืนเซนเตอร์มาหลอกขายมากกว่า

ทุ่มทุน จ้างบิเอลซ่า เลยครับ แล้ว มาวางรากฐานกันใหม่

อย่าวิเคาะห์เยอะ เดี๋ยวทีมอื่นอยากได้ ตัดหน้าอีก รอได้ก่อนค่อยวิเคราะห์ไม่สาย 

อยากเห็นตอนชูเสื้อ

ในแง่ของแท็คติกผมว่าสมเหตุสมผลทั้งการขึ้นเกมและการป้องกันแนวรับ เบน ไวท์ ดูจะตอบโจทย์อาร์เตต้าบอลเป็นอย่างยิ่ง และส่วนตัวผมก็อยากได้แกด้วย จากรูปแบบการเล่น แต่ที่น่ากังวลคืองบประมาณที่เราจะจัดสรรการซื้อนักเตะนี่ล่ะ เพราะจุดอ่อนหลักๆ เราคือการสร้างสรรค์เกมรุกเลยอยากได้แนวรุกมาก่อนมากกว่า

ถ้าจะทำให้เกมส์รุกดีขึ้นไม่ซื้อกองหน้าไปเลย ถ้าบอลอยู่แดนตัวเองถึงจะล็อกหลบ 3-4 ตัวส่งชิ่งสวยๆในแดนตัวเอง ไม่ทำให้ได้ประตูเพิ่ม

ส่วนตัวผมถ้ามีหลังแบบนี้+แล้วมี บิซซูม่า อีกคน

 

กองหลังเราจะเล่นงา่ยขึ้นกว่านี้เยอะเลย