สำหรับโทมิยาสุ เขามาจากฟุกุโอกะ เมืองท่าบนชายฝั่งทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น แต่สมัยยังเด็กเขาไม่ได้คิดจะเป็นนักฟุตบอล เขาฝันที่จะเป็นนักว่ายน้ำ แต่เขาประสบอุบัติเหตุในวัยเด็ก ที่เขาลื่นล้มขณะวิ่งจนกรามหัก ทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้อีก และหักเหมาสู่การเป็นนักฟุตบอลแทน
พรสวรรค์ของเขาปรากฏให้เห็นอย่างรวดเร็ว สโมสรบาร์เซโลน่ามาเปิดโรงเรียนลูกหนังที่ฟุกุโอกะ และโทมิยาสุ ถูกแนะนำให้กับบาร์เซโลน่า เขาได้ซ้อม 2 ครั้งต่อสัปดาห์กับ อิวาน ปาลันโก้ โค้ชชาวสแปนิช ซึ่งเขาบอกว่า: "ด้านเกมส์รั เขาโดดเด่นมากในลูกกลางอากาศ และการดักตัดบอลที่ดี เขาเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์เป็นหลัก แต่เราก็ปล่อยให้เขาลองเล่นฟูลแบ็คด้วย เรามีปรัชญาแบบบาร์ซ่า นี่เน้นการมีส่วนร่วมในการโจมตีจากด้านข้าง และเขามีคุณสมบัติเหล่านั้น"
ตอนเขาอายุ 11 ปี โทมิยาสุ เดินทางไปที่ศูนย์ฝึกของบาร์เซโลน่า มันเป็นการเปิดหูเปิดตา ในเกมส์นัดกระชับมิตรนัดหนึ่งพวกเขาแพ้แอตเลติโก มาดริด 10-1 อย่างไรก็ตามโทมิยาสุ ได้แสดงให้เห็นว่าเขาจะมีอนาคตในการเล่นที่ยุโรป ปาลันโก้กล่าวเสริมว่า: "ผมแนะนำ 3 นักเตะไปให้บาร์เซโลน่า หนึ่งในนั้นก็คือ ทาเคะ น่าเสียดายที่การขอวีซ่าสำหรับนักเรียนเป็นเรื่องยาก ทำให้แนวคิดนี้ไม่เกิดขึ้น"
โทมิยาสุ จึงไปร่วมทีมท้องถิ่นอย่าง อวิสป้า ฟุกุโอกะ ในวัย 12 ปี เขาลงเล่นในรุ่น U15 เขาได้เล่นในลีกอาชีพระดับดิวิชั่นตั้งแต่อายุ 16 ปี ซึ่งเขายังเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลาย ก่อนที่ในสองฤดูกาลต่อมา เข้าจะยึดตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ได้อย่างมั่นคง ขณะที่อวิสป้า ก็เด้งไปเด้งมาระหว่างเจลีก 1 และเจลีก 2 ในเวลานั้นเขาเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค บางครั้งก็ถูกจับไปเล่นกองกลาง เพราะมีความเชื่อมโยงกับบาร์เซโลน่า ทำให้สไตล์การเล่นของเขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เซอร์คิโอ บุสเกตต์ สุดยอดกองกลางของบาร์เซโลน่า
ไม่นานเขาได้โอกาสที่จะไปเล่นในยุโรป กับสโมสรแซงต์ ทรุยด็อง ของเบลเยี่ยม ในเดือนพฤศจิกายน 2017 ซึ่งทางสโมสรถูกเทกโอเวอร์จากบริษัท DMM ของญี่ปุ่น และได้มีการเริ่มโครงการในการดึงนักเตะญี่ปุ่นที่มีความสามารถไปเล่น และโทมิยาสุ ก็เป็นต้นแบบนำร่องของโครงการดังกล่าว หลังจากอายุ 19 เขาย้ายไปที่เบลเยี่ยม
โทมิยาสุ เป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่มาถึงแซงต์ ทรุยดองต์ ก่อนที่ต่อมาจะมี ไดอิชิ คามาดา ที่ปัจจุบันเล่นกับแฟร้งค์เฟิร์ต และวาตารุ เอ็นโด กัปตันทีมของสตุ๊ตการ์ท ตามมาสมทบในเวลาต่อมา
ความท้าทายแรกของเขาเมื่อมาถึงยุโรปก็คือเรื่องภาษา อดีตผู้ช่วยโค้ชแซงต์ ทรุยด็องเปิดเผยว่า: "ที่สโมสร เรามีแต่คนที่พูดภาษาฝรั่งเศส หรือดัตซ์ แต่เราสอนภาษาอังกฤษให้เขา มันง่ายกว่าที่จะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากล และช่วยให้การผสมผสานเข้ากับทีมทำได้อย่างรวดเร็ว"
"ในช่วงแรกมันยากสำหรับหนุ่มจากญี่ปุ่น แต่โทมิยาสุก็เป็นคนที่ก้าวหน้ามากที่สุด นั่นเป็นเรื่องปกติของโทมิยาสุ"
หลังจากที่เขาเซ็นสัญญากับอาร์เซน่อล โทมิยาสุ ได้โพสต์วีดีโอและส่งข้อความถึงแฟนบอลของทีมปืนใหญ่ด้วยภาษาอังกฤษ นั่นทำให้ไม่ต้องกังวลว่าโทมิยาสุ จะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
Charai อดีตโค้ชของโทมิยาสุที่แซงต์ ทรุยด็อง กล่าวว่า: "ผมจำได้ว่าช่วยแรกเราบอกว่าการจ่ายบอลของเขาต้องดีกว่านี้ นั่นมีกำแพงอยู่ที่สนามซ้อม คุณไปซ้อมที่นั่นได้ ผลที่ได้คือเขาสาามารถจ่ายบอลได้ดีกว่าเดิม และแม่นยำขึ้นเยอะมาก"
"ก่อนและหลังการซ้อม เขาจะไปที่กำแพง ครั้งละครึ่งชั่วโฒง เราสามารถเห็นเขาทำแบบนั้นจากห้องทำงาน และต้องเปิดหน้าต่างและบอกว่า โทมิ พอได้แล้ว เรายังต้องซ้อมอีกสองเซสชัน เข้ามาข้างในได้แล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเขาก็ทำแบบเดิม มันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเขา ที่ต้องการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ"
"ถ้าคุณไม่มีคุณภาพ คุณจะเตะบอลใส่กำแพงทั้งวัน ก็ไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่เขามีคุรภาพ เขาทำให้ร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น"
Charai ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เห็นถึงความทุ่มเทของโทมิยาสุ ผู้บริหารของแซงต์ ทรุยดองต์ ทาคาซูกิ ทาเทอิชิ บอกว่า: "บางครั้งผู้จัดการและผมต้องไปบอกกับโทมิยาสุ ว่าช่วยหยุดซ้อมได้หรือเปล่า"
ที่แซงต์ ทรุยด็อง เล่นในระบบหลังสาม ระหว่างที่ทะลุขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมระหว่างฤดูกาล 2018/19 โทมิยาสุ เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คฝั่งขวา Charai ให้เหตุผลที่จับเขาไปเล่นตำแหน่งนั้นว่า: "เขามีความเร็วที่จะเล่นตรงนั้น มันเหมาะกับเขาอย่างมาก"
"เป็นเรื่องยากที่จะมีใครมาเลี้ยงผ่านเขาในสถานการณ์ 1 ต่อ 1 แม้ว่าจะเป็นผู้เล่นที่มีความเร็ว หรือเทคนิคดีๆ เขารูปร่างค่อนข้างสูง แแต่เขาสามารถอ่านการเคลื่อนไหวของคู่แข่งได้ดี ดังนั้นเขามีทั้งความแข็งแกร่งและความเร็ว นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่จะมีใครผ่านเข้าได้ คุณจะเห็นได้ว่าคู่แข่งมักจะไปโจมตีอีกข้างแทน ทำให้คุณสามารถคิดถึงเกมส์บุกได้อย่างเต็มที่"
หนึ่งฤดูกาลเต็มๆ ในเบลเยี่ยม เพียงพอที่จะไปเข้าตาสโมสรในลีกที่แข็งแกร่งกว่า ในเดือนมกราคมเขาได้รับความสนใจจากสโมสรในเยอรมัน แต่ทางแซงต์ ทรุยดองต์ รอจนกระทั่งถึงซัมเมอร์ ก่อนที่ท้ายที่โบโลญญ่า จากอิตาลี จะได้โทมิยาสุไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 9 ล้านยูโร
โทมิยาสุ เป็นตัวหลักของโบโลญญ่าตลอด 2 ฤดูกาล เขาลงเล่นในซีรีย์อาไป 61 เกมส์ ในอายุที่ยังไม่ครบ 23 ปี ถือว่าไม่เลวเลย มีเพียงปัญหาบาดเจ็บที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้เขาพลาดลงเล่นไป 15 เกมส์ในช่วงสองฤดูกาลดังกล่าว
ในการเล่นทีมชาติ เขาผ่านการติดทีมชาติญึ่ปุ่นมาทุกรุ่นตั้งแต่ U13 จนถึงชุดใหญ่ และเขาเล่นให้ชุดใหญ่ไปแล้ว 23 นัด นับแต่เดือนตุลาคม 2018 Ben Mabley ผู้บรรยายฟุตบอลในญีปุ่นกล่าวว่า: "ในเวลานั้น ที่ญี่ปุ่นเป็นเรื่องยากในการติดตามลีกเบลเยี่ยม นักเตะญี่ปุ่นที่เล่นอยู่ที่นั่นเลยไม่ได้รับการสนใจสักเท่าไร"
"เมื่อเอเซียมาถึง และคุณได้เห็นเซนเตอร์แบ็คอายุ 20 ปี ที่น่าทึ่ง และไม่ค่อยมีคนรู้จักเขามาก่อน ด้วยอายุที่ยังไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ แต่เขาเล่นได้นิ่งมาก อ่านเกมส์ได้อย่างยอดเยี่ยม และทำอะไรก็ดูง่ายไปหมด เด็กคนนั้นกลายเป็นคนที่ทั้งประเทศได้สังเกตเห็น"
กับทีมชาติญี่ปุ่นเขาลงเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คเป็นหลัก Mably เสริมต่อว่า: "โดยปกตินักเตะยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นจะเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก หรือไม่ก็ฟูลแบ็ค ไม่ค่อยมีเซนเตอร์แบ็คชั้นยอดสักเท่าไร เว้นแต่ มายะ โยชิดะ ที่เล่นในระดับท็อปของยุโรป โทมิก็อยู่ในระดับนั้นตั้งแต่อายุแค่ 19 ด้วยความนิ่ง ความมั่นใจ รูปร่างที่สูงใหญ่ และการอ่านเกมส์ ที่คุณไม่ค่อยเห็นบ่อยนักกับผู้เล่นชาวญี่ปุ่นที่เล่นในตำแหน่งนั้น ดังนั้นเขาและโยชิดะ จึงเป็นคู่เซนเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆ"
โยชิดะ เคยเล่นในอังกฤษกับเซาแธมป์ตัน และตอนนี้เขาไปเล่นกับซาพม์โดเรียในอิตาลี ซึ่งสลับกับทางโทมิยาสุ ที่ย้ายจากอิตาลีมาเล่นในอังกฤษ แต่โทมิยาสุ ไม่ใช่คนญี่ปุ่นคนแรกที่มาเล่นกับอาร์เซน่อลในช่วงซัมเมอร์นี้ ก่อนหน้านี้มี มานะ อิวาบูชิ นักฟุตอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น ก็ย้ายจากแอสตัน วิลล่า มาอยู่กับอาร์เซน่อล
โทมิยาสุ จะเป็นผู้เล่นญี่ปุ่นอีกคนที่เดินเข้ามาสู่สโมสรอาร์เซน่อล ต่อจาก จูนอิชิ อินาโมะโตะ, เรียว มิยาอิชิ และทาคุมะ อาซาโนะ
ท้ายสุดนี้ทาง Charai ได้ฝากคำแนะนำไปยังอดีตลูกทีมของเขากับการค้าแข้งกับสโมสรชั้นนำอย่างอาร์เซน่อลว่า: "ทำงานหนักต่อไป และพยายามติดดิน ทำให้เหมือนเดิม แบบที่เรารู้จักนาย เราภูมิใจที่ได้เคยร่วมงานกับนาย และเรายังใช่เขาเป็นแบบอย่าง สำหรับนักเตะดาวรุ่ง ที่ต้องการปรับปรุงบางอย่าง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร"
"เราจะบอกว่า โทมิก็เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ในช่วง 1-2 เดือนแรกเขาแทบไม่ได้เล่นกับแซงต์ ทรุยด็องเลย จากนั้นเขาเริ่มทำงานหนักมากๆ และดูตอนนี้สิ เขาอยู่ที่อาร์เซน่อลแล้ว"