"แน่นอนว่าเราจะต้องปรับปรุงบางอย่าง เพื่อสร้างโอกาสให้มากขึ้นกว่าในเลกแรกที่พบกับพวกเขา" นั่นคือคำมั่นสัญญาจาก มิเกล อาร์เตต้า ก่อนต้อนรับเอฟซี ปอร์โต้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ในเกมส์แรกที่ เอสตาดิโอ โด ดราเกา เมื่อเดือนก่อน อาร์เซน่อลไม่สามารถยิงบอลเข้ากรอบได้เลยตลอด 94 นาทีในเกมส์นั้น แล้วการปรับปรุง ปรับแต่ง ที่อาร์เตต้าว่า มันประสบความสำเร็จหรือไม่? กับชัยชนะ 1-0 และมาชนะในการดวลจุดโทษ
แต่มันก็คุ้มค่าที่จะมาพูดถึงในแง่ของแท็กติกระหว่างทั้งสองทีม ในการทำงานอย่างหนักของอาร์เซน่อล เพื่อเอาชนะบล็อกเกมส์รับที่สุดดื้อรั้นของเอฟซี ปอร์โต้
ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก อาร์เซน่อลประสบปัญหากับการที่คู่แข่งมาเล่นแบบ Low Block (รับต่ำ) ก่อนที่จะได้รับการแก้ไขหลังจากขึ้นปี 2024 แต่วิธีการป้องกันแบบ Mid Block ของปอร์โต้ ดูเหมือนจะเป็นปัญหาสำหรับอาร์เซน่อลไม่ใช่น้อย
เห็นได้ชัดตั้งแต่นาทีแรกของเกมส์เลกแรก เซร์คิโอ คอนไซเซา วางแผนในระบบ 4-5-1 (บางจังหวะอาจจะเป็น 4-1-4-1 เวลาที่ไม่ได้ครองบอล) ปอร์โต้ยอมปล่อยให้อาร์เซน่อลได้ครองบอลแถวหน้ากรอบเขตโทษ แต่อาร์เซน่อลแทบไม่สามารถผ่านเข้าไปได้มากกว่านั้น เปเป้ ปราการหลังจอมเก๋าวัย 41 ปี ทำหน้าที่บัญชาการเกมส์ป้องกันรอบๆ ตัวเขา เพื่อรักษาโครงสร้างแนวป้องกันเอาไว้
ปอร์โต้ ควรได้รับการยกย่องจากฟอร์มอันแข็งแกร่งเวลาที่ไม่มีบอล ก่อนเกมส์แฟนบอลอาร์เซน่อลหลายคนอาจจะมองว่า ปอร์โต้ เป็นหนึ่งในทีมที่อ่อนที่สุดในรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยลีก แต่ฤดูกาลนี้ ปอร์โต้ถูกสร้างอยู่บนรากฐานเกมส์รับที่แข็งแกร่ง พวกเขาเสียประตูต่อเกมส์เพียง 0.68 ประตูเท่านั้นในพรีไมรา ลีกา ซึ่งเป็นสถิติเกมส์รับที่ดีที่สุดในโปรตุเกส
ในช่วงนาทีแรกของเกมส์เลกแรก อาร์เซน่อล มีโอกาสที่จะข่มขู่เกมส์รับของฝั่งปอร์โต้ ดังที่คุณเห็นตัวอย่างตามภาพด้านล่าง เลอันโดร ทรอสซาร์ วิ่งอย่างชาญฉลาดตรงช่องว่างระหว่างกองหลังของปอร์โต้ แต่ไรซ์ ปล่อยโอกาสเปิดบอลยาวทิ้งไป และเลือกจ่ายคืนหลังกลับมาให้ วิลเลี่ยม ซาลิบา
การจ่ายคืนหลัง และการจ่ายบอลออกด้านข้าง กลายเป็นการเซ็ทธีมการเล่นของอาร์เซน่อล ตลอดทั้งเกมส์ที่โปรตุเกส เห็นได้จาก Pass Network ของอาร์เซน่อลที่เป็นเหมือนรูปตัว U หรือเกือกม้า นั่นหมายความว่าอาร์เซน่อลไม่สามารถเจาะแนว Mid block ของฝั่งเจ้าถิ่นได้เลย
อย่างไรก็ตาม คำตอบของอาร์เซน่อล ต่อคำถามของปอร์โต้ในเลกที่สอง เกิดขึ้นในนาทีที่ 74 เมื่อมีการส่ง จอร์จินโญ่ ลงมาในสนาม
แน่นอนว่า เดแคลน ไรซ์ คือองค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนต่อความสำเร็จของอาร์เซน่อลฤดูกาลนี้ แต่การจ่ายบอลที่เฉียบคม และซับซ้อนไม่ได้เป็นจุดเด่นที่สุดของเขา เมื่อจอร์จินโญ่เข้ามาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ การจ่ายบอลของเขา เรื่องสร้างรอยร้าวในโครงสร้างการป้องกันของปอร์โต้
ดังที่คุณเห็นด้านล่าง การจ่ายบอลครั้งแรกของเขาที่ไปยัง ไค ฮาแวร์ตซ์ ช่วยเร่งความร็วในเกมส์รุกในทันที และเปิดพื้นที่ในการสร้างโอกาสลุ้นประตูของอาร์เซน่อล แทนที่จะเลือกจ่ายออกข้าง จอร์จินโญ่ เลือกจะจ่ายบอลขึ้นหน้า ดึงกองกลางปอร์โต้ให้ออกจากตำแหน่ง และสร้างพื้นที่ว่างให้กับ มาร์ติน โอเดการ์ด และบูคาโญ ซาก้า และแนวป้องกันของปอร์โต้ต้องวิ่งถอยกลับลงไปที่หน้าประตูตัวเอง
ในเกมส์เลกที่สอง ทีมของอาร์เตต้า แสดงความตั้งใจมากขึ้นที่จะพยายามออกบอลไปข้างหน้ามากขึ้น แต่ก็ยังเจอรูปแบบการป้องกันที่น่าหงุดหงิดของปอร์โต้
ก่อนที่จะเป็น จอร์จินโญ่ ที่ขยับเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง
ดังที่คุณได้เห็นจากภาพด้านล่าง กองกลางทีมชาติอิตาลี ส่งสัญญาณให้กับ ฮาแวร์ตซ์ และซาก้า เคลื่อนที่กันมากขึ้น เวลาที่กองหลังของอาร์เซน่อลได้บอล หรือเรียกลงมาให้รับบอลสั้น ด้านหลังแผงกองกลางของปอร์โต้
จอร์จินโญ่ เป็นเสมือนวาทยากร ทั้งเวลาที่เป็นตัวกำหนดเกมส์ให้กับอาร์เซน่อล ทั้งเวลาที่เขาได้ครองบอล หรือไม่ได้ครองบอลเอง
ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองในนาทีที่ 40 ของเกมส์ ฮาแวร์ตซ์ รับรู้ได้ ด้วยการยืดแนวรับของปอร์โต้ แล้ววิ่งจากแนวลึกขึ้นไป บอลยาวของจอร์จินโญ่ โดนเวนเดล แบ็คของปอร์โต้ สกัดเอาไว้ แต่จะเห็นว่าโครงสร้างของปอร์โต้โดนขัดจังหวะ และเปิดโอกาสที่หาไม่ยากสำหรับอาร์เซน่อล
เมื่อบอลไปถึงทรอสซาร์ ที่อยู่ด้านข้าง โอเดการ์ด พบว่าตัวเองมีพื้นที่ว่างอยู่หน้ากรอบเขตโทษ ขณะที่แผงกองกลางของปอร์โต้ ดร็อปต่ำเกินไป ลูกจ่ายของโอเดการ์ด ผ่าน 3 ผู้เล่นของปอร์โต้ ก่อนที่ทรอสซาร์ จะจบสกอร์ได้อย่างชาญฉลาด
ต้องยอมรับว่า โครงสร้างการป้องกันแบบ Mid Block ของปอร์โต้ สร้างความอึดอั้นให้กับอาร์เซน่อลตลอดทั้งสองเลกที่พบกัน แต่พวกเขาได้ผ่านบททดสอบที่เข้มงวดในการเล่นบนเวทีที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป
รอบต่อไปถ้าหากอาร์เซน่อล ต้องจับสลากไปพบกับ อินเตอร์ มิลาน หรือแอตเลติโก มาดริด ที่เป็นสองทีมที่มีโครงสร้างเกมส์รับลักษณะคล้ายๆ กับปอร์โต้ แต่มีศักยภาพในกเกมส์รุกที่อันตรายกว่าปอร์โต้ ซึ่งก็ต้องเป็นโจทย์ที่พวกเขาต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ในการเจอรูปแบบป้องกันแบบนี้
สำหรับตอนนี้อาร์เซน่อล สามารถฉลองกันการผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของแชมเปี้ยนลีกได้เป็นหนแรกในรอบ 14 ปี แต่รอบต่อไป พวกเขาจะเจอกับทีมระดับท็อปของยุโรป แล้วมารอดูกันว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน