กาเบรียล มากัลเญส เซนเตอร์แบ็คบราซิเลี่ยน ย้ายจากลีลส์มาอยู่กับอาร์เซน่อลตั้งแต่ปีก่อน ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ แต่ปีแรกบนเกาะอังกฤษของเขาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด
เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของสโมสรสามเดือนติดต่อกัน แต่ฟอร์มโดยรวมของทีมไม่ดี ช่วงคริสมาสต์เขาติดเชื้อโควิด 19 ทำให้ช่วงครึ่งฤดูกาลเขาเข้าๆ ออกๆ ในการออกสตาร์ทให้กับทีม
กาเบรียลกล่าวว่า: "มันเป็นปีแห่งการเรียนรู้ แน่นอนว่าทีมมีช่วงเวลาที่แย่ แต่ผมเริ่มต้นได้ดี และโดยรวมผมคิดว่าเป็ปีที่ดีสำหรับผม ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และผมดูเติบโตมากขึ้นในปีนี้ ผมรู้จักลีกดีกว่าเดิมเช่นกัน"
เรื่องการสื่อสารทำให้ทุกอย่างง่ายกว่าเดิม แม้ว่ากาเบรียล จะเลือกให้สัมภาษณ์ด้วยภาษาโปรตุกีซ แต่เขาสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า: "ผมคิดว่าเหนือกว่าทุกอย่างในสนาม เรื่องภาษาเป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับผมในการปรับตัว"
"มีผู้เล่นหลายคนที่นี่ที่พูดฝรั่งเศส, โปรตุกีซ และสแปนิช ได้ แต่ในปีนี้ คุณต้องใช้ภาษาอังกฤษ และนั่นเป็นเรื่องยากสำหรับผม ภาษาอังกฤษของผมยังไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก แต่มันก็ดีกว่าเดิม และช่วยผมได้เยอะมาก"
กาเบรียลรู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่อาร์เซน่อลในตอนนี้ และปีก่อนไม่ใช่ครั้งแรกในอาชีพค้าแข้ง ที่เขาต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ที่บราซิล เขาเกิดอาการคิดถึงบ้านและเกือบจะหันหลังเลิกเล่นฟุตบอล หลังจากที่เขาต้องเดินทางออกจากเมืองเซาเปาโล ไปโฟเรียโนโปลิส ซึ่งห่างไป 500 ไมล์ เพื่อลงเล่นให้กับสโมสร Avai ตอนอายุ 14 ปี
จากนั้นการย้ายมาฝรั่งเศสตั้งแต่อายุ 19 ปีก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน ในท้ายที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของลีลส์ในที่สุด และได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในอังกฤษทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเอฟเวอร์ตัน แต่ความสำเร็จของเขา มันเริ่มต้นอย่างยากลำบาก ทั้งการต้องไปเล่นทีมสำรอง ไปเล่นแบบยืมตัวที่ทรัวซ์ และดินาโม ซาแกร็บ ที่โครเอเซีย
เขากล่าวว่า: "แน่นอน ผมสามารถพูดได้ว่าผมโตขึ้นเยอะมากในช่วงเวลาเหล่านั้น เพราะมีหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตของผม มันเป็นช่วงเวลาที่ผมได้เรียนรู้เยอะมาก และมันสร้างความแตกต่างอย่างมากในแง่ของการทำให้ผมเป็นผู้เล่นที่เป็นแบบทุกวันนี้ เมื่อผมอยู่ในสนาม ผมคิดย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ยากลำบากเล่านั้น และใช้มันเพื่อช่วยผม"
"สิ่งที่ยากที่สุดในการไปให้ถึงระดับที่สูงที่สุด คือผมต้องตระหนักว่าทุกวัน ผมต้องการทำงานอย่างหนักเพื่อพัมนา และรักษาสภาพร่างกายของตัวเอง และรวมถึงเรื่องเทคนิคด้วย"
กาเบรียล ให้เครดิตกับ ดาวิด ลุยซ์ รุ่นพี่ร่วมชาติที่ช่วยเขาในการปรับตัวที่อาร์เซน่อล เขายังขอบคุณ ปาโบล มารี และเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเช่นกัน แต่คนที่เขาต้องขอบคุณมากที่สุดก็คือ มิเกล อาร์เตต้า
เขากล่าวว่า: "เขาเป็นคนที่สุดยอดมาก ในการช่วยเหลือผู้เล่นของเขา และทีมงานของเขา เขาสนับสนุนเราในช่วงที่ยากลำบาก และผมดีใจมากที่ได้รับการฝึกสอนจากเขา ไม่มีข้อสงสัยใดเลย ผมได้เรียนรู้เยอะมากจากเขา เขาช่วยเราได้เยอะในสนาม"
"ในแง่ของการเตรียมตัว และเราที่เราจะใช้ เขานำทางเราไปข้างหน้า แต่เขาก็ยังถามคำถามกับเราเกี่ยวกับสิ่งที่เราอาจจะทำให้ดีกว่าเดิมเพื่อทีม การพูดคุยระหว่างนักเตะกับผู้จัดการทีมเป็นอะไรที่ดีมาก เราตอ้งการทำผลงานให้ดีเพื่อเขา เพราะนั่นคือสิ่งที่สมควรได้รับ เราได้เห็นเขาสนุกกับสิ่งที่เขาทำ และเราก็ต้องประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน"
ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ทุ่มเงิน 50 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว เบน ไวท์ กองหลังวัย 23 ปีมาจากไบรท์ตัน และกาเบรียล กับไวท์ ก็ยืนเป็นเซนเตอร์ร่วมกันตลอดสามเกมส์ที่ผ่านมา และพาอาร์เซน่อลเก็บ 9 คะแนนเต็ม
เขากล่าวว่า: "ขอบคุณพระเจ้าที่เราชนะสามเกมส์ด้วยกัน และเก็บได้สองคลีนซีต มันเป็นแค่การเริ่มต้น แต่ผมคิดว่าเราเป็นคู่พาร์ทเนอร์ที่ดี ในแง่ของความสามารถของเรา"
"ผู้จัดการทีมต้องการให้คู่เซนเตอร์เล่นเกมส์รับให้ดี เป็นอันดับแรก และเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาต้องการให้เรารู้ว่าจังหวะไหนควรจะรุก และจังหวะไหนควรจะรับ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามทำ และเรารู้ว่าอตอนนี้เมื่อไร่ที่ควรจะถอยต่ำ และเมื่อไรที่จะเติมขึ้นสูง การมีจังหวะเวลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญในสนาม และเขาพูดกับเราถึงเรื่องนี้เยอะมาก เขายังบอกว่าทุกเกมส์ล้วนยากหมดที่นี่ เพราะเราต้องเจอกับผู้เล่นที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน"
"เบน กับผม เรามีประสบการณ์เต็มๆ ในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว และเราก็รู้จักกันมากขึ้น เรายังต้องประสานงานกันให้ดีกว่านี้ แต่เรากำลังพัฒนาไปในทุกๆ เกมส์ เราต้องการเป็นกองหลังที่เล่นด้วยความดุดัน"
เมื่อพูดถึงความดุดัน เราได้เห็นเกมส์เมื่อวันอาทิตย์ กาเบรียล และไวท์ ชิงจังหวะเอาชนะผู้เล่นของสเปอร์ได้ตั้งแต่ต้นเกมส์จนจบเกมส์ รวมถึงในด้านสถิติ อาร์เซน่อลมีสถิติชนะในการแย่งบอลทั้งภาคพื้น และกลางอากาศที่ดีขึ้น รวมถึงการเข้าสกัดที่มากกว่าเดิม
นอกจากนี้กาเบรียล ยังพูดถึง แอรอน แรมส์เดล ผู้รักษาประตูคนใหม่ ที่เป็นอีกคนที่อาร์เซน่อลดึงเข้ามาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ เขากล่าวว่า: "แอรอน เป็นผู้รักษาประตูที่ดีมาก เขาเป็นอีกคนที่เขามาใหม่ และยังเด็กมาก และมีอนาคตที่อีกยาวไกล เขาช่วยเราได้เยอะ เขาสื่อสารในสนามได้เป็นอย่างดี และจ่ายบอลของเขาก็ดีมากเช่นกัน"
"มันสำคัญมากที่ๆ เรามีสปิริตในการต่อสู้ ต้องการที่จะเอาชนะ เมื่อคุณลงไปในสนาม คุณต้องการเอาชนะให้ได้ทุกเกมส์ แต่รวมถึงการแย่งบอลทุกครั้งด้วย เราได้เห็นถึงวิธีการตอบสนองจากแฟนบอลทุกครั้งที่เราเข้าสกัด และทุกครั้งที่จ่ายบอลดีๆ เมื่อวันอาทิตย์ มันไม่เพียงแค่การยิงประตู เราต้องการความกระหายแบบนี้ในทุกเกมส์ ทุกครั้งที่แย่งบอล การได้รับแรงเชียร์จากแฟนบอลมันทำให้เราลุยไปข้างหน้าได้"
"ผมเชื่อว่าเราจะมีฤดูกาลที่ดีกว่านี้ ผมเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จมากขึ้น"
จับคู่ไวท์, ซูฮกพี่ต้าร์ยอดโค้ช!! สัมภาษณ์พิเศษ "กาเบรียล มากัลเญส" เซนเตอร์ปืน
Started by
Admin
, Oct 01 2021 10:41 PM, 11 replies to this topic
#1
Posted 01 October 2021 - 10:41 PM
#3
Posted 02 October 2021 - 03:22 AM
อาร์เตต้า ค่อนข้างได้ใจนักเตะ ส่วนหนึ่งที่กลับมาได้ จากแพ้รวด 3 นัดเพราะยังไม่เสียห้องแต่งตัว นักเตะยังเอาโค้ชอยู่ ถ้าเทียบกับเอเมรี เสียห้องแต่งตัวไป พอหลุดแล้วก็หลุดเลย
กาเบรียล พอสื่อสารได้ ก็จับคู่กับใครก็ได้ ปีก่อนเล่นได้กับแค่เฮียลุยซ์ พอเล่นกับโฮลดิ้งเลอะเทอะเลย
กาเบรียล พอสื่อสารได้ ก็จับคู่กับใครก็ได้ ปีก่อนเล่นได้กับแค่เฮียลุยซ์ พอเล่นกับโฮลดิ้งเลอะเทอะเลย
#8
Posted 02 October 2021 - 10:39 AM
เด็กยังไงก็คือเด็ก ช่วงเสริมตลาดซัมเมอร์ได้เด็กมีทักษะมา 6คน เชื่อว่าไม่มีใครหวังถึงท็อปโฟร์แน่นอน ถึงเด็กจะมีทักษะที่ดี แต่หากขาดประสบการณ์เมื่อเจอกับเกมที่กดดัน เมื่อประสบการณ์ไม่ถึงมันก็ต้องมีหลุดฟอร์มเป็นธรรมดา จากที่ 8 ปีที่แล้วปีนี้ใครจะหวังท็อปโฟร์ก็แล้วแต่แต่ผมหวังแค่ top six บางคนเห็นฟอร์มนัดเจอสเปอร์ครึ่งแรก อาจจะคิดหวังไปถึงท้อปโฟร์แล้ว แล้วถ้าเกิดสิ้นฤดูกาลไม่ได้ท็อปโฟร์ขึ้นมาล่ะ ก็จะด่าทีม ด่าผู้จัดการเหมือนเดิมหรือเปล่า หากจะบอกว่าทีมเราลงทุนไปเยอะมันก็ใช่ แต่การทำทีมรอบนี้ไม่ใช่ดึงตัวนักเตะเพื่อมาทำแชมป์
อย่างที่เรารู้กันดีว่านี่คือการวางแผนเพื่ออนาคต และก็เน้นทำปัจจุบันให้ดีไปทีละนัด การทำtop six ได้มันก็ดีกว่า 2 ปีก่อน และเด็กๆของเราจะเติบโตขึ้นอย่างรู้ใจมากขึ้น คู่แข่งอย่างเวสต์แฮม สเปอร์ส เลสเตอร์ เอฟเวอร์ตัน วิลล่าก็ยังเป็นทีมที่สู้ด้วยไม่ง่ายเสมอ ยิ่งไปเจอ ลิเวอร์ แมนยู เชลซี แมนซิตี้ด้วยแล้วยิ่งเป็นงานยาก
ความหวังที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงอาจทำให้ผิดหวังได้ง่าย อย่างเกมที่จะพบกับไบรตันแม้แต่ rating ของฟอร์มนักเตะโดยเฉลี่ยไบรท์ตันยังสูงกว่าเราเลย นั่นคือความเป็นจริง แต่นัดนี้ผมก็หวังให้ชนะ
เชียร์นัดต่อนัดวิเคราะห์กันไปตามเหตุผลความจำเป็น ความพร้อมของตัวผู้เล่น การแก้เกมของผู้จัดการทีมจะดีที่สุด บางคนไม่ได้ดู full match ก่อนจะมาวิจารณ์ด้วยซ้ำ ลืมไปได้เลยว่าจะไปดูบทวิเคราะห์วิจารณ์แทคติกและความพร้อมของผู้เล่นของสื่อต่างประเทศหรือเปล่า
ผมไปดูในบอร์ดของเลสเตอร์มีแฟนบางคนบอกว่าฟอร์ม leicester ตอนนี้ตกชั้นแน่ พวกแฟนที่รักเลสเตอร์จริงๆถึงกับไล่แฟนกลุ่มนี้ให้ไปเชียร์ทีมอื่นได้เลย ยามเจ็บเจ็บไปด้วยกัน เขาช่วยปลอบใจกัน เป็นกำลังใจให้กันนั่นคือคำว่ารักทีม
เมื่อทีมเรามีขุมกำลังที่ดีพอ แต่ถ้าเรายังมีพ่อเก้เป็นเจ้าของสโมสร ยังไงก็สู้แมนซิตี้กับเชลซี ที่จะดึงตัวท๊อประดับโลกมาประดับทีมไม่ได้ การจะดึงผู้จัดการทีมเก่งๆมาทีมเรา เราก็ต้องมีตัวผู้เล่นระดับท็อปๆอยู่เยอะ ถึงจะหวังลุ้นแชมป์และเป็นแรงดึงดูดให้ผู้จัดการทีมเก่งๆอยากจะมาคุมทีมเรา
สำหรับผมความหวังสูงสุดขอแค่ในวันนึงอาร์เซนอลได้ไปยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกบ่อยๆ ต่อให้ไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมยูฟ่าเลยมันก็คงดีมากพอแล้ว แล้วถ้าเกิดว่าทีมเกิดได้แชมป์ใหญ่ๆขึ้นมาแน่นอนตอนดีใจผมต้องดีใจสุดเหวี่ยงชัวๆ แต่ตอนที่ทีมล้มเหลวผมก็ยังไม่ทุกข์จนหัวร้อนแน่นอนเช่นกัน และผมเชื่อว่าผมมีความสุขในการเชียร์อาร์เซนอลมากกว่าใครหลายคน แค่ได้เห็นว่าตอนนี้ทีมเรามีความพยายามจะเปลี่ยนแปลงก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
อย่างที่เรารู้กันดีว่านี่คือการวางแผนเพื่ออนาคต และก็เน้นทำปัจจุบันให้ดีไปทีละนัด การทำtop six ได้มันก็ดีกว่า 2 ปีก่อน และเด็กๆของเราจะเติบโตขึ้นอย่างรู้ใจมากขึ้น คู่แข่งอย่างเวสต์แฮม สเปอร์ส เลสเตอร์ เอฟเวอร์ตัน วิลล่าก็ยังเป็นทีมที่สู้ด้วยไม่ง่ายเสมอ ยิ่งไปเจอ ลิเวอร์ แมนยู เชลซี แมนซิตี้ด้วยแล้วยิ่งเป็นงานยาก
ความหวังที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงอาจทำให้ผิดหวังได้ง่าย อย่างเกมที่จะพบกับไบรตันแม้แต่ rating ของฟอร์มนักเตะโดยเฉลี่ยไบรท์ตันยังสูงกว่าเราเลย นั่นคือความเป็นจริง แต่นัดนี้ผมก็หวังให้ชนะ
เชียร์นัดต่อนัดวิเคราะห์กันไปตามเหตุผลความจำเป็น ความพร้อมของตัวผู้เล่น การแก้เกมของผู้จัดการทีมจะดีที่สุด บางคนไม่ได้ดู full match ก่อนจะมาวิจารณ์ด้วยซ้ำ ลืมไปได้เลยว่าจะไปดูบทวิเคราะห์วิจารณ์แทคติกและความพร้อมของผู้เล่นของสื่อต่างประเทศหรือเปล่า
ผมไปดูในบอร์ดของเลสเตอร์มีแฟนบางคนบอกว่าฟอร์ม leicester ตอนนี้ตกชั้นแน่ พวกแฟนที่รักเลสเตอร์จริงๆถึงกับไล่แฟนกลุ่มนี้ให้ไปเชียร์ทีมอื่นได้เลย ยามเจ็บเจ็บไปด้วยกัน เขาช่วยปลอบใจกัน เป็นกำลังใจให้กันนั่นคือคำว่ารักทีม
เมื่อทีมเรามีขุมกำลังที่ดีพอ แต่ถ้าเรายังมีพ่อเก้เป็นเจ้าของสโมสร ยังไงก็สู้แมนซิตี้กับเชลซี ที่จะดึงตัวท๊อประดับโลกมาประดับทีมไม่ได้ การจะดึงผู้จัดการทีมเก่งๆมาทีมเรา เราก็ต้องมีตัวผู้เล่นระดับท็อปๆอยู่เยอะ ถึงจะหวังลุ้นแชมป์และเป็นแรงดึงดูดให้ผู้จัดการทีมเก่งๆอยากจะมาคุมทีมเรา
สำหรับผมความหวังสูงสุดขอแค่ในวันนึงอาร์เซนอลได้ไปยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกบ่อยๆ ต่อให้ไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมยูฟ่าเลยมันก็คงดีมากพอแล้ว แล้วถ้าเกิดว่าทีมเกิดได้แชมป์ใหญ่ๆขึ้นมาแน่นอนตอนดีใจผมต้องดีใจสุดเหวี่ยงชัวๆ แต่ตอนที่ทีมล้มเหลวผมก็ยังไม่ทุกข์จนหัวร้อนแน่นอนเช่นกัน และผมเชื่อว่าผมมีความสุขในการเชียร์อาร์เซนอลมากกว่าใครหลายคน แค่ได้เห็นว่าตอนนี้ทีมเรามีความพยายามจะเปลี่ยนแปลงก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
#11
Posted 03 October 2021 - 04:21 AM
ที่พูดมาแสดงว่าความผิดของผู้จัดการทีมล้วนๆไม่เกี่ยวกับตัวผู้เล่นเลย ไม่เกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้เล่นเลย ไม่เกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของไบรท์ตันเลย ไม่เกี่ยวกับอายุเด็กๆพวกนี้ถ้ามีผู้จัดการทีมเก่งๆคงมีความสามารถและประสบการณ์เหนือกว่าสินะ พูดสั้นๆแต่บอกอะไรได้มากมายเลยว่าความรู้ที่ใช้ในการวิเคราะห์เยอะแค่ไหน เก่งจริงๆ นี่ชมนะไม่ได้ว่า น่ายกย่องจริงๆดูแล้ว 3 วันดี 4 วันไข้ แนวทางการเล่นสู้โค้ชไบตันไม่ได้เลย
ปล.ไบรท์ตันนะไม่ใช่ไบตัน
0 user(s) are reading this topic
0 members, 0 guests, 0 anonymous users