ถ้าชัยชนะของอาร์เซน่อล เหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่งนั้น เพราะมันเป็นชัยชนะสำคัญอยู่ 2 ส่วนร่วมกัน ในแง่หนึ่งอาร์เซนอ่ลเอาชนะแมนยูได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกเขาครองเกมส์ได้มากกว่า สร้างโอกาสได้มากกว่าอย่างชัดเจน อีกด้านคือความดราม่าในการมายิงประตูชัยช่วงท้ายเกมส์ได้แบบสุดสะใจ
กับเกมส์นี้สิ่งที่อาร์เซน่อล ทำได้ดีกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจน คือการจัดระเบียบของทีมเวลาที่ไม่ได้ครองบอล
เราได้เห็นตั้งแต่ 90 วินาทีแรก รูปแบบการเล่นของยูไนเต็ดในระบบ 4-2-3-1 ยูไนเต็ดใช้แบ็คโฟร์ แล้วมีกองกลางสามคนคือ แม็คโทมิเนย์, อีริคเซ่น และบรูโน่ ช่วยป้องกันแผงแบ็คโฟร์ แต่ผู้เล่นริมเส้นของพวกเขาทั้ง มาร์คัส แรซฟอร์ด กับแอนโทนี่ พวกเขายืนอยู่สูงมาก นั่นหมายความว่าอาร์เซน่อล สามารถใช้พื้นที่ด้านนอกของโฮลดิ้งมิดฟิลด์ของยูไนเต็ด ในการโจมตีได้แบบง่ายๆ
ชินเซนโก้ ลอยขึ้นมารับบอลบริเวณ Half Space ก่อนที่จะจ่ายบอลออกด้านข้างให้กับมาร์ติเนลลี่ ที่ไม่มีใครตามประกบ ก่อนที่เขาจะจ่ายตัดหลังกลับมาให้กับ โอเดการ์ด แต่จังหวะนี้กัปตันทีมอาร์เซน่อลย้งไปติดบล็อคผู้เล่นของยูไนเต็ด
แต่นี่กลายเป็นรูปแบบของเกมส์นัดนี้ ริมเส้นของยูไนเต็ดกลับสู่ตำแหน่งได้ช้า เปิดพื้นที่ให้กับอาร์เซน่อล และมีเวลาในพื้นที่ด้านข้าง อย่างจังหวะนี้ มาร์ติเนลลี่ กำลังพยายามที่จะเอาชนะ วาน บิสซาก้า ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เราเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง แล้วเป็นอีกครั้งที่เราเห็นพื้นที่ว่างด้านนอกของคู่กลางของยูไนเต็ด
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่าง กรานิต ชาคา กำลังเติมขึ้นอยู่บริเวณด้านนอกของ แม็คโทนิเนย์ ส่วนทางด้าน แรซฟอร์ด ค่อยๆ เดินกลับเข้าสู่ตำแหน่งอย่างช้าๆ ทิ้งโอเดการ์ดให้มีพื้นที่ว่าง
ขณะที่เรามามองอารืเซน่อล พวกเขาทำได้น่าประทับใจกับการกระชับพื้นที่เวลาที่ไม่ได้ครองบอล นี่คือการยืนบล็อกแบบ 4-4-2 ในช่วงต้นเกมส์ กาเบรียลขยับขึ้นมาบีบผู้เล่นแนวรุกของยูไนเต็ด และมาร์ติเนลลี่ถอยไปยืนตำแหน่งแทน ขณะที่ชาคา ขยับไปตรงพื้นที่กองกลางฝั่งซ้าย ตรงจุดนี้เราจะเห็นผู้เล่นของอาร์เซน่อล สามารถทดแทนตำแหน่งซึ่งกันและกันได้
เราจะได้เห็นผู้เล่นริมเส้นของอาร์เซน่อล ทั้งมาร์ติเนลลี่ และบูคาโญ ซาก้า ลงมาช่วยฟูลแบ็คในการเล่นเกมส์ป้องกัน นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่ทางยูไนเต็ดจะหาช่องเจาะเข้าไปได้
อาร์เซนอ่ลเป็นทีมที่ฉลาดมากในการหาช่องว่างระหว่างผู้เล่นของยูไนเต็ด อย่างในจังหวะนี้ที่ชาก้า วิ่งสอดเข้าไปในพื้นที่ว่าง ก่อนที่จะจ่ายบอลเข้าให้ปาร์เตย์ ยิงหลุดกรอบออกไป
ประตูตีเสมอ 1-1 ของอาร์เซน่อล เริ่มจากจังหวะได้เล่นลูกตั้งเตะ ที่อาร์เซน่อลเลือกที่จะเล่นเตะมุมสั้น โดยมีกลุ่มผู้เล่น 4 คนอยู่ตรงนั้น นักเตะอาร์เซน่อลค่อยๆ ต่อบอล จนหาช่องว่างได้ และจบลงด้วยการที่ชาคา ได้ครอสบอลเข้าใน ก่อนที่เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ จะโฉบตัดหน้า วานบิสซาก้า ที่เสาสอง
แต่อาร์เซน่อลก็ยังคงคุกคามได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในจังหวะโอเพ่นเพลย์ ซึ่งทางยูไนเต็ดก็เปิดช่องว่างให้เข้าโจมตีเสมอ อีกครั้งที่แรซฟอร์ดไม่ได้อยู่ในภาพ ดังนั้นโอเดการ์ดจ่ายบอลไปให้กับซาก้าง่ายๆ และปล่อยให้ทาง ลุค ซอว์ โดดเดี่ยว
ทำไมแมนเชสเตอร์ ยูไนเ๖้ด พยายามทำอะไรกับรูปแบบการป้องกันแบบเปิดของพวกเขา? อย่างน้อยคิดว่าพวกเขา พยายามรักษาผู้เล่นบริเวณด้านบนเอาไว้ เพื่อใช้สำหรับการโต้กลับเร็ว อย่างในจังหวะที่เว็กฮอร์สต์ พักบอลได้ ก่อนจะจ่ายออกไปด้านข้างให้กับแอนโทนี่ แม้ว่าปีกแซมบ้าจะทำอะไรไม่เกิดประโยชน์ในจังหวะนี้ก็ตาม
อีกจังหวะของแรซฟอร์ด ที่ไม่ต้องรับผิดชอบเกมส์รับอะไรมาก แน่นอนว่ายูไนเต็ดหวังกับจังหวะอะไรแบบรูปด้านล่าง กับการที่อาร์เซน่อลเปิดพื้นที่ด้านหลัง และใช้ความเร็วของแรซฟอร์ดเข้าทำ เพียงแต่จังหวะนี้แรซฟอร์ดอ่านทางบอลพลาด เลยทำให้กาเบรียล สามารถกลับมาเข้าตำแหน่งได้ทัน ถ้าหากลูกนี้แรซฟอร์ดเล่นได้ ทางแอนโทนี่ จะมีพื้นที่ว่างในการทำประตู แบบเดียวกับที่พวกเขาเล่นงานอาร์เซน่อลได้ 3-1 ที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด
ในแง่ของการไล่เพลสซิ่งก็เช่นเดียวกัน ยูไนเต็ดก็ถูกทลายการเพลสซิ่งได้อย่างง่ายดาย ด้วยการเล่นที่ใจเย็นของนักเตะอาร์เซน่อล ในครึ่งหลังนักเตะยูไนเต็ด 5 คนมุ่งมั่นที่จะเข้าเพลสซิ่ง แต่มีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ทำให้ชินเซนโก้ สามารถเจาะแดนกลางเข้าไปหาปาร์เตย์ได้อย่างง่ายดาย แล้วโอเดการ์ดก็เรียกบอลในพื้นที่ว่าง
รูปแบบเดียวกับครึ่งเวลาแรก ก็ยังจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในครึ่งเวลาหลัง ยูไนเต็ดป้องกันโดยใช้ผู้เล่นเพียงแค่ 6 คน ทำให้อาร์เซน่อลมีอิสระทั้งสองทาง และโอเดการ์ดก็มีพื้นที่ว่างสำหรับรอรับบอล
ประตูแซงนำ 2-1 มาจากบูคาโซ ซาก้า มันเป็นการยิงประตูที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว แต่มันก็เป็นภาพเดิมๆ ที่เราไม่ได้เห็นแรซฟอร์ดมาอยู่ในเฟรมด้วยซ้ำ ปล่อยให้กองกลางอย่างอีริคเซ่น ต้องขยับออกมาป้องกันซาก้า แล้วปล่อยพื้นที่ว่างด้านใน มันเป็นการเปิดโอกาสให้กับซาก้าได้ตัดเข้าในและยิงประตู แม้ว่าจะมีทางเว็กฮอร์สต์ พยายามเข้ามากดดัน
และซาก้า เกือบที่จะทำประตูในรูปแบบเดิมได้อีกครั้ง แต่หนนี้อีริคเซ่น สามารถบล็อกลูกยิงได้แบบหวุดหวิด แล้วบอลแฉลบเข้าไปชนเสานอก
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่าง ของการขาดความรับผิดชอบ หรือการขาดความมุ่งมั่นของแรซฟอร์ด ที่จะกลับมาช่วยป้องกันชอว์
แรซฟอร์ด เสียบอล บริเวณกรอบเขตโทษของอาร์เซน่อล ในขณะที่ เว็กฮอร์สต์, บรูโน่ และแอนโทนี่ วิ่งถอยกลับมาเพื่อจัดรูปแบบเกมส์รับ อีกครั้งที่เราไม่ได้เห็นแรซฟอร์ดอยู่ในเฟรม นั่นทำให้โอเดการ์ดมีเวลาในการครองบอล ในขณะที่ซาก้าก็มีพื้นที่ว่างบริเวณด้านนอก แล้วสังเกตุเว็กฮอร์ทซ์ พยายามมองหาว่าแรซฟอร์ดอยู่ตรงไหน
เอริค เทน ฮาก พยายามที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการส่ง เฟร็ด ลงมา แล้วขยับ อีริคเซ่นไปเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ส่วนทางด้านบรูโน่ ไปเล่นริมเส้นฝั่งขวา ซึ่งเฟร็ด ทำได้ดีกว่าอีริคเซ่นในการปิดช่อง ปิดพื้นที่
แต่มันก็เหมือนเป็นการไปเปิดช่องอื่นให้กับอาร์เซน่อล และเป็นช่องที่ทำให้อาร์เซน่อลคว้าชัยชนะในเกมส์นี้ วานบิสซาก้า ถูกลากออกไปริมเส้น ทำให้เกิดพื้นที่ว่างขึ้น ซึ่งจังหวะนี้ ซาก้าขยับเข้าไปในพื้นที่ว่าง แล้วชินเชนโก้ก็ฝากบอลเข้าไปอย่างชาญฉลาด ทำให้ซาก้าได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากๆ ส่วนทางด้านเอ็นเคเทียห์ กับซาก้า ก็วิ่งเข้าสู่กรอบ 6 หลาเพื่อหวังทำประตู
ในที่สุดอาร์เซนอ่ลก็เป็นผู้คว้าชัยชนะได้สำเร็จ ในนาทีที่ 90 เป็นอีกครั้งที่ยูไนเต็ด ไม่ต้องป้องกันกองกลางของตัวเอง มีพื้นที่มากมายอยู่ด้านหน้าของ วาน บิสซาก้า ตัวสำรองอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์ มีพื้นที่เล่นอย่างอิสระ และดึงตัววาน บิสซาก้า เข้ามา ทำให้ ชินเซนโก้มีพื้นที่ว่างสำหรับการโอเวอร์แล็ปขึ้นมา
และชินเซนโก้ จ่ายบอล cut-back กลับมาเข้ามาที่โอเดการ์ด ที่วิ่งเติมเข้ามาในกรอบเขตโทษ อีกครั้งที่กัปตันทีมอาร์เซน่อล จบสกอร์ได้ไม่ดีพอ แต่ลูกยิงของเขาแฉลบไปเข้าทาง เอ็นเคเทียห์ ที่สะกิดบอลเข้าไปตุงตาข่าย
สำหรับอาร์เซน่อล เป็นชัยชนะที่พวกเขาคู่ควร สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการยืนตำแหน่งตอนที่ไม่ได้ครอบครองบอล แต่กับการต้องเล่นกับทีมที่กำลังเล่นกันได้อย่างไหลลื่นอย่างอาร์เซน่อล ท้ายที่สุดมันมักจะจบลงด้วยน้ำตา
[Tactic Analysis] ทำไมเกมส์รับของแมนยู จึงถูกทัพปืนใหญ่บดขยี้จนพังทลาย
#1
Posted 24 January 2023 - 11:12 AM
#2
Posted 24 January 2023 - 11:32 AM
ครึ่งแรกนักเตะอาร์เซน่อลเล่นกันเกร็งเกินไปหน่อย และสังเกตุว่า 2 ประตูที่เราเสีย ไม่ได้เกิดจากการสร้างเกมส์ของแมนยูเลย เป็นความผิดพลาดของเราเองทั้งสองลูก ครึ่งหลังอาร์เซน่อล เล่นได้เหนือกว่า แต่จะมามีเนื่อยๆ ไปหน่อยหลังนำ 2-1 จนมาโดนตีเสมอ 2-2 ก่อนจะเดินหน้าฆ่ามันในช่วง 20-25 นาทีสุดท้าย และได้ประตูชัยในที่สุด
ภาพรวมเกมส์รับของแมนยู ก็ทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ ทำให้อาร์เซน่อลเจองานยากกว่าที่คิดเอาไว้ แบ็คโฟร์ กับ 3 กองกลางของแมนยูยืนตำแหน่งได้ค่อนข้างเป็นระเบียบ ก็ต้องชม เทก ฮาก ที่ทำให้ทีมเล่นเป็นระบบมากขึ้นกว่ายุคโอเล่ หรือรังนิค ที่แมนยูค่อนข้างสะเปะสะปะ แต่อย่างที่บทความนี้ ปีกแมนยูไม่ค่อยลงมาเล่นเกมส์รับ อาจเพราะเทกฮาก เดินพันกับจังหวะโต้กลับเร็วที่หวังจะเล่นงานอาร์เซน่อลได้อีกครั้ง
ส่วนอาร์เซน่อลเรา เรื่องโครงสร้าง เรื่องระบบมันชัดเจนมากอยู่แล้ว แต่ยังสามารถขัดเกลาให้เล่นได้เนียนกว่านี้ได้อีก แต่ที่ชอบสุดคือเรื่อง Metality ถ้าเป็นสมัยก่อน อาร์เซน่อลก็คงเอาแค่เสมอพอ ไม่เล่นเสี่ยง แต่ตอนนี้คือต้องเอาชนะให้ได้ คล้ายกับนัดลิเวอร์พูล ที่เราบดบี้ลิเวอร์พูลจนได้ลูก 3-2
#3
Posted 24 January 2023 - 01:11 PM
ความคิดผม ที่แมนยูเสียให้เรา 3 ลูก ส่วนนึงมาจากการขาดคาสิมิโร + แมนยูเล่นนัดการสัปดาห์ ซึ่งเราไม่ได้เล่น แถมอายุเด็กเราน้อยกว่า
เห็นได้ว่าอิริคเซ่น อ่อนลงไป ,แม็กโทฯ เข้ามาแทนคาซิมิโร แต่ยังไม่ลงตัว แทบไม่มีบทบาท ถ้ามีคาซิมิโร่อยู่ผมว่าซาก้าไม่ได้ยิงลูกที่ 2 (เราเจาะเก่งด้วย จนเจอบ่อแถวๆ วานบิสซาก้า หลังจากนั้นก็เจาะเอาๆ จนรั่วเลย) ,แรชฟอร์ดเองท้ายเกมก็หมดเหมือนกันขณะที่ ซาก้า,เอ็ดดี้ เรายังวิ่งพล่านอยู่
ส่วนการเล่นนัดกลางสัปดาห์ + บางคนอายุเยอะ มีผลครึ่งหลัง 30 นาทีสุดท้าย เราชกฝ่ายเดียวแบบเซไปเซมา จนเอ็ดดี้ เสยปลายคางล้มจนได้ เรียกว่าถ้าไม่ชนะก็เสียดายมาก
ส่วนการที่เราเสียประตู ผมคิดไว้ก่อนหน้าแล้วว่า ต้องยกให้แรซฟอร์ด 1 ลูก แน่ๆ เลยแช่งให้เจ็บนัดก่อนหน้า แต่ดันหนังเหนียว กลับมายิงได้เฉยเลย จริงๆ ไวท์ ไม่ใช่เล่นไม่ดีหรอก แต่ไปเจอแรชฟอร์ดในจังหวะนี้ เลยต้องเสียใบเหลืองเร็ว ทำให้เล่นยากขึ้น
ลูกที่สองที่เสีย ผมมองว่าพี่ต้าเปลี่ยนโทมิลงมาเร็วเกินไป โทมิยังปรับตัวไม่ทัน ขณะที่ต้นครึ่งหลังแมนยูเริ่มปุ๊บ โหมบุกอย่างหนัก จนกลายเป็นว่าโทมิกับแรมเดลไม่เข้าใจกัน (มาติเนซ ดันโหม่งได้เหลี่ยมดีซะอีก) ก็เลยต้องเสียลูกที่ 2
สถิติเรา ยิง 24 ตรงกรอบ 5 (น้อยจัง) เป็นประตู 3 ,ผีแดง ยิง 6 (เอง) ตรงกรอบ 4 (เยอะจัง) เป็นประตู 2 (33.33% เลยนะ)
ถ้าเป็นเกม เราผ่านด่านผีไปแล้ว (เสมอกัน ชนะ 1 แพ้ 1) ต่อไปด่านเรือ จะแย่งแต้มมาได้มั้ย รอดู
#6
Posted 24 January 2023 - 02:45 PM
ผมเองนั่งดูยังแกรงเลย แล้วนักเตะจะขนาดไหน แต่ต้องยอมรับว่า เด็กๆชุดนี้ ใจมันได้มากๆ
ลูกแรกที่โดนยิ่ง สิ่งที่ผมได้ยินต่อมาไม่กินวินาที คือ เสียเชียร์ของแฟนบอลอาร์เซนอล
ซึ่ง ณ จุดๆนี้ก็มีความสำคัญมากๆ กัปตันทีมมีพลังแรงบวก ทำให้นักเตะมีกำลังใจ
คืนนั้นใจบอกเลย ไม่อยากได้แค่เสมอ ไม่งันนอนไม่หลับแน่ๆ เพราะเราเล่นดีมาก
และคนที่ไม่คาดคิด แทบจะไม่ได้หวังเลยกับน้องเอ็นเคเทียห์ แต่กลับมาทำได้ในเกมนี้
ผมว่า สิ่งที่จะตอบแทนนักเตะชุดนี้ได้คือแชมป์ครับ น้องๆควรจะได้รับสิ่งนั้น ในฤดูกาลนี้
ไม่ได้คาดหวัง แต่อยากให้มันไปให้ถึงจริงๆ เพราะน้องๆมีความมุ่งมั่นตั้งใจกันมากๆ
#9
Posted 25 January 2023 - 10:30 AM
เชื่อว่าปีหน้าจะมีการขยับ 11 ตัวจริงอีกแน่ ๆ โดยเฉพาะตำแหน่งของ xhaka ที่ควรจะหานักเตะที่เหมาะสมเข้ามาเสริมได้ ค่อนข้างเสียดาย tactic ในการดัน xhaka ไปเล่นเกมรุก หลายๆครั้งมีโอกาศแต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ถ้าเป็นตัวที่มีสมดุลมากกว่านี้คงจะดีมากๆ คงด้วยธรรมชาติของตัว xhaka เองที่ไม่ใช่คนที่มีเทคนิคแพรวพราว หรือมีความเร็วมากพอ เลยทำให้บางครั้งจะเห็นว่าเค้าทำอะไรได้ไม่มากในกรอบเขตโทษ
อีกตำแหน่งที่ผมมองว่าสามารถยกระดับได้คือตำแหน่งของ martinelli ที่หลังจากกลับมาจากบอลโลกดูจะดร็อปลงไปมาก การเลี้ยงกินตัว เลี้ยงหนีกองหลัง ไม่รู้หายไปไหนหมด
#10
Posted 15 February 2023 - 06:43 PM
Make 1000% and more within 1 day, join channel @pump_upp !
0 user(s) are reading this topic
0 members, 0 guests, 0 anonymous users