[ส่องกล้องมองปืนโต] เกิดอะไรขึ้นกับก๊วน “British Core” !?
โดย : - มาสเตอร์ ริท -
ภาพติดตาเมื่อครั้งปี 2012 ยังคงมิจางหาย .. ผมยังจำได้ดีถึงความตื้นตัน ณ วันนั้น 5 หนุ่ม แห่งอนาคต ที่เราเรียกกันว่า ‘บริติช คอร์’ ต่างรายล้อมแอ็คชั่นจรดสัญญาฉบับใหม่ให้เหล่าสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” ได้ชื่นฉ่ำหัวใจ ..
ก็นานมาแล้วที่ถูกค่อนขอดว่าเป็นทีม “นานาชาติ” ไม่ใช่เรื่องแปลกหากแฟนบอลอาร์เซน่อลทั้งหลายจะแอบตั้งความหวังกับทั้งหกหน่อ (รวมธีโอ วัลค็อตต์) ราวกับเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ผู้มากู้หน้าให้เหล่าวัยรุ่นแห่งสหราชอาณาจักร
ในขณะที่ใครต่อใครต่างมีเด็กท้องถิ่นเป็นตัวชูโรง ทีม ‘ปืนโต’ กลับทำได้แค่เป็นที่พักพิงพร้อมฉายแสงเจิดจรัสให้แข้งต่างชาติ ..
กาลเวลาผ่านไปกองทัพ “บริติช คอร์” ได้ขุมกำลังผู้มาจากทัพอสูรอย่าง ‘แดนนี่ เวลเบ็ค’ ตามมาสมทบ หนทางอนาคตของทีมดังจากลอนดอนเริ่มสดใส จากทีมที่เคยโดนกระแนะกระแหนว่า เป็นแค่ที่พักพิ่งชาวต่างชาติบัดนี้อาร์เซน่อลกำลังจะกลายร่างเป็น “ศูนย์ความหวัง” ของชาติในไม่ช้า ..
ทว่าก็เป็นอีกครั้งที่เหล่าฮีโร่แห่ง “British Core” ต้องแพ้ให้กับบรรดายอดแข้งจากนอกเกาะ 3 ปีต่อมา จาก ตัวความหวังที่แฟนบอล “เดอะ กันเนอร์ส” ในอังกฤษเคยฝากอนาคตไว้ มาบัดนี้ เหล่าแกนนำที่เคยทำหน้ายิ้มเฉ่งในครั้งที่แอ็คท่าจับปากกาวันนั้นต่างกระเด็นกระจัดกระจายไปคนละทิศ-คนละทาง ..
เกิดอะไรขึ้นกับ “British Core” ผู้ไม่ต่างกับตัวความหวังของทีม !?
คาร์ล เจนกินสัน เป็นรายแรกที่มีอันต้องพ่ายให้กับเหล่าจอมพลัง จากฟูลแบ็คอนาคตไกลที่เวนเกอร์ไปคว้ามาจากชาร์ลตันทว่าด้วยสไตล์ที่ทื่อตรงไร้ซึ่งลีลาตามเชื้อสายอังกฤษทำให้ไม่อาจเบียด มาติเยอ เดอบูชี่ ได้ก่อนจะต้องระเหจระเหินไปชุบตัวกับเวสต์แฮมในเวลาต่อมา ..
แม้จะเป็นเพียงแค่สัญญายืมตัวแต่ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ เฮคตอร์ เบเยริน เช่นนี้ คงไม่แปลกหากซีซั่นต่อมา เจนกินสัน จะทำได้เพียงแค่นั่งจับเจ่าตบยุงข้างสนามไปทั้งฤดูกาล
เขยิบมาที่ แจ็ค วิลเชียร์ และ แดนนี่ เวลเบ็ค คงไม่มีใครปฏิเสธถึงความยอดเยี่ยมของสองยอดแข้งอนาคตไกลนี้ แต่ก็เช่นเดียวกัน ทั้ง “หนูแจ็ค” และ “เทพแดน” ต่างโดนอาการบาดเจ็บพรากพรสวรรค์ที่มีด้วยการนอนแช่อยู่แต่ในโรงหมออันมี “โธมัส โรซิคกี้” เป็นเจ้าของกิจการ ..
ไอครั้นจะไปฝากความหวังไว้ที่พี่ใหญ่สุดแห่งก๊วนอังกฤษอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์ ก็คงจะไม่ได้ จากเจ้าหนูมหัศจรรย์ที่เคยถูก สเวน โกรัน อิริคสันน์ หนีบไปทัวร์บอลโลก 10 ปีต่อมา “หนุ่มธีโอ” กลับทำได้แต่ย่ำหยุดกับที่ ในสโมสรไม่แปลกที่จะเป็นแค่พระรองของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กระทั่งเส้นทางในทีมชาติก็โดนน้องใหม่ไฟแรงอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แซงโค้งไปแล้ว
ส่วนพวกที่เหลืออยู่อย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, คาลั่ม แชมเบอร์ส รวมถึง คีแรน กิ๊บบ์ส คงมิต้องพูดถึง เอาแค่ถูกส่งลงสนามมาช่วงท้ายเกมก็ไม่ต่างกับกำไรชีวิต ด้วยฟอร์มที่ผีเข้า-ผีออก ทำให้ทั้งสามหน่อกลายเป็นส่วนเกินของทีมไปแล้ว
เท่ากับว่าเกมบิ๊กแมตช์ในวันอาทิตย์นี้กับเลสเตอร์จะมีเพียงแค่ อารอน แรมซี่ย์ คนเดียวที่เป็น “บริติชแท้ๆ” และเป็นแกนหลักของทีมในปัจจุบัน นอกนั้นมิดฟิลด์ชาวเวลส์จะถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าสุดยอดแข้งจากนอกเกาะล้วนๆ
น่าห่วงนะครับนะห่วง .. น่ากังวลกับอนาคตนับจากนี้ มิใช่แค่กับอาร์เซน่อล ทว่านี่มันเลยเถิดจนเป็น ‘ปัญหาระดับชาติ’
เพราะอะไรกันหนอที่ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม บรรดาพ่อค้าแข้งสหราชอาณาจักรกลับเป็นแค่ “ตัวประกอบ” อยู่เสมอ , เพราะเหตุใดที่ดาวรุ่งเชื้อสายบริติชมักจะพุ่งทะยานสูงค้ำฟ้าในตอนแรกทว่ายังไม่ทันได้เปล่งประกายก็ดิ่งเหวอย่างรวดเร็ว ..
และเพราะอะไรกันหรือที่ผลลัพธ์มันก็เห็นทนโธ่อยู่แล้วถึง ‘ความล้มเหลว’ ของระบบเยาวชนแดนผู้ดี แต่ราคาซื้อ-ขายกลับ “แพงหูฉี่” อยู่ร่ำไป !?
ย้อนกลับมาที่อาร์เซน่อล แม้ เวนเกอร์ จะคอยพร่ำบอกเสมอถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อเหล่าแข้ง “บริติชคอร์” ทว่ากับอนาคตนับจากนี้ผมว่า “ป๋าเวน” ของแฟนปืนคงต้องเริ่มหันกลับมาเป็นกังวลซักหน่อยล่ะ ..
ไม่ปฏิเสธถึงพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัว .. ผมเชื่อเสมอว่า เหล่าก๊วนบริติชในรั้วปืนโตนั้น “มีของ” ทว่าทำอย่างไรถึงจะให้ “ประกายไฟ” ที่มีในตัวนั้น “ไม่ดับวูบ” ทำอย่างไรถึงไม่ให้โรคเดี้ยงมาฉุดรั้งความก้าวหน้า แล้วต้องพัฒนาอย่างไรถึงจะพ้นคำสาปนี้เสียที ..
นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่รอวันระเบิด ในเวลาอีกแค่ไม่กี่ปีนับจากนี้ เวนเกอร์ต้องประคบประหงม “แก๊งเด็กห้าวเชื้อสายผู้ดี” นี้ให้ดีพร้อมหาคำตอบให้ได้ว่า “ควรทำอย่างไร”
กับชาวไทยอย่างเราคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก ทว่ากับสาวกลูกหนังที่อังกฤษผมเชื่อว่าเรื่องนี้ “สุดมีความหมาย”
การมีดาวเตะท้องถิ่นก้าวขึ้นมาเป็นยิ่งกว่า “จิตวิญญาณ” และยิ่งไม่เคยมีครั้งไหนเลยในยุค เวนเกอร์ ที่เด็กชาวอังกฤษมีสิทธิ์ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักมากเท่านี้ยิ่งทำให้ แฟนบอลผู้ดีแทบเก็บเอาไปฝัน
นี่เป็นโอกาสดีที่สุดแล้วที่สาวก “ปืนโต” ในลอนดอน จะได้เห็น “แก๊งบริติชคอร์” เป็นตัวชูโรงแบบจริงๆจังๆ แต่หากท้ายที่สุดทีมปล่อยปะละเลย พร้อมกับการที่ในอีก1-2ปีถัดจากนี้ “ก๊วนลูกหม้อ” ท้องถิ่นประสบความล้มเหลวอีก ..
กับในยุคที่ฟุตบอลเริ่มฟู่ฟ่าตามอำนาจเงินเช่นนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่า ต้องรอไปอีกซักกี่ปีที่บรรดาแก๊งลูกกรอกคะนองเหล่านี้ถึงจะมีโอกาสได้ก้าวขึ้นมา ..
‘ฤาบางทีอาจไม่มีวันนั้น’
- มาสเตอร์ ริท -
****************************
บทความจากผมเองครับในคอลัมน์ตุงตาข่าย 'นสพ. ฮอตสกอร์' เห็นเกี่ยวกับปืนพอดีเลยเอามาลงซะหน่อย สามารถเข้าไปติดตามกันได้ ช่วงนี้ล่าสุดก็เพิ่งออกจากสยามสปอร์ตไปด้วยปัญหาสุขภาพ, เวลา และ อะไรอีกหลายๆอย่าง ทำให้ตอนนี้มีเวลาว่างมากขึ้นแล้ว
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็มีความตั้งใจจะกลับมาเขียนบทความเกี่ยวกับปืนเราให้ชมบ่อยๆเหมือนเดิมครับ หลังจากหายไปนานตั้งแต่เข้าไปอยู่กับสยามสปอร์ตมา เพราะ ไม่มีเวลาจริงๆ กระทั่งเวลาเที่ยวส่วนตัวยังไม่มี 5555 ไหนจะเรื่องลิขสิทธิ์อีก อยากให้เขียนเรื่องอะไรยังไงก็ติดตามกันได้จ้า