เบื้องหลัง "เจ้าหนูแดนนี่" มาสคอตสุดซ่าของอาร์เซน่อล ตัวขโมยซีนศึกนอร์ทลอนดอน

[admin 17]

แดนนี่ ตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์ เพื่อมุ่งหน้าไปโรงเรียน  และเตรียมปากกาเอาไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลัง เขาคงจำเป็นต้องใช้มัน เพราะตอนนี้เขากลายเป็นคนดังไปแล้ว หลังจากเป็นกระแสไวรัล จากเกมส์นอร์ทลอนดอน ดาร์บี้แมตซ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แดนนี่ วัย 8 ขวบ เป็นมาสคอตของอาร์เซน่อล ในเกมส์บุกมาเยือนท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ กับทรงผมสุดเฟี้ยว ตามกิจวัตรปกติ เด็กที่เป็นมาสคอตจะเข้ามาที่แผนกต้อนรับที่สนาม ก่อนจะถูกนำที่ห้องของกลุ่มเด็กที่เป็นมาสคอต และได้รับการดูแลจนกระทั่งก่อนเกมส์ใกล้จะเริ่มต้นขึ้น จากนั้นจะมุ่งหน้าไปยังอุโมงค์ และช่วงเวลาที่ทำให้ เจ้าหนูแดนนี่ กลายเป็นตำนานของอาร์เซน่อล

จากการถ่ายทอดสดของสกายสปอร์ต ที่ออกอากาศไปทั่วประเทศอังกฤษ และอีกหลายประเทศ ได้เห็นภาพ แดนนี่เข้าไปขวางเด็กมาสคอตฝั่งสเปอร์ไม่ให้เข้าใกล้ผู้เล่นของอาร์เซน่อล พร้อมรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ และมาดสุดกวน ซึ่งสำหรับแดนนี่ มันเป็นธรรมชาติและตัวตนของเขา แดนนี่บอกว่า: "ผมคิดว่าทำไมพวกเขาถึงจะมา ไฮไฟว์ผู้เล่นของผม? ถ้าคุณอยากที่จะไฮไฟว์กับผู้เล่นของเรา ก็มาเป็นอาร์เซน่อลก่อนสิ"

ขณะเดียวกัน ทอม พ่อของแดนนี่ นั่งอยู่ในกลุ่มแฟนบอลทีมเยือน โดยปกติแล้วทางครอบครัวจะรอจนกระทั่งเด็กวิ่งออกมาจากสนาม แล้วถึงรับพวกเขามานั่งบนอัฒจรรย์ด้วยกันเพื่อดูการแข่งขัน แล้วในขณะที่เกมส์กำลังดำเนินอยู่ โทรศัพท์ของพ่อแดนนี่ก็ดังขึ้น ลูกพี่ลูกน้องของเขา ได้ส่งคลิปเหตุการณ์ในอุโมงค์มาให้เขา ทอมรู้สึกงุนงง "ผมไม่อยากจะเชื่อเลย" เขาเล่า 

แดนนี่ เป็นเด็กที่ร่าเริง คลั่งไคล้ฟุตบอล บ้าพลัง และเขาถูกปลูกฝังความเป็นอาร์เซน่อลมาอย่างสมบูรณ์แบบ เขาได้ใส่ชุดอาร์เซน่อลตตั้งแต่อายุแค่ 3 ดือน มีภาพถ่ายของเขาคู่กับกันเนอร์ซอรัสใส่กรอบเอาไว้ แล้วที่ผนังห้องนอนของเขาก็ยังมีรูปตำนานนักเตะอาร์เซน่อลอย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์ และเธียรี่ อองรี ติดเอาไว้ด้วย

การเข้ามาเป็น Junior Gunner ข้อดีอย่างหนึ่งของการเป็นสมาชิกก็คือ โอกาสในการเป็นมาสคอต และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน มีอีเมล์แจ้งเตือนเขาวว่า แดนนี่ ได้รับเลือกให้มาเป็นมาสคอตของอาร์เซน่อล ในเกมส์กับท็อตแน่ม

"ผมภูมิใจมาก ผมกำลังโดดขึ้นลงและถอดเสื้ออกแล้วตะโกนในสวนหลังบ้าน" เขากล่าวพร้อมกับสาธิตภาพในวันนั้นให้เราได้ดู อาร์เซน่อลยังได้ส่งตั๋วเข้าชมเกมส์ พร้อมกับเสื้อเหย้ามาให้ด้วย แต่ภายหลังทางเอฟเอ ได้ประกาศให้อาร์เซน่อลต้องใส่ชุดเยือนลงสนาม ทางอาร์เซน่อลจึงส่งชุดเยือนมาให้เพิ่ม พร้อมบอกกับแดนนี่ให้เก็บเสื้อเหย้าเอาไว้ 

ส่วนทางฝั่งท็อตแน่ม เองก็มีการติดต่อมาให้ข้อมูลเรื่องของสถานที่และเวลาที่ต้องมาถึง รวมถึงวิธีการดูแลมาสคอต 

ทอมคิดว่าเขาควรจะเตรียมลูกให้พร้อมกับโอกาสนี้ "ผมได้เตือนเขาแล้ว ให้เตรียมพร้อมสำหรับบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตร ผมคิดว่ามันจะมีเสียงดังมาก และผมไม่อยากให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนเกินไป เขารู้สึกประหม่าในระหว่างการเดินทางไปที่นั่น ในห้องเปลี่ยนเสื้อ คุณสัมผัสได้ถึงความกังวล เด็กๆ มาสคอต เล่นเกมส์ฟีฟ่าด้วยกัน ทางฝั่งสเปอร์มีมาสคอตหลายคน ที่ต้องเข้าแถวเรียงจากตัวเล็กไปหาคนที่สูงที่สุด ส่วนฝั่งอาร์เซน่อลมีแค่แดนนี่แค่คนเดียว"

"ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อตอนที่เขาอยู่ในอุโมงค์ ดูเหมือนเขาเป็นเจ้าถิ่นเลย" แดนนี่เปลี่ยนกลายเป็นเด็กอีกคน เมื่อไปถึงสนามฟุตบอล อาการประหม่าหายไป เขากล่าว "การเป็นมาสคอต หมายความว่าผมต้องวิ่งออกไปโดยจับมือกับนักเตะของอาร์เซน่อล หลักๆ ผมได้คุยกับราย่า และจอร์จินโญ่"

เราเลยได้เห็นภาพที่แดนนี่ กับแอ่นหน้าอก โดยมีจอร์จินโญ่กลั้นหัวเราะอยู่ด้านหลัง แล้วล่าสุด ศิลปินกราฟิตี้ Northbansky วางแผนที่จะเพิ่มภาพนี้ลงไปในคอลเลกชันของเขาที่อุโมงค์ถนน Hornsey ข้างทางเข้าฝั่งเหนือของสนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม

แดนนี่ ยังได้รับเสื้อทีมชาติบราซิลที่มีลายเซ็นของ กาเบรียล มากัลเญส ฮีโร่ที่โขกประตูชัยในเกมส์นี้ และถุงมือผู้รักษาประตูพร้อมลายเซ็นต์ของดาบิด ราย่า นอกจากนี้แดนนี่ยังคิดว่าเขาอาจจะช่วยทีมได้บ้าง "พ่อของผมบอกว่า เขาคิดว่า มิเกล (อาร์เตต้า) อาจจะโชว์วีดีโอของผมในช่วงพักครึ่งเวลาแรก และบอกพวกเขาว่า ต้องเล่นให้ดุดันเหมือนผม!!"

มันเป็นวันที่น่าทึ่งของแดนนี่ หลังเกมส์ ครอบครัวพาแดนนี่ไปที่ The Shard ที่เป็นแลนด์มาร์คอันโด่งดังของลอนดอน พ่อของแดนนี่บอกว่าต้องขอบคุณ กาเบรียล สำหรับประตูชัยของอาร์เซน่อล แล้วทำให้แดนนี่ทานอาหารเย็นได้อย่างเอร็ดอร่อย

"เขาเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย บ้าๆ หน่อย สนุกสนาน มีความอ่อนไหว และน่ารัก เขาเป็นเด็กดี" ทอมกล่าว "เขาค่อนข้างกล้าหาญเช่นกัน เขาพร้อมยืนหยัดเพื่อตัวเอง และทีมของเขา"

"ผมเคยชกมวย และเล่นรักบี้ ดังนั้นผมจึงไม่กลัว" แดนนี่กล่าวปิดท้าย ก่อนที่จะเข้าไปกอดกับกันเนอร์ซอรัสอีกครั้ง แล้วออกไปฝึกซ้อมฟุตบอลเหมือนเด็ก 8 ขวบ ที่คลั่งไคล้ฟุตบอล"