-
Content Count
198 -
Joined
-
Last visited
-
Days Won
12
admin last won the day on October 27
admin had the most liked content!
Community Reputation
18 NeutralRecent Profile Visitors
The recent visitors block is disabled and is not being shown to other users.
-
ไซมอน คอลลินส์ นักข่าวจาก London Evening Standard รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล หวังว่า มาร์ติน โอเดการ์ด จอมทัพกัปตันทีมของเขา จะกลับมาช่วยทีมได้ในเกมส์บุกเยือนอินเตอร์ มิลาน ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก กลางสัปดาห์หน้า อาการบาดเจ็บข้อเท้าที่ทำให้เขาพลาดลงเล่นมาตั้งแต่เดือนกันยายน ดีขึ้นตามลำดับ แล้วเขามีโอกาสที่จะมีชื่อในเกมส์กับนิวคาสเซิ่ลในสุดสัปดาห์นี้ แต่ทางอาร์เซน่อลไม่ต้องการเร่งรีบในการคัมแบ็กของกัปตันทีมรายนี้ Kaya Kayna นักข่าวสายอาร์เซน่อลจาก Football London ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า มาร์ติน โอเดการ์ด จะกลับมาช่วยอาร์เซน่อลได้อีกครั้งในเกมส์กับอินเตอร์ มิลาน ส่วนทางด้าน กาเบรียล มากัลเญส เซนเตอร์แบ็คตัวเก่ง ก็พร้อมกลับมาลงเล่นในเกมส์กับนิวคาสเซิ่ล หลังจากมีปัญหาเจ็บเข่าในเกมส์เสมอลิเวอร์พูล 2-2 เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนทางด้าน ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี แบ็คซ้ายทีมชาติอิตาลี จะต้องพักอย่างน้อยจนถึงช่วงเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน HandOfOzil แหล่งข่าววงในของอาร์เซน่อล ออกมาเปิดเผยว่า สโมสรอาร์เซน่อล เตรียมพูดคุยกับสมาคมฟุตบอลนอร์เวย์ เกี่ยวกับการเรียกตัว มาร์ติน โอเดการ์ด ไปติดทีมชาติในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน และยังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ ออกมา แต่ทางสองฝั่งหวังว่าจะหาทางออกร่วมกันได้เร็วที่สุด โดยทางโอเดการ์ด มีแผนที่จะคัมแบ็คในสัปดาห์หน้า หลังจากพักยาวมาร่วมสองเดือน ซึ่งหากเขากลับมาลงเล่นได้ ทางสมาคมฟุตบอลนอร์เวย์ ก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกเข้ามาติดทีมชาติได้
-
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์คาราบาว คัพรอบ 4 ที่จะบุกเยือนเปรสตัน นอร์ทเอนด์ ในคืนวันพุธนี้ อาการเจ็บเข่าของกาเบรียล: เรายังต้องประเมินเขาอยู่ มันไม่ได้ดูแย่ เขาดีขึ้นกว่าที่เราคาดเอาไว้ ดังนั้นหวังว่าเขาจะสบายดี เขาได้เข้ารับการสแกนหัวเข่าหรือยัง ใช่ เขาได้มีการทดสอบไปบ้างแล้ว อาการของทิมเบอร์ ทิมเบอร์สาบายดี เขาแค่เหนื่อยล้า เขาไม่ได้เล่นมาพักใหญ่ และยังไม่สามารถลงสนามอย่างต่อเนื่องได้ แต่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บใหม่เพิ่มเติม เป็นแค่อาการตะคริวใช่ไหม เขาไม่สามารถลงเล่นต่อได้ ดังนั้นเราตัดสินใจที่จะไม่เสี่ยงใดๆ ทั้งนั้น ริชชี่ต้องพักถึงเบรกทีมชาติรอบหน้า อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าเขาจะต้องพัก 2-3 สัปดาห์ โอเดการ์ดกลับมาซ้อมได้แล้ว เขากลับมาซ้อมบนสนามหญ้าได้ 2-3 สัปดาห์แล้ว แต่ยังมีบางอย่างที่เราต้องตรวจสอบ ความรวดเร็วที่เราสามารถทำได้ในช่วงสุดท้ายของการฟื้นฟูเป็นคำถามที่เราต้องตอบ ซึ่งเขายังไม่ได้ลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม เขามีโอกาสกลับมาได้ก่อนเบรกทีมชาติหรือไม่ หวังว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เรายังต้องดูว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร กับข่าวที่เอริค เทกฮากโดนปลดจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเป็นเรื่องเศร้าเสมอที่เพื่อนร่วมอาชีพสูญเสียงานของเขาไป ผมคิดว่าเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เขาพาทีมคว้าแชมป์ และเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม น่าเสียดายกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผู้บริหารของพวกเขาได้ตัดสินใจแล้ว ผมขออวยพรให้เขาโชคดีกับบทใหม่ของเขา แล้วกับเก้าอี้ของคุณที่อาร์เซน่อลล่ะ? ไม่มีใครที่ถูกปลดออกไม่ได้ คุณได้รับการสนับสนุนเพื่อทำบางอย่าง และคุณจะต้องมอบมันกลับมา คุมอาร์เซน่อลเกือบจะครบ 5 ปีแล้ว มันเป็นเวลาที่ยาวนาน ผมยังคงทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดต่อไป ขอย้ำอีกครั้งว่าการแข่งขันฟุตบอลคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และคุณต้องชนะให้ได้มากที่สุดเพื่อรักษางานของคุณเอาไว้ ความสำคัญของรายการคาราบาว คัพ มันสำคัญ เพราะมันทำให้ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ เดินหน้าเก็บชัยชนะให้เป็นนิสัย และมันแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจกับทุกการแข่งขัน ไม่ว่าคุณจะเล่นอะไรก็ตาม หากคุณไม่เต็มที่ คุณก็จะตกรอบ บทบาทของชินเชนโก้ในทีม มันมีการตัดสินใจที่ยากเสมอ คุณสร้างพวกเขาด้วยความตั้งใจเพียงอย่างเดียวที่จะได้ผลการแข่งขัน ฟอร์มการเล่นที่คุณต้องการ แต่อเล็กซ์ได้พิสูจน์มาแล้วหลายปีถึงบางอย่างที่เขาต้องทำ และเขามีความสามารถที่จะทำมันได้ คีแรน เทียร์นี่ย์ ใกล้ที่จะกลับมาแล้ว ผมคิดว่าเขาใกล้มากแล้ว เขาดูดี เขายังไม่ได้ลงฝึกซ้อมกับทีม แต่หวังว่าเขาจะทำได้ในสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ข้างหน้า ทอมมี่ เซ็ตฟอร์ดกับโอกาสลงเฝ้าเสาพรุ่งนี้ เราซื้อเขาเข้ามา เพราะรารู้ถึงคุณภาพของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองหาอยู่ แต่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เขามีปัญหาบาดเจ็บ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้เล่น รอดูว่าเราจะให้เขาเล่นวันพรุ่งนี้หรือไม่ สิ่งที่เขาเห็นจากไมลส์ ลูอิส-สเคลลี่ในเกมส์ใหญ่ ก่อนอื่นเลย เขามีบุคลิกที่ยอดเยี่ยม เขาเล่นด้วยความเชื่อมั่น และความมุ่งมั่นอย่างมาก เขามีคุณสมบัติที่เราต้องการในตำแหน่งของเขา ไม่วาจะเล่นด้านในหรือด้านนอก เมื่อมีคุณภาพแบบนี้ ผมไม่สนหรอกว่าเขาจะมาจากอะคาเดมี่หรือที่ไหนก็ตาม เราต้องให้โอกาสกับเขา และเขามีสิทธิ์ในการเล่นเกมส์เหล่านั้น เมื่อคุณถูกโยงกับโฆเซ่ มูรินโญ่ โฆเซ่น่ะเหรอ!? แน่นอนว่าผมรู้จักเขาตั้งแต่ผมอายุ 15 เขาเป็นโค้ชให้ผมที่บาร์เซโลน่า เขาคว้าแชมป์ไป 26.28 แชมป์แล้วนะ เขาเป็นคนที่ผมศึกษา กับวิธีที่เขาประสบความสำเร็จ วิธีที่เขาเปลี่ยนวัฒนธรรมในสโมสร และสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จในหลายๆ ประเทศ การโดนเปรียบเทียบกับโฆเซ่ถือเป็นคำชื่นชมไหม ผมถือเป็นความคิดเห็นนะ ผมไม่ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะผมก็เป็นตัวของตัวเอง ผมทำในสิ่งที่ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้เล่น สำหรับทีม เพื่อให้เราประสบความสำเร็จ และเล่นในแบบที่เราต้องการ ก็แค่นั้นแหละ
-
โอเดการ์ด ถนอมไว้เถอะ เดี๋ยวเข็นเล่นทั้งเสี่ยงเจ็บ ทั้งเสี่ยงทีมชาติจะเรียกไปติดอีก รอให้สมบูรณ์เต็มที่หลังเบรกทีมชาติดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะเข้าโปรแกรมเตะถี่ส่งท้ายปีแล้ว เราจำเป็นต้องมีโอเดการ์ด ส่วนสถานการณ์แนวรับ หวังว่าหลังเบรกทีมชาติรอบหน้า มันจะดีขึ้น ยังไงก็ต้องผ่าน 4 เกมส์เยือนติดไปให้ได้ดีที่สุด เพราะมีผลทั้ง 3 ถ้วย
-
ซามี่ ม็อกเบล นักข่าวจากเดลี่ เมล์ รายงานข่าวว่า มาร์ติน โอเดการ์ด จอมทัพกัปตันทีมอาร์เซน่อล ที่พักยาวมาตั้งแต่เดือนกันยายน จากปัญหาบาดเจ็บข้อเท้า มีกำหนดที่จะกลับมาฝึกซ้อมบนสนามหญ้าได้อีกครั้งในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ยังตามยังไม่มีข้อสงสัยว่า มิเกล อาร์เตต้า จะมีการเร่งให้โอเดการ์ดกลับมาลงเล่นหรือไม่ เนื่องจากหากโอเดการ์ด กลับมาเล่นก่อนช่วงเบรกทีมชาติครั้งถัดไป ซึ่งจะเริ่มหลังเกมส์กับเชลชีในวันที่ 10 พฤศจิกายน ทีมชาตินอร์เวย์จะมีสิทธิ์ในการเรียกจอมทัพวัย 25 ปี ไปติดทีมชาติ ที่จะพบกับสโลวีเนีย และคาซัคสถาน แต่ด้วยโปรแกรมหนักในสัปดาห์หน้า ที่อาร์เซน่อลจะต้องออกไปเยือน 3 เกมส์ติดต่อกันกับ นิวคาสเซิ่ล อินเตอร์ มิลาน และเชลชี การได้โอเดการ์ดกลับมาช่วย ก็จะเพิ่มโอกาสให้กับทีมใน ขณะที่ในเกมส์ล่าสุด อาร์เซน่อล ต้องปวดหัวกับอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในทีมเพิ่มเติม กาเบรียล มากัลเญส เซนเตอร์แบ็คตัวหลัก เข้ารับการประเมินอาการบาดเจ็บหัวเข่า ข้อบ่งชี้เบื้องต้น ระบุว่ากาเบรียล จะไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่จะมีการตรวจเพิ่มเติมในวันอังคารนี้ เพื่อยืนยันขอบเขตอาการบาดเจ็บของนักเตะ ส่วนทางด้าน เยอร์เรียน ทิมเบอร์ มีอาการตึงบริเวณน่อง ท่ามกลางความหวังจะเป็นแค่อาการตะคริว เนื่องจากเป็นการลงเล่นหลังจากพักมาร่วมเดือน จากปัญหาบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ปิดท้ายที่ ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี ที่เจ็บเข่าในเกมส์ชนะชัคตาร์ โดเน็ตต์ ได้เกมส์กลางสัปดาห์ก่อน ทางสโมสรยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่เป็นที่เข้าใจว่าเขาจะใช้เวลาพักหลักสัปดาห์ ไม่ได้เป็นหลักเดือน
-
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอลิเวอร์พูล 2-2 ในเกมส์พรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา ภาพรวมของเกมส์นี้ ผมคิดว่าโดยรวมในทุกสถานการณ์เป็นไปในเชิงบวกมาก มีสิ่งดีๆ มากมาย แต่น่าผิดหวังที่เราไม่ชนะ เพราะผมคิดว่าเราเป็นทีมที่ดีกว่า เราครองเกมส์ได้ มีโอกาสจบสกอร์ เราไม่ได้เปิดโอกาสให้กับลิเวอร์พูลมากนัก แต่เราก็มาเสียประตูกันแบบง่ายๆ กับทุกสิ่งที่เราต้องเผชิญในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยอาการบาดเจ็บ และสถานการณ์ทั้งหมดที่เรามี ทีมนี้ยอดเยี่ยมมาก พลังงานที่เราสร้างขึ้น มันบ่งบอกว่าเราต้องการมันมากแค่ไหน และรวมถึงคุณภาพที่เรามีด้วย ทีมดูแผ่วไปในครึ่งเวลาหลัง ผมรู้สึกผิดหวังและหงุดหงิดกับสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ซึ่งเราต้องทำในครึ่งเวลาหลัง ในส่วนของสภาพร่างกาย เราจะดูสถิติทั้งหมด จริงๆ เราก็มีสถิติที่ดีขึ้นในครึ่งหลัง ของหลายๆ เกมส์ แต่มันก็ยังมีข้อดีที่เราได้เห็น อย่าง มิเกล เมริโน่ เขาไม่ได้ลงเล่น 90 นาทีมา 5 เดือนแล้ว น่าจะตั้งแต่ช่วงยูโร หรืออะไรก็ตาม ดังนั้นเราจะรับเอาสิ่งดีๆ และเดินหน้าต่อไป ความสม่ำเสมอของบูคาโญ ซาก้า มันเป็นความสม่ำเสมอของเขา และเขายังอายุน้อยมากด้วย เขากลับมาหลังจากไม่ได้เล่นมา 1-2 สัปดาห์ สิ่งที่เขาแสดงออกมาในสนามมันน่าเหลือเชื่อมาก เมริโน่ ยิงประตูแรกของเขากับอาร์เซน่อล ผมคิดว่าเขาค่อนข้างแสดงให้เห็นถึงทิศทางเชิงบวก คุณสามารถบอกได้ว่าเขากำลังจับจังหวะได้ เข้าใจสิ่งที่เขามี ในเกมส์ใหญ่แบบนี้ วันนี้เป็นฟอร์มการเล่นที่ดี ผลกระทบในการเปลี่ยนแปลงแนวรับ เรามีผู้เล่น 5 คนในแนวรับที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วเราต้องปรับตัวกับมัน แล้วเราก็ต้องปรับตัวกันต่อไป มันเป็นสถานการณ์ที่เราต้องเจอ ให้กำลังใจพวกเขา ชมเชยนักเตะเพราะความกล้าหาญ พวกเขาเล่นวันนี้มันน่าเหลือเชื่อ เสี่ยงไปไหมที่ให้ทิมเบอร์ลงตัวจริง เราพยายามทุกอย่างที่เป็นไปได้ในการเร่งกระบวนการ แล้วเขาก็เต็มใจมากๆ ทีมแพทย์ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมยังไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บเขาจะเป็นอย่างไร เช่นดียวกับบิ๊กกาบี้ กาเบรียล มากัลเญสที่เจ็บ ผมไม่รู้ทราบ แต่เขาไม่สามารถวิ่งต่อไหว นั่นคือสิ่งที่เขาบอกออกมา ดังนั้นผมยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่แน่ใจว่าเป็นอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าหรือข้อเท้า พวกเขากำลังประเมินอาการเขาอยู่ในตอนนี้ จังหวะฟาน ไดจ์กับฮาแวร์ตซ์ ผมยังไม่ได้ดูภาพช้า ความเห็นเกี่ยวกับผู้ตัดสินในวันนี้ ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็น ตามหลังจ่าฝูงห่างเป็น 5 คะแนนแล้ว คุณไม่ต้องการที่จะมาอยู่ตรงจุดนั้น คุณต้องการมีแต้มนำ 5 คะแนน แต่นี่คือจุดที่เราอยู่ และอีกครั้งที่เรายังมีชีวิตอยู่ ทีมต้องการมัน ผมรู้สึกได้ทุกๆ วัน ผู้เล่นที่ไม่สามารถเล่นได้ พวกเขาเสียใจที่ไม่ได้ลงเล่น คนที่ได้รับบาดเจ็บ คนที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดี สิ่งต่างๆ จะดีขึ้น และเราจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น ปีนี้อาร์เซน่อลโชคร้ายกับอาการบาดเจ็บ ไม่ นี่คือฟุตบอล สถานการณ์จะทำให้เราดีขึ้น ดังนั้นเราสามารถอยู่ในที่เราอยู่ แข่งขันในแบบที่เราทำ มาร์ติน โอเดการ์ด ผมคิดว่าเขายังอยู่ไม่ไกลแล้ว (ในการกลับมาลงสนาม) ยืนยันคาลาฟิออรีต้องพัก คาลาฟิออรีต้องพักหลายสัปดาห์
-
ครึ่งแรกเกมส์ดีกว่ามาก โดยเฉพาะหลังโดนตีเสมอ 1-1 ทีมเก็บบอลสองไว้ได้หมด กดลิเวอร์พูลจนมาได้ประตูที่ 2 แต่ครึ่งหลัง สัญญาณไม่ดีตั้งแต่กาเบรียล มาเจ็บตอนครึ่งหลัง ทำให้คู่เซนเตอร์ตัวจริง หายคู่เลย พอเปลี่ยนเป็นคิวิออร์ ก็ว่าน่าห่วงแล้ว ทิมเบอร์มาเจ็บเพิ่มอีกคน ต้องเอาไมล์สลงมา ทำให้กราบซ้ายยวบหนัก แล้วลูกที่เสีย 2-2 โดนแบบง่ายๆ เลย จริงๆ อยากให้ชินเชนโก้ลงมาแทน ไมล์สมากกว่า เพราะเกมส์ใหญ่ ประสบการณ์ของชินเชนโก้น่าจะดีกว่าเด็ก 17 ที่ต้องเจอกับซาล่าห์
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 #9 Arsenal 2 - 2 Liverpool Sun 27 October 2024, 23.30 น. GOAL: 1-0 บูคาโญ ซาก้า (นาทีที่ 9, ไวท์) 1-1 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ (นาทีที่ 18, ดิอาซ) 2-1 มิเกล เมริโน่ (นาทีที่ 43, ไรซ์) 2-2 โมหาเหม็ด ซาล่าห์ (นาทีที่ 80) ดาวิด ราย่า: 6.5 มีจังหวะเซฟจังๆ ก็ลูกโหม่งของแม็คอาลิสเตอร์ในช่วงท้ายครึ่งเวลาแรก สองประตูที่เสียยากที่ราย่าจะช่วยได้ เพราะโดนล่อเป้าทั้งนั้น ส่วนจังหวะออกมารับบอลก็ยังทำได้ดี ไม่ได้มีข้อผิดพลาด กาเบรียล มากัลเญส: 6.5 เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง และอยู่ในมาตรฐานของตัวเอง เขาตามประกบจนดาร์วิน นูเนซ ต้องเสียฟาล์วตลอด แต่ต้นครึ่งหลังกาเบรียลมีปัญหาบาดเจ็บแล้วเล่นต่อไม่ไหว เบน ไวท์: 7.0 ต้องขยับเข้ามาเล่นเซนเตอร์แทนซาลิบาที่ติดโทษแบน ประตูขึ้นนำ 1-0 ก็ต้องชมการวางบอลยาวจากแนวลึกของไวท์ที่แม่นกับซาก้า ครึ่งแรกยืนคู่กับกาเบรียลได้ไม่ติดขัด เพราะคู่นี้เคยเล่นกันมาก่อน เกมส์รับฝั่งขวาถือว่าช่วยกันกับปาร์เตย์ได้ดีเลย เยอร์เรียน ทิมเบอร์: 6.5 กลับมาช่วยทีมได้แบบทันเวลา ด้วยการที่แนวรับทั้งเจ็บและแบน การได้ทิมเบอร์ถือเป็นข่าวดีก่อนเกมส์ของทีม ตามตำแหน่งต้องรับมือกับซาล่าห์ ก็มี 1-2 จังหวะที่เจอซาล่าห์พลิกหนีไปได้ แต่ภาพรวมเขายังทำได้ดี เล่นไป 70 กว่านาทีก็เล่นต่อไม่ไหว โธมัส ปาร์เตย์: 7.5 ปาร์เตย์ถูกจับมาเล่นเป็นแบ็คขวาจำเป็นอีกครั้ง เนื่องจากซีซั่นนี้ฟูลแบ็คผลักกันเจ็บตลอด ตอนแรกก็ดูจะเป็นอะไรที่น่ากังวล แต่พี่หมึกปิดดิอาซได้อยู่หมัด ชิงเล่นบอลจังหวะแรก น่าจะมีแค่หนเดียวที่ดิอาซผ่านปาร์เตย์ได้ มิเกล เมริโน่: 7.0 ต้นเกมส์มีจังหวะจับบอลพลาด เกือบโดนซาล่าห์ยิงสวนตูบเดียวเข้าไป หลังจากนั้นเมริโน่มาเป็นทีเด็ดจากลูกตั้งเตะด้วยการโขกลูกฟรีคิกให้ทีมขึ้นนำ 2-1 ก่อนหน้าจะได้ประตู เมริโน่ก็ส่งสัญญาณเตือนมาแล้ว แต่ลูกนั้นจัดระเบียบร่างกายไม่ดีเลย ยิงผิดเหลี่ยม เดแคลน ไรซ์: 8.0 โดดเด่นมากๆ เกมส์นี้สำหรับเดแคลน ไรซ์ ในการเก็บบอลจังหวะสอง เหมือนสามารถวาปไปอยู่ทั่วสนาม โดยเฉพาะครึ่งแรกเป็นเกมส์ที่ดีมากๆ แล้วเขาเป็นคนเปิดฟรีคิกให้เมริโน่โขกประตูที่สอง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.0 ก็พอมีจังหวะที่พาบอลเข้าไปกดดันแนวรับลิเวอร์พูลอยู่เป็นระยะ เพียงแต่จังหวะสุดท้ายเขาทำได้ไม่ดีสักเท่าไร รวมถึงความแข็งแกร่งในบางจังหวะของมาร์ตี้สู้กับโกนาเต้ไม่ได้เลย ครึ่งหลังมีจังหวะได้สวนกลับอยู่ 2-3 หน แต่มาร์ตี้ทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง บูคาโญ ซาก้า: 7.0 ฟิตกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลาพอดี และไม่ถึงสิบนาทีดี ซาก้าแสดงความยอดเยี่ยมด้วยการรับบอลยาวจากแนวลึก ก่อนจะล็อกหนีโรเบิร์ตสันยิงยัดเสาแรกอย่างเด็ดขาด ครึ่งแรกซาก้ากดดันเกมส์รับของลิเวอร์พูลได้เรื่อยๆ ครึ่งหลังความอันตรายของซาก้าหายไป แต่เวลาบอลอยู่กับเท้าเขาก็เก็บบอลได้ดี เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 ทรอสซาร์ดูเงียบๆ ไปหน่อย แม้ว่าจะพยายามจะลงมาลวงต่ำเพื่อรับบอล แต่นานๆ เขาจะได้บอลพลิกขึ้นหน้าสักที ไค ฮาแวร์ตซ์: 6.5 ไม่ได้มีจังหวะได้ลุ้นสับไกสักเท่าไรนัก แต่ก็ยังพยายามเก็บบอลในแดนหน้า และมีจังหวะพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ดีอยู่ 2-3 หน ตัวสำรอง: ยาคุบ คิวิออร์: 5.5 (นาทีที่ 54, กาเบรียล) ต้องลงมาเล่นแทนกาเบรียลในช่วงเกือบ 40 นาทีสุดท้าย พอเปลี่ยนเป็นคิวิออร์ ทำให้นูเนซเล่นง่ายขึ้นเยอะ แล้วประตูโดนตีเสมอ ก็อ่านจังหวะไม่ดี จะเล่นก็ไม่เล่น ทำให้ลิเวอร์พูลหลุดเข้ายิงกันง่ายๆ เลย ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่: 6.0 (นาทีที่ 76, ทิมเบอร์) พอเปลี่ยนไมลส์ลงมา แล้วต้องเจอกับซาล่าห์เป็นงานที่ใหญ่เกินตัวน้องไปหน่อย แล้วกลายเป็นฝั่งซ้ายตัวจริงเกมส์นี้โดนเปลี่ยนออกหมด น่าสนใจว่าสองนัดติดแล้ว ที่อาร์เตต้าเลือกส่งไมล์สก่อน ทั้งที่ยังมีชินเชนโก้อยู่ข้างสนาม อีธาน วาเนรี่: N/A (นาทีที่ 84, ซาก้า) กาเบรียล เฆซุส: N/A (นาทีที่ 84 มาร์ติเนลลี่)
-
ร์เ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์เปิดบ้านรับลิเวอร์พูล ในเกมส์พรีเมียร์ลีกคืนวันอาทิตย์นี้ โอกาสลงเล่นของคาลาฟิออรี ซาก้า และทิมเบอร์ เราจะพยายามอย่างเต็มที่ที่สุด เพื่อให้พวกเขาพร้อมลงสนามช่วยทีม อาการบาดเจ็บของคาลาฟิออรี เขาต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม เมื่อวานเขามีทดสอบไปบ้างแล้ว วันนี้เขาต้องทำเพิ่มเติม และจากตรงนั้นเราจะได้รู้ เพราะรอบที่แล้วเราก็คิดว่ามันแย่จริงๆ จากนั้นเขาก็ลงเอยด้วยการลงเล่นในอีกสองวันต่อมา มาดูกันว่าจะเป็นยังไงบ้าง บูคาโญ ซาก้ากับโอกาสฟิตทัน เขาได้กลับมาซ้อมในสนามหญ้าได้บ้างแล้ว เเขาอีกไกลแค่ไหนที่จะลงเล่นในวันอาทิตย์ เป็นคำถามที่แตกต่างออกไป เรายังมีอีกวัน ข้อดีของสัปดาห์นี้คือเรามีวันพิเศษเพิ่มเติม แต่เราจะรอดู ทิมเบอร์กลับมาซ้อมแล้ว มันเป็นการฝึกซ้อมเซซชันแรก ที่เขาสามารถมีส่วนร่วมด้วย เขาพักมา 2-3 สัปดาห์ เราคาดว่าเขาจะกลับมาได้เร็วกว่านั้น แต่เราจะรอดู การจัดแผงแบ็คโฟร์ เรามีทางเลือกที่แตกต่างกัน มันเป็นเรื่องจริงที่การจับคู่ระหว่างซาลิบากับกาเบรียลให้ความมั่นคงมากๆ แต่เมื่อซาลิบาไม่พร้อมลงสนาม เราจะต้องหาทางเลือกที่แตกต่างออกไป และในฐานะของทีมที่ต้องทำให้ดีเช่นกัน ชัดเจนว่าเรามีอะไรเกิดขึ้นมากมาย เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะแนวรับในช่วง 2-3 เดือนแรกของฤดูกาล เราต้องปรับตัวกับสิ่งนั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องมีผู้เล่นที่มีความสามารถหลากหลาย และพวกเขาช่วยเหลือทีมได้มากจริงๆ
-
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์ที่อาร์เซน่อลเปิดบ้านเอาชนะซัคตาร์ โดเน็ตส์ ทีมจากยูเครน 1-0 ในเกมส์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกรอบ League Phase นัดที่ 3 ทำให้พวกเขาเก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน ขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ของตารางคะแนน รูปเกมส์ที่เกิดขึ้น ในรูปแบบการแข่งขันนี้ การชนะในบ้านเป็นสิงที่สำคัญมากๆ กับเป้าหมายที่เราต้องการ เราเริ่มเกมส์ได้ดีมาก ผมคิดว่าครึ่งแรกเราคุมเกมส์เอาไว้ได้หมด และสร้างโอกาสทำประตูได้หลายครั้ง ผมคิดว่ามีไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ที่เป็นโอกาสทองในการส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แต่เราปิดเกมส์ไม่ได้ มันทำให้มีความหวังเล็กๆ ให้คู่แข่ง ในครึ่งหลังเราเริ่มต้นมาได้ดี แต่แล้วเราก็เริ่มแผ่วกัน ผมคิดว่าเรื่องสภาพร่างกายและจิตใจกับสิ่งที่เราต้องผ่านมาในช่วง 2-3 วันก่อน เราเล่นกันแบบไร้เป้าหมาย และเสียบอลกันง่าย ไม่สามารถเล่นในจังหวะเดียวแบบครึ่งแรก และต้องให้เครดิตกับฝั่งซัคตาร์ด้วย พวกเขาเป็นทีมที่ดี และหากมีพื้นที่ว่างเขาสร้างปัญหาให้คุณได้ เรามีโอกาสที่จะปิดเกมส์จากจุดโทษ แต่เราก็ทำไม่ได้อีกครั้ง เรายิ่งไปทำให้พวกเขามีหวังขึ้นมาอีก แต่ท้ายที่สุดเราก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการและเรามีความสุขกับสามคะแนนที่ได้รับ พูดถึงฟอร์มของมาร์ติเนลลี่: สำหรับประตู และผลงาน เขาดูเฉียบคมมาก เขาไม่ได้ลงเล่นส่วนใหญ่ในนัดก่อนที่เราเหลือ 10 คน ดังนั้นเขามีจังหวะที่แตกต่างออกไป มีคันเร่งที่แตกต่าง และเขาดูอันตรายจริงๆ ในจังหวะพาบอลขึ้นไป ทำไมไค ฮาแวร์ตซ์ไม่เป็นคนสังหารจุดโทษ ผมไม่ทราบ ผมไม่รู้ว่ามีการพูดคุยอะไรกัน เพราะเขาคือหนึ่งในคนรับผิดชอบสังหารจุดโทษ แต่ถ้าเป็นปกติจะเป็นหน้าที่ของโอเดการ์ดกับซาก้า เลโอตัดสินใจที่จะเป็นคนยิง แล้วเขาก็พลาด นั่นเป็นเรื่องน่าเสียดาย เกมส์สำคัญกับลิเวอร์พูลในสุดสัปดาห์นี้ มันยอดเยี่ยมเสมอกับการชนะในแชมเปี้ยนลีก เราจะเริ่มวันพรุ่งนี้ ในการเตรียมตัวเจอกับลิเวอร์พูล และเราจะใส่พลังงานทั้งหมดเท่าที่เรามีลงไป อาการบาดเจ็บของคาลาฟิออรี ริคกี้ รู้สึกบางอย่าง แล้วเราไม่สามารถเล่นต่อไปได้ ดังนั้นเป็นอะไรที่น่าห่วงอยู่ บูคาโญ ซาก้าจะฟิตทันเกมส์กับหงส์แดงหรือไม่ ผมไม่รู้ เขายังไม่ได้ลงฝึกซ้อมกับเราเลย ดังนั้นนั้นอาจจะดูเป็นไปไม่ได้ สาเหตุที่ถอดเบน ไวท์ ออกในช่วงพักครึ่ง นี่เป็นการตัดสินใจของผมในการถอดเขาออก เขาได้รับใบเหลือ และเราเล่นมามากพอในเกมส์ที่เราเหลือ 10 คนในนัดก่อน ผมคิดว่าทางซัคตาร์มีผู้เล่นตัวรุกทางฝั่งนี้ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นผมไม่อยากที่จะเสี่ยง
-
ครึ่งแรก คุมอะไรได้หมด แต่จังหวะจบสกอร์ไม่เด็ดขาดเอง มาได้ก็จากลูกชนเสาเด้งไปชนประตูเข้า ครึ่งหลังพอต้องเอาพี่หมึกไปเล่นแบ็คขวา ตรงกลางคุมเกมส์ไม่ได้เลย เกมส์รุกหายหมด ดีไม่โดนตีเสมอท้ายเกมส์ โอกาส 2-0 ทรอสซาร์ก็ยิงจุดโทษพลาดอีก จริงๆ น่าจะให้ ไค ยิง น่าจะชัวร์กว่าไหม!? แล้วต้องมานั่งลุ้นตัวเจ็บ โดยเฉพาะแผงเกมส์รับ ไวท์โดนเปลี่ยนออกพักครึ่ง เจ็บไหม!? คาลาฟิออรีแบ็คซ้ายก็เจ็บอีกครึ่งหลัง ซาลิบาแบน ทิมเบอร์ก็ยังไม่ชัวร์ แบ็คโฟร์สุดสัปดาห์นี้จะออกมาสภาพไหน เกมส์รุกก็จำเป็นต้องได้ซาก้ากลับมา 2 เกมส์เห็นชัดเลยว่า พอไม่มีตัวเอทแบบซาก้า พลังเกมส์รุกหายไปเยอะมาก อนาคตอันใกล้ควรหาปีกที่คุณภาพใกล้เคียงซาก้ามาแบบจริงจังได้แล้ว
-
CHAMPION LEAGUE 2024/25 #3 Arsenal 1 - 0 Shakhtar Tue 23 October 2024, 02.00 น. GOAL: 1-0 DmytroRiznyk (นาทีที่ 29, ทำเข้าประตูตัวเอง) ดาวิด ราย่า: 6.5 ครึ่งแรกราย่าแทบไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ครึ่งหลังก็เหมือนจะไม่ค่อยมีงานอะไรให้ทำ จนถึงช่วงทดเจ็บที่เขาต้องซูเปอร์เซฟลูกยิงจากนอกกรอบเขตโทษช่วยทีมไม่โดนตีเสมอแบบหวุดหวิด กาเบรียล มากัลเญส: 6.5 มีสองจังหวะบล็อกลูกยิงของฝั่งซัคตาร์เอาไว้ได้ ครึ่งแรกหนึ่งหน และครึ่งหลังที่ทรอสซาร์วางงานให้อีกหน กาเบรียลก็ยังแข็งแกร่งตามมาตรฐานของตัวเอง วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.0 ก็ไม่ได้เจอบททดสอบที่ยากอะไรมาก ทางทีมเยือนอาจจะมีส่วนหรือทะลุเข้ามาได้ทั้งกราบขวา แต่ซาลิบาก็ช่วยซ้อนได้ไม่ยาก การออกบอลมีจ่ายขาดบ้างเล็กน้อย ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.5 ขยับเข้ามายืนตรงกลางคู่กับปาร์เตย์ ซึ่งเขาสามารถพลิกบอลและพาบอลขึ้นหน้าได้ดี แต่วิธีการเล่น Invert อาจไม่ได้มีลูกจ่ายเข้าใน กลางครึ่งหลังคาลาฟิออรีเจ็บในจังหวะโดนผู้เล่นกระแทก จนเล่นต่อไม่ไหว นอกจากลุ้นแบ็คขวาแล้วยังต้องลุ้นแบ็คซ้ายอีก เบน ไวท์: 6.0 ก็ยังต้องเรียกฟอร์มการเล่นและสภาพความฟิตให้กลับมาอยู่ในมาตรฐานของตัวเอง ครึ่งแรกไวท์มีปัญหาไม่น้อยในการตามประกบปีกหมายเลข 7 ของฝั่งซัคตาร์ จนต้องไปตัดฟาล์วและเสียใบเหลืองไป ช่วงพักครึ่งเขาถูกเปลี่ยนตัวออกไป ไม่แน่ใจว่าเพราะใบเหลือง หรือว่าเรื่องสภาพร่างกาย โธมัส ปาร์เตย์: 6.5 ครึ่งแรกปาร์เตย์ทำผลงานได้ดีเลย ทั้งการไล่ตัดบอลตรงกลางสนาม ครึ่งหลังปาร์เตย์ต้องไปเล่นแบ็คขวา แทนไวท์ที่โดนเปลี่ยนออกไป พอจำเป็นต้องปรับแบบนี้ กลายเป็นใช้ปาร์เตย์ได้ไม่เต็มศักยภาพ แล้วแดนกลางทีมคุมเกมส์ไม่อยู่เลย เดแคลน ไรซ์: 6.0 ไรซ์ครึ่งแรกไปเล่นเป็นเบอร์ 8 ฝั่งซ้าย ก็มีจังหวะรวมเล่นกับมาร์ตี้ กับคาลาฟิออรีอยู่เป็นระยะ แต่ครึ่งหลังพอมายืนคุมตรงเบอร์ 6 เอง ยังคุมจังหวะได้ไม่ค่อยดี แล้วนัดก่อนเล่น 10 คนมาเกือบทั้งเกมส์ สายพลังงานแบบไรซ์ก็ดูออกอาการล้าให้เห็นเหมือนกัน กาเบรียล เฆซุส: 6.0 (C) ขยับออกมาเล่นเป็นปีกขวาแทนซาก้าที่ยังไม่สมบูรณ์ เฆซุสก็มีโอกาสที่จะพาบอลเข้าไปกดดัน แต่ด้วยความฝืน มากจังหวะ เลยทำให้จังหวะสุดท้ายไม่ได้จบ ท้ายครึ่งแรกมีโอกาสส่องจังๆ 2 หน แต่เฆซุสก็จบสกอร์ไม่ลง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.5 ถือว่ามีส่วนร่วมกับประตูนำ 1-0 ที่เขาเป็นคนลากตัดเข้ามายิงไปชนเสา ก่อนบอลจะไปเด้งโดนหลังผู้รักษาประตูเข้าไป ภาพรวมถือว่ามาร์ตี้ทำได้โอเค แล้ววิ่งไล่ช่วยเกมส์รับ โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ต้องประคองลูอิส-สเคลลี่ด้วย เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.0 ทรอสซาร์วันนี้เล่นแบบเร่งจังหวะตัวเองมากเกินไป หรือไม่ก็ตัดสินใจไม่ดี ทำให้การจบสกอร์หรือการจ่ายบอลได้เสีย ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี นัดก่อนจ่ายคืนหลังไม่ดีจนเพื่อนโดนแดง นัดนี้ก็มีจ่ายหลังสั้น ดีที่กาเบรียลบล็อกช่วยไว้ได้ทัน มีโอกาสสังหารจุดโทษให้ทีมนำ 2-0 แต่ทรอสซาร์ยิงได้แย่มาก ไค ฮาแวร์ตซ์: 7.0 ฮาแวร์ตซ์โอกาสลุ้นประตูแทบไม่มีเลย แต่มีโอกาสปั้นเพื่อนไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ทั้งทรอสซาร์ เฆซุส และมาร์ตี้ แต่เพื่อนจบกันไม่ได้ ครึ่งหลังเกมส์รุกทีมแทบจะหายไปเลย แต่ฮาแวร์ตซ์ก็ยังช่วยพักบอลในแดนหน้าได้ดีหลายครั้ง ตัวสำรอง: มิเกล เมริโน่: 6.0 (นาทีที่ 46, ไวท์) ลงมาเล่นครึ่งหลัง เล่นเป็นกองกลางเบอร์ 8 ฝั่งซ้ายที่ตัวเองถนัด แต่ภาพรวมครึ่งหลังทั้งทีมเล่นได้ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานเยอะ ส่วนใหญ่งานของเมริโน่คือไปช่วยเกมส์รับมากกว่าจะช่วยเกมส์รุกเสียอีก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 6.0 (นาทีที่ 68, เฆซุส) ลงมาก็ไม่ได้สร้างอิมแพ็คหรืออะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันได้เลยสำหรับสเตอร์ลิ่ง ไมลส์ ลูอิส-สเคลลี่: 6.0 (นาทีที่ 72, คาลาฟิออรี) จำเป็นต้องถูกส่งลงมาเล่นในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ซึ่งทางซัคตาร์ก็เลือกมาเล่นงานฝั่ง ลูอิส-สเคลลี่ เพราะดูยังเป็นเด็กอ่อนประสบการณ์ แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดไปได้ จอร์จินโญ่: N/A (นาทีที่ 87, ทรอสซาร์)
-
The Times รายงานว่า สโมสรอาร์เซน่อล ได้เริ่มต้นสำรวจความเป็นไปได้ในการปรับปรุง และขยายสนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม เพื่อเพิ่มรายได้จากค่าตั๋วเข้าชมเกมส์ ในการแข่งขันกับบรรดาทีมชั้นนำร่วมลีก ปัจจุบันสนามเอมิเรสต์ จุผู้ชมได้ 60,000 ที่นั่ง ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอน ก่อนที่จะโดนทางท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แซงหน้าด้วยความจุที่มากกว่า 62,850 ที่นั่ง และมีรายได้เฉลี่ย 6 ล้านปอนด์ต่อเกมส์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองก็กำลังจะสร้างสนามใหม่ขนาดความจุ 100,000 ที่นั่ง ส่วนทางเวสต์แฮม ก็มีแผนที่จะขยายสนามลอนดอน สเตเดี้ยม เป็น 68,000 ที่นั่ง นั่นจะทำให้พวกเขากลายเป็นสนามใหญ่อันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก หากอาร์เซน่อลไม่มีการปรับปรุงสนาม พวกเขาจะไม่สามารถเพิ่มรายได้จาก Match day ได้มากนัก ในฤดูกาล 2022/23 พวกเขามีรายได้ 102.6 ล้านปอนด์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2023/24 เนื่องจากทีมได้เล่นในแชมเปี้ยนลีก ตามปกติตั๋วเข้าชมเกมส์ของอาร์เซน่อลจะขายหมดเสมอ และพวกเขาตระหนักดีว่าพวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มความจุ เพื่อตอบสนองกับความต้องการตั๋วที่เพิ่มมากขึ้น และสิ่งอำนวยความสะดวกในสนาม เช่น อาหาร และการให้บริการอินเตอร์เน็ต KSE บริษัทเจ้าของสโมสรอาร์เซน่อล มีประสบการณ์ในการสร้างสนามกีฬา โดยพวกเขาสร้าง โซไฟ สเตเดี้ยม อันทันสมัย ซึ่งเป็นรังเหย้าของ แอลเอ แรมส์ และแอลเอ ชาร์เจอร์ สองทีมดังในศึกเอ็นเอฟแอล โดยสนามมีความจุ 70,240 ที่นั่ง สำหรับแผนระยะสั้นพวกเขาได้จ้างบริษัท Populose ในการเข้ามาปรับปรุงการให้บริการภายในสนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม โดยทางคริส แมดดิสัน หัวหน้าฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มของ Populous กล่าวในงาน Leaders Week London เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า: "เรากำลังทำการออกแบบห้องครัวหลักที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ 3 เท่า พื้นที่มีความจำเป็นต่อการเพิ่มรายได้ตามความต้องการ แต่ขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้วย"
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 #8 Bournemouth 2 - 0 Arsenal Sat 19 October 2024, 23.30 น. GOAL: 1-0 ไรอัน คริสตี้ (นาทีที่ 70, ไคลเวิร์ต) 2-0 จัสติน ไคลเวิร์ต (นาทีที่ 78, จุดโทษ) ดาวิด ราย่า: 6.5 มีความผิดพลาดอยู่บ้าง ในจังหวะเปิดบอลเห็นๆ ก็ 2-3 ครั้ง แต่ก็มีจังหวะที่ตามไปแก้ตัวความผิดพลาดได้ แล้วมีจังหวะเซฟอยู่เป็นระยะ แต่ท้ายที่สุดก็ต้านไม่ไหว มาเสียสองประตู แล้วจังหวะจุดโทษ เขาก็เป็นคนทำฟาล์ว แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้วที่ราย่าต้องออกมาเล่นแบบนั้น กาเบรียล มากัลเญส: 6.5 (C) ก็ต้องมาเป็นพี่ใหญ่ในแนวรับ กับปลอกแขนกัปตันทีม จริงๆ ก็ต้านจังหวะโอเพ่นเพลย์มาได้เกือบตลอดรอดฝั่ง แต่มาเสียจากลูกสูตรเตะมุมของบอร์นมัธ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 5.0 ไปโดนใบแดงตั้งแต่นาทีที่ 30 ของเกมส์เท่านั้น กับจังหวะที่ตัดสินใจไปดึงกองหน้าของบอร์นมัธ ซึ่งเขาถูกมองเป็นตัวสุดท้าย ลูกนี้เป็นการตัดสินใจแบบเสี้ยวนาที แต่มันสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะยังเหลือระยะทางอีกไกลกว่าจะถึงกรอบเขตโทษ แล้วมีเบน ไวท์อีกคนที่กำลังไล่ตามมาช่วย ใบแดงนี้กระทบต่อเนื่องเกมส์ถัดไป เขาจะโดนแบนในเกมส์เจอกับลิเวอร์พูล ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.5 เกมส์รับของคาลาฟิออรี เกมส์นี้ทำได้ค่อนข้างดี มีช่วงเคลียร์ลูกกลางอากาศสำคัญๆ ได้ 2-3 หน พอทีมเสียประตู คาลาฟิออรีก็พยายามที่จะเติมแลกในช่วงท้าย เบน ไวท์: 6.0 ไวท์นัดก่อนเจ็บตอนที่เหลือ 10 คนกับซิตี้ พอหายเจ็บกลับมา ก็ต้องเจอสถานการณ์ตัวผู้เล่นน้อยกว่าอีกแล้ว เกมส์รับอาจจะมีหลุดๆ อยู่บ้าง แต่ภาพรวมเขาก็ยังทำได้ดีอยู่ โธมัส ปาร์เตย์: 6.5 ถึงวันนี้ทีมจะแพ้แต่ต้องชม ปาร์เตย์ เล่นได้ดีเลย กับการปะทะแย่งบอลตรงกลางสนาม ที่เห็นปาร์เตย์วันนี้เข้าบอลหนักหน่วง เดแคลน ไรซ์: 6.5 ไรซ์ก็ทำได้ดี พลังงานยังมาเต้มเหมือนเดิม ด้วยการที่เหลือตัวน้อยกว่า บ่อยครั้งที่ไรซ์ต้องพาบอลตะลุยขึ้นหน้าไปเอง เพื่อสร้างโอกาสเวลาที่ทีมได้สวนกลับ ด้านเกมส์รับก็ช่วยป้องกันพื้นที่ได้ดี มิเกล เมริโน่: 6.5 สตาร์ทตัวจริงเกมส์แรกให้กับอาร์เซน่อล เป็นคนที่มีบทบาททั้งตอนที่ตัวเท่ากันและตัวน้อยกว่า โดยเฉพาะครึ่งหลังที่เมริโน่ เป็นเหมือนตัวหาจังหวะขึ้นเกมส์ การครองบอลเหียว แต่ยังมีการจ่ายบอลบางจังหวะที่น้ำหนักยังไม่ได้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 6.0 อุตสาห์ได้สตาร์ทตัวจริง แต่ก็ได้อยู่ในสนาม 30 กว่านาที เพราะทีมเหลือ 10 คนจำเป็นต้องเปลี่ยนคิวิออร์ลงมาเพิ่ม ช่วงเวลาที่อยู่ในสนาม สเตอร์ลิ่งก็ได้บอลอยู่พอสมควร เพียงแต่จังหวะสุดท้ายขาดประสิทธิภาพไป เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.0 มีส่วนผิดพลาดในจังหวะใบแดงของซาลิบาด้วย เพราะเขาเป็นคนเบิ้ลคืนหลังล้น แล้วไม่ใช่หนเดียวที่บอลจากเท้าของทรอสซาร์น้ำหนักขาดๆ เกินๆ เป็นแบบนี้หลายครั้งมาก ไค ฮาแวร์ตซ์: 6.5 โดดเดี่ยวเลย ต้องเล่นอยู่ด้านบนคนเดียว โดยเฉพาะช่วงที่เวลาที่เหลือ 10 คน ในวงล้อมผู้เล่นของบอร์นมัธ ซึ่งฮาแวร์ตซ์ก็พยายามเต็มที่แล้ว ตัวสำรอง: ยาคุบ คิวิออร์: 5.0 (นาทีที่ 35, สเตอร์ลิ่ง) ทำพลาดแบบเต็มๆ ในจังหวะที่จ่ายคืนหลังพลาด จนทำให้ทีมเสียจุดโทษ และทำให้ทีมตาม 2-0 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.0 (นาทีที่ 64, ทรอสซาร์) ลงมาแล้วมีโอกาสทองที่จะยิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 แต่มาร์ตี้ยิงไปติดเซฟเกป้า ถ้าลูกนี้เปลี่ยนเป็นประตูได้ โฉมหน้าเกมส์อาจจะเปลี่ยนไป กาเบรียล เฆซุส: 6.0 (นาทีที่ 80, คิวิออร์) อีธาน วาเนรี่: 6.0 (นาทีที่ 80, คิวิออร์) ลงมาแล้ว ใช้ได้เลย แม้ว่าจะมีเวลาแค่ 10 นาที สเต็ปการเล่นที่วาเนรี่แสดงออกมา มีความกล้าเล่น ใกล้ถึงเวลาที่จะพร้อมสำหรับเวทีลีกแล้วล่ะ
-
การตัดสินใจของอาร์เซน่อลในการอัพเกรดจาก อารอน แรมส์เดล ด้วย ดาบิด ราย่า เมื่อช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว มิเกล อาร์เตต้า เชื่อว่าผู้รักษาประตูทีมชาติสเปน มีความสามารถที่เหนือกว่าในการมีส่วนร่วม และการตัดสินใจเวลาที่ทีมครองบอล และกับฟุตบอลบอลสมัยใหม่ ผู้รักษาประตูมีส่วนสำคัญในการขึ้นเกมส์จากแนวหลัง แต่จากการรวบรวมสถิติของทาง Opta เมื่อเดือนที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าการขึ้นเกมส์จากแดนหลัง นำมาสู่ข้อผิดพลาด การเสียเทิร์นโอเวอร์ และโอกาสที่จะนำไปสู่การเสียประตู มากกว่าช่วงใดๆ ก็ตามในทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติพบว่ามีเพียงแค่ 16 จาก 20 ทีมในพรีเมียร์ลีก ที่เล่นบอลสั้น มากกว่าที่เตะยาวขึ้นมาแดนคู่แข่ง ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ทีมใดเล่นบอลยาวมากกว่าบอลสั้น ในการเตะบอลจากประตู บางทีก็ค่อนข้างน่าประหลาดใจที่อาร์เซน่อลเป็นทีมที่เตะบอลยาวจากลูกเตะจากประตูบ่อยที่สุดในลีก เมื่อฤดูกาลก่อน อาร์เซน่อลเตะบอลยาวระยะ 40 เมตร คิดเป็น 34% จากการเตะจากประตู ต่ำสุดเป็นอันดับ 7 ของลีก แต่ใน 7 เกมส์แรกของฤดูกาลนี้ สถิติของอาร์เซน่อลในการเล่นบอลยาวจากลูกเตะจากประตูเพิ่มขึ้นเป็นพรวดพลาด 78% มากกว่าทีมอันดับ 2 อย่างเอฟเวอร์ตัน 15% แล้วดูเหมือนอาร์เซน่อลจะพุ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามของคนอื่น แนวมันอาจจะมีปัจจัยที่ผันแปร และบิดเบือนสถิติดังกล่าวไปเล็กน้อย เนื่องจากมี 2 เกมส์ที่อาร์เซน่อลต้องเล่นโดยมีผู้เล่น 10 คน ทำให้ราย่า มีแนวโน้มที่จะเล่นบอลยาวในครึ่งหลังกับไบรท์ตัน และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากขึ้น กับการไปเยือนบอร์นมัธ ในวันเสาร์นี้ ลูกทีมของ อันโดนี่ อิราโอล่า ที่เก่งมากกับการเล่นเพลสซิ่งสูง เราอาจจะได้เห็นการเล่นบอลยาวจากการเตะจากประตูของอาร์เซน่อลอีก อย่างไรก็ตาม การที่ทีมใดก็ตาม ที่มีสถิติใดที่โดดเด่น จะต้องมีเหตุผลบางอย่าง บทบาทของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ในฐานะศูนย์หน้าตัวเป้าก็เป็นปัจจัยหนึ่ง เวลาที่ราย่า เปิดบอลยาว เป้าหมายเขามักจะทิ้งไปทางฝั่งขวา โดยมีฮาแวร์ตซ์ เป็นคนที่รอเก็บบอล การเตะเปิดยาวของราย่า เพิ่มขึ้นจาก 32% เป็น 38% แต่มีแนวโน้มที่จะเอียงไปทางฝั่งขวา แนวความคิดในเรื่องการเตะจากประตูเปลี่ยนไป ในช่วงปี 2019 ที่มีการเปลี่ยนกฏการเตะจากประตู ทำให้หลายทีมหันมาเล่นบอลสั้นมากขึ้น และบอลยาว โดนมองว่าอาจกลายเป็นความเสี่ยงขึ้นมาได้ หากกองหน้าไม่สามารถเก็บบอลได้ จะทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่ตรงกลางสนาม มีโอกาสที่จะถูกคู่แข่ง ในการเจอกับวูลฟ์แฮมตัน ในเกมส์นัดเปิดซีวั่น อาร์เซน่อลใช้บอลยาวตลอดทั้ง 6 ครั้ง ที่ได้เตะจากประตูขึ้นมา หนึ่งในนั้นแสดงให้เห็นวิธีการชาญฉลาด ขณะที่บอลกำลังลอยอยู่บนอากาศ เดแคลน ไรซ์ รวมกลุ่มอยู่กับฮาแวร์ตซ์ ในการสกัดกั้นการเข้าถึงของผู้เล่นของวูลฟ์ แทนที่จะเป็นเซนเตอร์แบ็คตัวกลาง ที่เป็นคนขึ้นเล่นลูกกลางอากาศเพื่อชิงบอลแรก แต่กลายเป็นกองกลางตัวเล็กของวูลฟ์ ทำให้ฮาแวร์ตซ์ สามารถชิงเล่นบอล แล้วบอลก็ไปถึงบูคาโญ ซาก้า ขณะที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และมาร์ตินโอเดการ์ด ก็เคลื่อนที่ เพื่อเข้าโจมตีแดนบนของคู่แข่งในจังหวะต่อเนื่อง การปรับเปลี่ยนนี้ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า มิเกล อาร์เตต้า เป็นผู้จัดการทีมที่เปิดกว้าง และมีความยืดหยุ่น เมื่ออาร์เซน่อลสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ และเล่นบอลไดเร็กซ์มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาไม่มี มาร์ติน โอเดการ์ด จอมทัพที่บาดเจ็บยาวตั้งแต่เดือนกันยายน พวกเขาพร้อมที่จะชนะไม่ว่าจะด้วยบริบทใดก็ตาม และนี่คืออีกหนึ่งอัตลักษณ์ที่พวกเขาแสดงให้เราได้เห็น เปรียบเทียบแนวโน้มของทีมที่เน้นครอบครองบอล เชลชี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ไบรท์ตัน, ฟูแล่ม, เซาแธมป์ตัน และท็อตแน่ม ฮตสเปอร์ การจ่ายบอลแรกจากลูกเตะจากประตู เกิดขึ้นในกรอบ 6 หลาของตนเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสเปอร์ยังไม่เคยเตะบอลยาวจากประตูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในเกมส์กับอตาลันตา ในยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก แทนที่จะจ่ายบอลหนีเพลสซิ่ง ราย่ากลับเลือกเล่นบอลยาว ไรซ์สปรินซ์ขึ้นหน้าจากตำแหน่งกองกลาง และด้านบนจะมีหอคอยคู่ ไรซ์กับฮาแวร์ตซ์ ในการเก็บบอล ขณะที่ ซาก้า กับมาร์ติเนลลี่ ปีกสองข้าง หุบเข้าด้านในเพื่อเก็บบอลจังหวะสอง ในจังหวะโอเพ่นเพลย์ ราย่า มักจะขึ้นมายืนสูง บางครั้งอยู่บริเวณเกือบกึ่งกลางสนาม และเขาไม่หวั่นที่จะวางบอลยาวเข้าพื้นที่สุดท้าย อย่างในเกมส์กับไบรท์ตัน บอลยาวลักษณะนี้สร้างปัญหา ได้มากกว่าการเล่นบอลสั้น ในเกมส์ที่ชนะสเปอร์ 1-0 ในจังหวะทุ่มบอลในแดนตัวเอง แทนที่จะทุ่มขึ้นหน้า เบน ไวท์ กลับเลือกทุ่มคืนหลังให้ซาลิบา ก่อนจะจ่ายบอลคืนให้ ราย่า ก็หวดยาวขึ้นหน้ามาให้กับฮาแวร์ตซ์ ในแดนบนทันที มาร์ติเนลลี่เข้ามาเก็บบอลจังหวะสอง จังหวะนี้ถ้าจ่ายบอลกันเนียนกว่านี้ พวกเขาจะมีโอกาสทองในการลุ้นประตูได้เลย ราย่า เป็นผู้รักษาประตูที่เตะบอลยาวมากกว่าผู้รักษาประตูคนอื่นๆ จะเป็นอีกหนึ่งอาวุธของอาร์เซน่อล และมิเกล อาร์เตต้า พวกเขาไม่ได้ยึดติดว่าต้องเล่นฟุตลอลที่สวยงามเสมอไป พวกเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งด้วยลูกเตะมุม และพร้อมที่จะถอยลงไปตั้งรับลึกเพื่อรักษาสกอร์ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตปราการหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พูดแบบติดตลกถึงกุนซือของอาร์เซน่อลว่า "วิธีการแบบ มิเกล พูลิช" ซึ่งไปพ้องกับชื่อของ โทนี่ พูลิข อดีตผู้จัดการทีมของสโต๊ค ซิตี้ ที่ขึ้นชื่อเรื่องบอลไดเร็กซ์และลูกตั้งเตะ แต่ด้วยผลงานของอาร์เซน่อลในเวลานี้ พวกเขาไม่รังเกียจที่จะทำวิธีการใดก็ตาม ในแบบของตัวเอง ถ้าหากมันสามารถนำผลลัพธ์มาให้พวกเขาได้